บทที่ 3 ตอนที่ 15.2
『ลุยกันเลย เร็นกะ!』
『โอ้!』
ทันทีที่ศัตรูเข้ามาในสายตา สิ่งแรกที่ผมทำก็คือชิงโจมตีก่อนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ฟูลซิงโครกับเร็นกะ ปล่อยการโจมตีด้วยพลังสูงสุด
ต่อให้อีกฝ่ายมีทำลายขีดจำกัด หรือถูกเสริมแกร่งด้วยพลังงานที่รับจากเขาวงกต ก็หลีกเลี่ยงความเสียหายใหญ่ไปไม่ได้
เวทมนตร์โจมตีขั้นสูง・เอ็กซ์โพลชั่น โดนเข้าใส่คิชโชเต็งเต็มๆ เปลวเพลิงและคลื่นกระแทกทำเอาบรรยากาศสั่นสะเทือน เมอากับพวกเอลิซ่าเองก็ยิงเวทโจมตีซ้ำเข้าใส่อีกเป็นชุด
เมื่อฝุ่นเริ่มจางลงในที่สุด ที่ตรงนั้นก็มีคิชโชเต็งที่บาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัด
ดีล่ะ! แต่ก่อนที่จะมาดีใจ ในตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับการปิดฉาก
ยูคิใช้ย่นระยะเพื่อเข้าทางด้านหลังศัตรู ส่วนเอลิซ่ากำลังใช้ดาบเพื่อฟันเข้าใส่—-ในตอนนั้นเอง
『มาสเตอร์!』
จู่ๆ เอลิซ่าก็ส่งสัญญาณเตือน ใช้งานโล่แห่งการอุทิศตน—-แย่แล้ว!
ก่อนที่จะสามารถทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทำการสับเปลี่ยนการซิงโครจากเร็นกะมาเป็นเอลิซ่าด้วยสัญชาตญาณ
อย่างที่คิดว่าไม่สามารถฟูลซิงโครได้ แต่ก็สามารถซิงโครขึ้นไปได้เกือบๆ 80% และแล้วฝนดาวตกก็ได้พุ่งเข้าใส่ด้านข้างของพวกเรา
『คุ่กกก…..อ-อึก!』
เอลิซ่ากัดฟันเพื่อรักษาโล่แห่งการอุทิศตนเอาไว้ เลือดที่กักเก็บเอาไว้ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเพื่อบ่งบอก แม้แต่ดูลลาฮานที่มีพลังชีวิตร่วมกันอยู่ ก็เริ่มร้าวและแตกสลาย
จังหวะต่อมา เมอาใช้เวทมนตร์โพรเทคชั่น ในขณะที่เร็นกะใช้เรเจอเนอเรดเพื่อสนับสนุนเอลิซ่า
ในตอนที่สามารถอดทนรับการโจมตีของศัตรูผ่านไปได้ เอลิซ่าก็ได้ใช้เลือดที่กักเก็บเอาไว้แทบหมด ส่วนชุดเกราะที่สวมอยู่ก็ไม่มีเค้าโครงเดิมเหลือแล้ว อยู่ในสภาพที่เกือบลอส
『อ-เอลิซ่า!』
เมอาส่งเสียงร้องพร้อมกับอัญเชิญซัคคิวบัสเพื่อส่งให้กับเอลิซ่า แล้วเอลิซ่าด้วยดวงตาแดงก่ำ ก็กัดเข้าไปที่ลำคออันไร้ซึ่งการป้องกันของซัคคิวบัสแล้วเริ่มดูดเลือดอย่างบ้าคลั่ง
ชำเลืองมองดูก็เห็นว่าบาดแผลได้ถูกรักษาทันที แล้วจึงหันไปมองเจ้าของการโจมตีเมื่อครู่นี้
ที่ตรงนั้นมีหญิงอัปลักษณ์ในชุดสีดำพร้อมผิวที่ราวกับติดโรคและผมของคนแก่ กำลังยืนอยู่
—-โคคุอันเท็น อย่างที่คิด โผล่มาแล้วสินะ
ว่ากันว่าจ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษจะปรากฏตัวขึ้นแค่ 1 ตัวเท่านั้น ทว่านั่นไม่ถูกต้อง ถ้าให้แม่นยำมากกว่านี้แล้วล่ะก็ ไม่ใช่ 1 ตัว แต่เป็น『1 ช่อง』ต่างหาก
แน่นอนว่าถ้าหากมีสกิลที่อนุญาตให้อัญเชิญการ์ด 2 ใบได้ใน 1 ช่องการอัญเชิญแล้วล่ะก็ แม้แต่จ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษก็สามารถปรากฏขึ้น 2 ตัวได้ในเวลาเดียวกัน
ใช่แล้ว ตัวอย่างเช่น สกิล 2 ร่างรวมเป็น 1 —- สกิลที่เป็นขั้นสูงกว่าก็คือ เทพธิดา 2 ภาค
เทพธิดา 2 ภาค ต่างไปจากสกิล 2 ร่างรวมเป็น 1 ตรงที่ไม่มีสกิลอะไรเมื่อสามารถรวบรวมการ์ดได้ครบ 2 ใบ (หรือควรจะบอกว่าสามารถใช้สกิลที่เป็นเอกลักษณ์นั้นได้เลยแม้จะไม่ได้รวบรวมครบ 2 ใบ…..) เพียงแต่เมื่อรวบรวมได้ทั้ง 2 ใบ สกิลนั้นจะได้รับการส่งเสริมให้ดีมากยิ่งขึ้นไปแทน
นอกเหนือไปจากการแบ่งปันพลังชีวิตที่มีในสกิล 2 ร่างรวมเป็น 1 แล้ว ยังมีผลประโยชน์อีกหลากหลาย อย่างเช่น『แบ่งปันพลังเวทและสกิลเรียนรู้』『แบ่งปัน, ผ่อนปรนเงื่อนไข, เพิ่มจำนวนครั้งของสกิลที่จำกัดการใช้งาน』『เพิ่มค่าพลังต่อสู้』
โคคุอันเท็นเอง เนื่องจากไม่มีโอกาศได้การ์ดทาทาริม็อคเกะ* ที่ใช้หวนคืนจิตวิญญาณได้มา ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากจนถึงตอนนี้เกี่ยวกับสกิลที่พอทั้ง 2 ใบมาอยู่ด้วยกันจะสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเลย
ทว่า ถึงแม้ทางนี้จะไม่สามารถใช้เทพธิดา 2 ภาคได้เต็มที่ แต่ทางศัตรูเองสามารถใช้มันได้ราวกับเป็นเรื่องปกติ
ขึ้นอยู่กับเขาวงกต การปรากฏเพียงตัวเดียวถือเป็นปกติ ก็ภาวนาให้มันปรากฏมาแค่ตัวเดียวอยู่ แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาของผมจะไร้ผล
…..หรืออันที่จริง เขาวงกตคงจะรับรู้ได้ถึงความกังวลของผมต่อเรื่องนั้น ก็เลยทำการเรียกออกมา 2 ตัวเลย
『…..ฝ-ฝน…..』
เมอาเงยหน้าแล้วพึมพำ
ภายในศาลเจ้า ฝนที่ส่องแสงได้ตกลงมา ฝนอมฤตของคิชโชเต็งฝ่ายศัตรู…..
ขณะที่ทางเรากำลังรักษาบาดแผลเอลิซ่า ทางนั้นเองก็ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์เช่นกัน
แถมด้วย ฝนอมฤตของทางฝั่งเราสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียว แต่ทางนั้นไม่แน่ว่าอาจจะสามารถใช้กี่ครั้งก็ได้
…..โธ่เว้ย น่าอิจฉาจริงๆ
ในสถานการณ์แบบนี้ ตามทฤษฏีแล้วจะต้องจัดการตัวฟื้นฟูได้ไปก่อน แต่เนื่องจากเทพธิดา 2 ภาคมีความสามารถในการแบ่งปันพลังชีวิต ถ้าไม่สามารถสร้างความเสียหายให้ได้มากเท่ากับพลังชีวิตรวมกันทั้ง 2 ตัวแล้วล่ะก็ จะไม่สามารถจัดการได้
แน่นอนว่าหากเหลือพลังชีวิตแม้เพียงนิดเดียว ฝนอมฤตก็จะฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ได้
บอสที่สามารถร่ายเวทฟื้นฟูพลังได้เต็ม ถ้าหากว่านี่เป็นเกมล่ะก็คงได้เห็นรีวิววิจารณ์ด่ากันเละเต็มไปหมดแน่
…..ยังไงก็ตาม ถึงแม้มันจะยุ่งยากสุดๆ แต่หนทางที่จะเอาชนะมันก็ชัดเจนแล้ว
จะเป็นการทุ่มการโจมตีอย่างรุนแรงที่มากพอจะจัดการทั้ง 2 ตัวได้ในเวลาเดียวกันก็ดี, หรือทำให้ทั้ง 2 ตัวหลับพร้อมกันแล้วให้เมอาลดพลังจนตายจากภายในก็ดี
ถ้าหากว่าสบโอกาศล่ะก็จะพยายามใช้สถานะผิดปกติหลับไหลดู แต่ก่อนอื่นต้องค่อยๆลดพลังชีวิตลงมาให้อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ในการโจมตีครั้งเดียวซะก่อน
ปัญหาก็คือ ไม่ว่าจะดูยังไง อีกฝ่ายก็มีทำลายขีดจำกัดแน่ นั่นหมายถึงพลังทำลายของมันสามารถจัดการทางฝั่งเราได้ในทีเดียว…..
『เมอาช่วยอัญเชิญซัคคิวบัสออกมาไปแบบนั้นก่อน เอลิซ่ากินซัคคิวบัสที่อัญเชิญมาแล้วสะสมเลือดไปเรื่อยๆ! ด้วยพลังโจมตีขนาดนี้ต่อให้เรียกมายังไงก็ถูกจัดการไปในทีเดียวอยู่ดี』
จากฝนดาวตกเมื่อครู่ ทำลายขีดจำกัดได้ถูกก็อปปี้ไปเป็นที่แน่นอนแล้ว ต่อให้เอาซัคคิวบัสที่มีพลังต่อสู้ 300 ไปขวางหน้าศัตรูแบบนั้น ก็ได้ละลายหายไปในทีเดียวอยู่ดี ถ้างั้นล่ะก็ สู้เอาไปเป็นแหล่งเชื้อเพลิงของเอลิซ่าจะดีกว่า
『แล้วก็ส่งไดน์สเลฟให้ยูคิแทน ยูคิ สวมนี่ด้วย』
พอยูคิได้รับไดน์สเลฟจากเอลิซ่าแล้ว ก็ส่งรองเท้าแตะมีปีก—-ทาลาเรียให้
ในตอนนี้ศัตรูยังอยู่บนพื้น แต่ถ้าเกิดหนีไปบนฟ้าล่ะก็ ยูคิจะไม่สามารถไล่ตามไปได้
ได้เก็บมันเอาไว้จนเกือบนาทีสุดท้ายเพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้เอลิซ่าหรือยูคิดี แต่ตอนนี้เอาให้ยูคิน่าจะดีที่สุด
『ซุซูกะซ่อนตัวเอาไว้แล้วหาจังหวะดีเพื่อใช้เยือนยามฉลู เร็นกะเป็นกำลังหลัก ยังไงซะตอนนี้ยิงเวทมนตร์ใส่เท่าที่จะทำได้ไปก่อน』
หลังจากได้ยินคำสั่ง เหล่าการ์ดก็เริ่มเคลื่อนไหว
ยูคิใช้วิชาพ่นไฟเพื่อสร้างม่านควันให้ซุซูกะไปซ่อนตัวกลมกลืนไปในพื้นที่ศาลเจ้า ขณะที่เอลิซ่ากับเมอาพาผมถอยร่นมาด้านหลัง แล้วจึงอัญเชิญ Coach-a-Bower เพื่อเข้าไปหลบซ่อนตัวข้างใน
เป็นเกราะกำบังที่ดีกว่าไม่มีอะไรเลย แต่ก็มีทั้งปกปิดตัวตนและล่องหนหายตัวอยู่ ดีกว่าเป็นศูนย์นั่นแหละ
จากมุมมองของเหล่าการ์ด ยูคิใช้ทาลาเรียเคลื่อนไหวด้วยความเร็วกับย่นระยะเพื่อทำให้ศัตรูสับสน และกำลังใช้ดาบเพื่อโจมตีใส่คิชโชเต็ง
ไดน์สเลฟมีความสามารถในการปิดกั้นการฟื้นฟู ถึงแม้ฝนอมฤตจะสามารถลบล้างคำสาปนั้นไปได้ แต่การที่สามารถยกเลิกเวทมนตร์ฟื้นฟูอื่นๆได้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบใหญ่มาก
ยูคิอ้อมเข้าทางด้านหลังได้ในพริบตา แม้แต่คิชโชเต็งก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน และฟันเข้าใส่แผ่นหลังนั่น—-
『อะไรกัน!?』
คิชโชเต็งที่ยูคิฟันใส่ได้กลายเป็นท่อนไม้ และที่อยู่ห่างออกไปก็ปรากฏเป็นโคคุอันเท็นกำลังอุ้มคิชโชเต็งอยู่
บ้าเอ๊ย! ก็อปปี้วิชานินจาขั้นสูงไปเรอะ!
โคคุอันเท็นที่อุ้มคิชโชเต็งอยู่ ด้วยย่นระยะทำการวิ่งไปรอบพื้นที่ของศาลเจ้า พร้อมด้วยเวทมนตร์โจมตีวงกว้างที่ถูกปล่อยออกมาต่อเนื่อง
พอมาจุดนี้ที่ยูคิทำได้ก็มีแค่เพียงหลบหลีกเวทมนตร์ ส่วนเร็นกะก็ไม่สามารถโจมตีได้เต็มที่เพราะกลัวว่าจะไปเผลอโดนยูคิเข้า
『ป้อมปืนเคลื่อนที่ความเร็วสูงที่เลวร้ายที่สุด…..』
ครางอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ใช่แค่เพียงพลังต่อสู้ที่สูงเท่านั้น แต่ยังใช้กลยุทธได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย…..
แล้วในตอนนั้นเองก็ได้เห็น คิชโชเต็งที่กำลังถูกโคคุอันเท็นอุ้ม ได้กัดไปที่หัวแม่โป้ง
『หัวแม่โป้งของฟิน…..!』
คิชโชเต็งที่มีสติปัญญาเพิ่มขึ้นด้วยหัวแม่โป้งของฟิน คือมันสมองคอยกำกับแผนการนี้
…..รู้สึกราวกับว่าทุกอย่างที่เตรียมการมาเพื่อการแข่งนี้ กลายมาเป็นคมเขี้ยวเข้ามาขัดขวางตัวผมแทน ผมกัดฟันอย่างแรง
『เมอา ใช้ภาพลวงตาจากความฝันของผีเสื้อ ช่วยสนับสนุนยูคิที!』
『อือ!』
ไม่มีทางเลือกอื่น หยุดการอัญเชิญซัคคิวบัสเอาไว้ก่อนแล้วให้เมอาทำการสนับสนุนยูคิ
ภาพลวงตาของเมอาช่วยซ่อนตัวยูคิแล้วสร้างเป็นยูคิร่างปลอมออกมาจำนวนมาก เหล่าภาพลวงตาวิ่งไปรอบๆพื้นที่ศาลเจ้า
นี่น่าจะทำให้อะไรๆง่ายขึ้นบ้าง…..
『บ้าน่า! ทำไมกัน!? ไม่ติดกับภาพลวงตาเลย』
ทว่าพวกโคคุอันเท็นไม่หลงกลภาพลวงตา สามารถเล็งเป้ายูคิที่หายตัวอยู่ได้อย่างแม่นยำ
บ้าเอ๊ย นี่มัน…..จับเท็จของซุซูกะ!
นี่มันยังไงกัน! ถึงจะแค่เพิ่งได้สกิลไปแต่กลับใช้งานได้ดีมากกว่าผมซะอีก!
สกิลที่เหล่าการ์ดของผมมีอยู่ พอเป็นศัตรูแล้วมันยุ่งยากขนาดนี้เชียว…..
…..ไม่ ผิดแล้ว ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ไม่ใช่ว่าศัตรูใช้สกิลได้อย่างดี ก็แค่ผมมันไม่ได้เรื่องในการผสานการใช้งานสกิลก็เท่านั้น
เพราะงั้นผมจึงถูกศัตรูที่มีสกิลของการ์ดผมเพียงเศษเสี้ยวกระทำราวกับเป็นของเล่น
ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะความสามารถในการบัญาการของผมมันห่วย…..
พูดง่ายๆอีกอย่างคือ ผมแย่เรื่อง『การ์ดเกม』
ผู้เล่นแย่ๆ ที่เอาแต่ใส่การ์ดลงไปในเด็คเพียงแค่เพราะว่ามันแข็งแกร่ง โดยที่ไม่ได้ทำความเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของมันจริงๆเลย….. นักผจญภัยที่แค่เก็บรวบรวมการ์ดที่มีพลังต่อสู้สูงและสกิลหายาก นั่นก็คือผู้ชายอย่างผมล่ะ
เป็นสมบัติที่เสียของ ยื่นแก้วให้วานร ยื่นทองให้แมว
…..แต่ว่าแค่การรับรู้ถึงมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้ในทันที
ชั้นเชิงกลยุทธ มันมาจากความรู้สึกและประสบการณ์ที่สั่งสม
ต่อให้สามารถเอาตัวรอดแล้วเรียนรู้พื้นฐานภายหลังได้ก็ตาม แต่การหาหนทางแก้ที่ดีที่สุดขึ้นมาในทันที ตัวผมทำไม่ได้
—–เพราะแบบนั้น ในตอนนี้จึงเริ่มจากการเลียนแบบไปก่อน
เหมือนกับผู้เล่นใหม่ที่ไปก็อปปี้เอาเด็คของผู้เล่นระดับสูงแล้วเรียนรู้กลยุทธของพวกเขา ทำการเลียนแบบกลยุทธของศัตรูไปทั้งๆแบบนั้นเลย
ก่อนอื่นให้ยูคิแบกเร็นกะไว้บนหลัง เลียนแบบป้อมปืนเคลื่อนที่ความเร็วสูงของศัตรู แต่แค่เลียนแบบคงจะน่าเบื่อเกินไป จึงตัดสินใจยิงสาดเวทมนตร์จากทั้งด้านบน ล่าง ซ้าย ขวา และกลางอากาศ
นี่ทำให้ศัตรูไม่สามารถโจมตีใส่ได้อยู่ฝ่ายเดียว แล้วการต่อสู้ระหว่างทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นการอ่านการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง จากการต่อสู้ด้วยความเร็วธรรมดา กลายเป็นการคาดการณ์การเคลื่อนไหวและการโจมตีของอีกฝ่าย การต่อสู้ได้เปลี่ยนเป็นการใช้สติปัญญา ที่ผู้เล่นต้องเคลื่อนไหวในรูปแบบที่ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายคาดเดาปลายทางได้
ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่รับหน้าที่ควบคุมการต่อสู้ด้วยสติปัญญานี้ไม่ใช่ผม แต่คือเอลิซ่าที่ผสานการใช้งานระหว่างสัญชาตญาณและหัวแม่โป้งของฟิน
ผมเป็นแค่สื่อกลางของเครือข่ายเท่านั้น
ตั้งสมาธิอย่างเต็มที่เพื่อลดการหน่วงของเวลาที่ความคิดของเอลิซ่าจะส่งไปถึงพวกเร็นกะ
พูดอีกอย่างคือ การซิงโครพร้อมกันในเวลาเดียวกัน—-มัลติซิงโครนั่นเอง
ขณะรักษาการฟูลซิงโครกับเร็นกะ ในเวลาเดียวกันก็ซิงโครกับยูคิและเอลิซ่า ถึงแม้ว่าอัตราการซิงโครจะต่ำก็ตาม
ถึงแม้จะไม่สามารถเขียนสายมือสวยได้ทั้ง 2 มือ แต่ก็สามารถเขียนอย่างดีด้วยมือขวา, เขียนไก่เขี่ยด้วยมือซ้าย, และผิวปากมั่วๆซั่วๆ แม้แต่ผมก็สามารถมัลติซิงโครแบบนั้นได้ในตอนนี้
ไม่เหมือนกับเทเลพาทที่จำเป็นต้องคิดก่อนทำการสื่อสาร มัลติซิงโครคือลิงค์ที่แบ่งปันความคิด
เมื่อเอลิซ่าคาดการณ์ถึงการเคลื่อนไหวศัตรู ในเวลาเดียวกันพวกเร็นกะก็ได้รับความคิดแบบนั้นเช่นกัน
เพียงเท่านี้ ในที่สุดก็สามารถอ่านการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ทัดเทียมกับคิชโชเต็งและโคคุอันเท็น ที่มีเสมือนเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
และในขณะที่การคาดการณ์ของศัตรูจะได้เปรียบมากกว่าเล็กน้อยในด้านการคำนวณ แต่นั่นก็อิงอยู่กับแค่สัญชาตญาณไม่ใช่หลักเหตุผล ซึ่งนั่นทำให้ทางเราได้ได้เปรียบกว่าเล็กน้อย
การโจมตีของทางเราค่อยๆตอดพลังชีวิตของศัตรู ในทางกลับกันก็สามารถหลบการโจมตีของศัตรูได้อย่างฉิวเฉียด
ถ้าหากสามารถคงสถานะนี้เอาไว้ต่อไปได้ ตาชั่งแห่งชัยชนะก็จะค่อยๆเอนเอียงมาทางฝั่งเรา
…..ทว่า
『คุ, อุก…..!』
ภายใน Coach-a-Bower ตัวผมกำลังเหงื่อไหลแตกพลั่ก ต้องอดทนต่ออาการปวดหัวอย่างรุนแรง
การคงสถานะนี้เอาไว้ต่อไป เพียงแค่นั้นก็ถือว่าเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผมแล้วในตอนนี้
การใช้งานจริงของมังติซิงโครที่ยังไม่ชำนาญมาจนถึงตอนนี้ สร้างภาระต่อสมองและจิตใจของผมเกินกว่าที่คาดไว้
ไม่เหมือนกับเพอร์เฟคลิงค์ที่จดจ่ออยู่กับสิ่งเดียวอย่างที่สุด ภาระของมัลติซิงโครที่บังคับให้ทำงานหลายสิ่งพร้อมๆกัน ทำให้สมองส่วนที่ไม่ค่อยใช้งานต้องเหนื่อยล้าอย่างมาก
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงไม่สามารถคงสภาพลิงค์เอาไว้ได้ก่อนหน้าที่พลังชีวิตของศัตรูจะหมดลง
ก่อนจะเป็นเช่นนั้น จำเป็นต้องหาทางจัดการคิชโชเต็งและโคคุอันเท็นให้ได้ภายในทีเดียว
แต่ถึงแม้เอลิซ่าจะใช้สมองอย่างเต็มกำลังแล้ว ก็ยังไม่สามารถหาช่องโหว่ใดๆได้
ซุซูกะ…..ไม่ได้ ต่อให้จะใช้เธอที่หลบซ่อนตัวอยู่ ก็ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาแค่ชั่วครู่เท่านั้น และอันที่จริง การเปิดเผยหน่วยซุ่มโจมตีที่ซ่อนตัวอยู่ ถือว่าเป็นผลเสียใหญ่หลวงกว่า ด้วยตัวตนของการซุ่มโจมตีที่มองไม่เห็น ถือเป็นการสร้างแรงกดดันแก่ศัตรูได้ในระดับหนึ่ง และบังคับให้ต้องแบ่งพลังในการคำนวณไปใช้ด้วย
เมอาเองก็ยุ่งอยู่กับการอัญเชิญซัคคิวบัสเพื่อเติมเลือดให้เอลิซ่า ด้านเอลิซ่ากำลังกัดหัวแม่โป้งของมือขวา และใช้มือซ้ายแปลงสภาพเป็นค้างคาวเพื่อดูดเลือดซัคคิวบัส เนื่องจากไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จำเป็นต้องใช้โล่แห่งการอุทิศตน การเติมเสบียงให้เอลิซ่าจึงสำคัญที่สุด
ดูลลาฮาน…..ในตอนนี้กลายเป็นภาระโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าหากไม่ได้สวมเธอไว้ก็มีโอกาศสูงที่เอลิซ่าจะลอสได้ ดังนั้นจึงไม่คิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่….. รู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ไม่สามารถคิดหาทางใช้ประโยชน์จากการมีอยู่ของเธอได้
อะไรซักอย่าง จะต้องมีอะไรซักอย่างที่สามารถใช้ฝ่าสถานการณ์นี้ไปได้…..!
—-ความแข็งแกร่งของนักผจญภัยของมาโร่น่ะ คิดว่าคือการที่สามารถพัฒนาการ์ดขึ้นมาได้อย่างดียังไงล่ะ
คำพูดของอาจารย์ลอยขึ้นมาอยู่ในใจ
ถ้าอย่างนั้น มันก็ไม่มีความหมายในสถานการณ์นี้น่ะสิ…..! กัดฟันอย่างแรงจนรู้สึกราวกับว่ามันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ กับคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถเอาชนะด้วยสิ่งที่มีในตอนนี้ ถ้าหากไม่มีความแข็งแกร่งมากพอก็เอาชนะไม่ได้…..!
อยากได้อาวุธ คุณสมบัติของนักผจญภัยที่มีเฉพาะแค่ผมเท่านั้น…..
『—-มาสเตอร์』
ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างอุ่นๆที่ใบหน้าของผม
ครู่ถัดมา ก็สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นหน้าอกของเอลิซ่าที่กำลังใช้แขนโอบกอดอยู่
『เอลิซ่า…..?』
『ชั้นคือเครื่องยืนยันค่ะ』
『พูดถึงอะไร…..』
ต่อความงุนงงของผม เอลิซ่าก็ยิ้มให้อย่างอบอุ่นราวกับพระแม่มาโปรด
『ตัวชั้น ความแข็งแกร่งในฐานะนักผจญภัยของมาสเตอร์…..ก็คือเครื่องยืนยันค่ะ』
ในตอนนั้นเอง การ์ดที่เก็บเอาไว้ตรงหน้าอกก็เกิดเปล่งแสง เป็นแสงบ่งบอกว่าการ์ดได้เรียนรู้สกิล
ก่อนที่จะได้มองดูตัวการ์ดว่าเป็นสกิลอะไร ก็สามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่มันมี…..เข้าใจได้ด้วยใจ
นี่มัน…..สกิลนี่มัน—-
『ตัวชั้น, ไม่ใช่ตุ๊กตาอีกต่อไป นั่นก็เพราะคุณปราถนาให้เป็นเช่นนั้น…..』
นี่คือ สกิลอันเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าการ์ดนี้คือเอลิซ่า เป็นพลังที่เธอเท่านั้นที่ครอบครอง เพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้ เช่นนั้นแล้ว สกิลนี้จึงไม่มีชื่อ
ถ้าหากว่า จะต้องมอบชื่อให้กับสกิลไร้นามที่เรียกได้ว่าคือเอลิซ่าเองแล้วล่ะก็—-
『—-My Fair Lady』
แสงจากการ์ดทวีความรุนแรงขึ้นแล้วระเบิดออก
ด้วยการมอบชื่อสกิล ตัวสกิลจึงก่อกำเนิดเป็นรูปร่างที่มั่นคงและกลายเป็นส่วนหนึ่งภายในเธอ
ผมผละตัวออกจากอกของเธอ แล้วพูด
『เอลิซ่า』
『ค่ะ』
เอลิซ่าพยักหน้ารับ เฝ้ารอคำสั่งของผมอย่างใจจดใจจ่อ
『—-ก็อบปี้ “ทำลายขีดจำกัด” ของคิชโชเต็งศัตรูเลย』
『เยส, มาสเตอร์』
ในชั่วพริบตา พลังของเธอทั้งหมดได้แผ่ขยายออก พลังนั้นหลั่งไหลไปสู่หัวแม่โป้งของฟิน แล้วความสามารถในการคิดคำนวณก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
มันส่งผลในทันทีบนสนามรบ ในรูปแบบของการเคลื่อนไหวของเร็นกะกับยูคิที่ได้พัฒนาขึ้น
การโจมตีที่แต่เดิมเกือบจะพลาดเป้า ในตอนนี้กลายเป็นเข้าเป้าเต็มๆ การโจมตีของศัตรูเองก็สามารถมองเห็นได้ชัด
ตาชั่งแห่งชัยชนะเอนเอียงมาทางฝั่งเราในทันที ผ่านทางเอลิซ่า อาณาเขตของทางเราได้แผ่ขยายออกด้วยอัตราที่รวดเร็วถึงขนาดที่สมองธรรมดาๆของผมก็สามารถรับรู้ได้
นี่ก็คือ พลังใหม่ของเอลิซ่า ไม่ใช่ทั้งสกิลติดตัวหรือสกิลเรียนรู้ เป็นสกิลอัตลักษณ์ของตัวเธอ…..สกิลที่ทำให้สามารถก็อปปี้ 1 สกิลไม่ว่าจะศัตรูหรือพวกเดียวกันได้
การขวนขวายต้องการจะเรียนรู้สกิลอันมากมายของเธอทำให้บรรลุออกมา เป็นจุดสูงสุดอย่างหนึ่ง
และแล้วฝนแห่งแสงก็ได้โปรยปรายลงมาภายในพื้นที่ศาลเจ้า คิชโชเต็งอีกฝ่ายได้ใช้ฝนอมฤตอีกครั้ง
เท่านี้ก็เป็นการบังคับให้อีกฝ่ายต้องใช้ไพ่ตายออกมาได้อีกครั้ง
ทำได้แน่…..ด้วยความเร็วขนาดนี้ต้องทำได้แน่ ก่อนหน้าที่สมองของผมจะหมดแรง ต้องฝ่าไปให้ได้
รู้สึกว่าร่างกายกำลังปกคลุมไปด้วยความตื่นเต้นจากเค้าลางของชัยชนะ
ทว่า…..ผมยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
—-ถึงศัตรูที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่อย่างเทพธิดาแห่งโชคลาภ กับเทพแห่งภัยพิบัติซึ่งเป็นร่างเสมอภาคนั้น
สิ่งนั้น เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ผลลัพธ์จากการคำนวณใดๆ เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุที่โชคไม่ดีเท่านั้น…..
หอกศิลาของเร็นกะถูกยิงออกไป ส่งผลให้วิถีของเวทมนตร์สายฟ้าจากโคคุอันเท็นเบี่ยงเบน
หอกสายฟ้าที่ถูกปล่อย พุ่งไปในทิศทางที่ไม่มีใครคาดเอาไว้
ใช่แล้ว พุ่งมายัง Coach-a-Bower ที่พวกผมซ่อนตัวอยู่
เป็นโชคร้ายที่เจาะจงเกินไปกว่าที่จะเป็นอุบัติเหตุธรรมดา ถ้าอย่างนั้นแล้ว ที่อธิบายได้เพียงอย่างเดียวก็คือเกิดจากเทพแห่งภัยพิบัติ…..
『มาสเตอร์…..!』
เอลิซ่าปกป้องพวกเราเอาไว้ด้วยโล่แห่งการอุทิศตน
ต้องขอบคุณพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นจากทำลายขีดจำกัด ที่ทำให้สามารถป้องกันได้ด้วยตัวเธอเพียงคนเดียว ทว่าก็ไม่สามารถป้องกัน Coach-a-Bower เอาไว้ได้ พอพวกเรากระเด็นออกมาจากรถม้าที่หายไป ก็แน่นอนว่าศัตรูย่อมรู้สึกตัวถึงการมีอยู่ของทางนี้
ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีที่เกิดยังทำให้มัลติซิงโครที่คงสถานะเอาไว้ต้องหยุดลง แล้วเมื่อหอคอยสั่งการหายไป พวกเร็นกะก็ไม่สามารถกระทำการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แน่นอนว่าศัตรูย่อมไม่พลาดโอกาศนี้
เวทมนตร์โจมตีขั้นกลางที่เน้นความเร็วมากกว่าพลังทำลาย ถูกปลดปล่อยมาทางนี้
—–แย่, แล้ว…..!
กระดูกสันหลังเสียววาบ ความคิดหมุนวนด้วยความรวดเร็ว
ต่อให้ผมถูกโจมตีโดยตรง ถ้าเพียงครั้งเดียวก็ไม่เป็นไร ได้ทำการร่ายเวทมนตร์อินชัวรันส์เอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วดังนั้นไม่เป็นไร ต่อให้ถูกโจมตี 2 ครั้ง ด้วยเข็มกลัดชมรมนักผจญภัยก็ไม่มีปัญหา
ปัญหาก็คือ บาดแผลของเอลิซ่า ในตอนนี้เธอไม่มีพลังชีวิตเหลือพอที่จะทนรับการโจมตีได้อีก เลือดที่ได้ดูดจากซัคคิวบัสถูกใช้หมดไปในการโจมตีก่อนหน้านี้แล้ว
ที่จะแย่จากการโดนโจมตี ไม่ใช่ผมแต่เป็นเอลิซ่า
เป็นที่แน่นอนสำหรับศัตรูที่หัวดีที่จะเล็งเป้าหมายมายังผีดูดเลือดที่บาดเจ็บอยู่
หอกสายฟ้าพุ่งเข้าหาเธอ—-ตอนที่เกือบจะโดน
『อ๊าาาาา!』
ทันใดนั้นเมอาก็เอาตัวเข้าบังแทน
『เมอา…..!』
กระแสไฟฟ้ารุนแรงเผาผลาญพลังชีวิตของเธอไปในคราวเดียว แต่ด้วยความมุ่งมั่นทำให้สามารถประคองชีวิตเอาไว้ได้
『เจ้า, นี่…..!』
ในตอนนั้นเองพวกเร็นกะก็เริ่มเคลื่อนไหว แต่เพราะปราศจากคนสั่งการทำให้การโจมตีพุ่งผ่านอากาศไปอย่างเปล่าประโยชน์
ซึ่งนี่ทำให้โคคุอันเท็นได้โอกาศในการโจมตีอีกครั้ง
โคคุอันเท็นหันฝ่ามือมาทางนี้ บ่งบอกถึงการโจมตีที่กำลังจะมา
ในชั่วพริบตาที่เวลาขยายออก ผมถูกบังคับให้ต้องเลือก
…..เอลิซ่า, หรือเมอา
ไม่ว่าทางไหนหากสูญเสียไปย่อมส่งผลต่อสถานการณ์อย่างมาก
ขณะที่ผมลังเลเพียงครู่เดียว ก็ได้มีเงาที่เคลื่อนไหวไปก่อนแล้ว
『เอลิซ่า—-!』
ผีดูดเลือดผู้เจียนตาย ใช้งานโล่แห่งการอุทิศตนออกมาด้วยตัวเอง
ในเวลาแบบนี้ คนเดียวที่สามารถสละตัวเองได้อย่างไม่ลังเล คือผู้หญิงที่ชื่อเอลิซ่า
ทว่า นี่ก็หมายถึงความพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาดของพวกเรา
ด้านหลังของโคคุอันเท็นสั่นไหว ปรากฏเป็นเกจที่เชื่อมต่ออวกาศมายังโลก
จากนั้นฝนดาวตก็ได้โปรบปรายออกมา—-
『…..หา?』
—–ด้วยบางเหตุผล พุ่งเข้าใส่พวกโคคุอันเท็นเต็มๆ
รู้สึกอึ้งจนนิ่งค้าง เหล่าการ์ดเองก็มีท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ตัวโคคุอันเท็นเองที่แม้จะบาดเจ็บสาหัสก็ยังดูงุนงง
อะไรกัน? จะบอกว่าพลาดโจมตีโดนตัวเองงั้นเหรอ? นั่นมันบ้าชัดๆ…..ไม่สิ หรือว่า!
-ห๊ะ-หันไปมองชุดเกราะที่เอลิซ่าสวมอยู่
ความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในอกของผมในเวลานั้น ยากที่จะออกมาเป็นคำพูดได้
ยัยนี่ไง! ซุ่มซ่ามของดูลลาฮานถูกก็อปปี้ไป…..!
การก็อปปี้สกิลเรียนรู้ ไม่ใช่การเลือกแต่เป็นการสุ่ม เพราะว่ามันมีแต่สกิลที่เป็นประโยชน์กับศัตรูถูกก็อปปี้ไปจนถึงตอนนี้ ก็เลยนึกไปว่ามันเป็นการเลือก แต่ว่าในตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น
สิ่งสำคัญก็คือ นี่เป็นโอกาศแล้ว
โอกาศที่ใหญ่ ใหญ่สุดๆ
โดยที่ไม่ต้องรอการสั่งการจากผม เหล่าพรรคพวกก็สามารถเข้าใจได้และเริ่มเคลื่อนไหวในทันที
พวกคิชโชเต็งที่ถูกเวทมนตร์เมเทโอของตัวเองพุ่งทะลวงร่าง จู่ๆก็เข่าทรุดลงไปอยู่กับพื้น
เป็นเวทมนตร์กราวิตี้ของเร็นกะ ก่อนหน้าที่จะถูกแรงดึงดูดมหาศาลบดขยี้ ฝนอมฤตของคิชโชเต็งก็ถูกใช้งาน
บาดแผลทั่วร่างหายไป แล้วในตอนที่คิชโชเต็งเป็นอิสระจากแรงดึงดูด ขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมา ปากของเธอก็ถูกปีศาจฝันตัวเล็กประกบ
อภิรมย์แห่งความตาย การจูบโดยตรงแย่งชิงเอาพลังชีวิตของคิชโชเต็งมาทั้งหมดในคราวเดียว
แน่นอนว่าศัตรูไม่มีทางยืนดูอยู่เฉยๆ โคคุอันเท็นปล่อยหอกสายฟ้าพุ่งทะลวงร่างเมอา—- -ปุ้ง-แล้วตัวเธอก็กลายเป็นท่อนไม้
วิชาจั่กจั่นลอกคราบ ยูคิอุ้มตัวเธอกลับมาที่ผม แล้วเมอาก็ไปประกบปากกับเอลิซ่าในทันทีเพื่อถ่ายทอดพลังที่ได้มานั้น
พลังชีวิตอันบริสุทธิที่เรียกได้ว่าแก่นวิญญาณ รักษาร่างกายของผีดูดเลือดได้ดีมากกว่าเวทมนตร์ฟื้นฟูหรือการดูดเลือดเสียอีก
โคคุอันเท็นที่เห็นดังนั้น ด้วยสีหน้าชิงชังทำการหันฝ่ามือมาทางนี้ เมเทโอหรือว่ากราวิตี้งั้นรึ
แต่ก่อนหน้าที่มันจะได้ถูกปล่อยออกมา 1 จังหวะ
『—-ซุซูกะ!』
『ฟุฟุ นึกว่าถูกลืมไปซะสนิทแล้วนะเนี่ย』
เยือนยามฉลูของซุซุกะถูกใช้งาน
โคคุอันเท็นกำหน้าอกแล้วเข่าทรุดลง การโจมตีไสยเวทที่ไม่สนการต้านทาน แม้แต่โคคุอันเท็นที่ต้านทานต่อคำสาปก็ไม่สามารถทนได้
คิชโชเต็งที่เห็นดังนั้น ปลดปล่อยฝนอมฤตออกมา นี่ก็ครั้งที่ 5 แล้ว…..นี่ใช้ได้กี่ครั้งกันแน่เนี่ย
แต่ว่า ต่อให้ใช้ได้อีกกี่ครั้งก็ไม่มีผล
เท่านี้ก็ ตัดสินแล้ว!
『เร็นกะ, เมอา, ซุซูกะ!』
『อือ!』『วางใจได้เลย!』『เอาล่ะน้า~!』
มิตรภาพร่วมมือ—-『โลกามลายสูญยามราตรี』x『ความฝันแห่งเขาอูซาน+ทะลวงการต้านทาน』x『ความรักที่มากเกินไปแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังร้อยเท่า』
ฝนสีดำโปรยปราย ทั้งคิชโชเต็งและโคคุอันเท็นล้มลงโดยไม่สามารถทำอะไรได้
เมอารีบเข้าไปภายในคิชโชเต็งทันที เมื่อเฝ้ามองดูไปหลายวินาทีแล้วไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้น ผมก็นั่งลงไปกับพื้นดัง-ตุ๊บ-
น-ในที่สุดก็จบแล้ว…..
ขณะที่กำลังจะนอนแผ่ลงไปทั้งๆแบบนั้น ก็นึกถึงเรื่องอย่างสุดท้ายที่จะต้องทำขึ้นมาได้
『…..เร็นกะ』
『อา จะทำมันงั้นรึ?』
ผมพยักหน้าเงียบๆ แล้วเริ่มเชื่อมต่อจิตใจเข้ากับเธอ
เพอร์เฟคลิงค์ โอกาศแบบนี้ไม่ได้จะมีมาบ่อยๆ อุตส่าห์ดิ้นรนมาขนาดนี้แล้ว ก็อยากจะได้การ์ดคิชโชเต็งมาไว้ในมือ—-แต่
『คุ…..อย่างที่คิดว่าโชคมีไม่พอ』
เป็นเวลาประมาณ 2 อาทิตย์จากครั้งล่าสุดที่ได้ใช้ไป ระหว่างทางได้เก็บสะสมโชคมาจากกล่องน่าผิดหวังของคาบังเคิล แต่อย่าว่าแต่แรงค์ B เลย ไม่มีโชคมากพอจะได้จากแรงค์ C แน่นอนด้วยซ้ำ
แล้ว ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็สามารถรู้สึกได้ถึงโชคดีที่เพิ่มขึ้นมานอกเหนือไปจากที่ตัวผมเองมี กลุ่มก้อนของโชคดีขนาดใหญ่ทีอยู่ใกล้ๆ
ลองไปสัมผัสมันอย่างผิวเผิน…..
『นี่มัน…..! งั้นเหรอ มันเป็นอย่างงี้นี่เอง!』
ผมที่ได้รู้ถึงตัวจริงของมัน ทำการถ่ายเทโชคดีทั้งหมดไปอย่างไม่ลังเล ในเวลาเดียวกันนั้นก็เกิดเสียงอะไรบางอย่างแตกออก
และแล้ว—-
『มาสเตอร์』
เมื่อผมลืมตาขึ้นจากเสียงเรียกของใครบางคน ที่ตรงนั้นก็มีใบหน้าสวยงามของเอลิซ่าอยู่
เธอแอบยื่นบางสิ่งจากจุดบอดของคาเมร่าอาย
เมื่อยืนยันความรู้สึกที่มือว่าคือ『การ์ด 2 ใบ』ผมก็ยิ้มกว้าง
『ตอนที่ตกมาล่ะ?』
『เยส, มาสเตอร์ ไม่ต้องเป็นห่วง ยูคิกับชั้นได้บังเอาไว้แล้ว』
『ทำได้ดีมาก』
ตอนที่ซัคคิวบัสดรอปมาเป็นเรื่องบังเอิญจึงไม่สามารถปิดบังได้ แต่ตอนนี้การ์ดแรงค์ B ดรอปคงจะไม่สามารถเผยให้คนดูรู้ได้
นอกเหนือจากการ์ดซัคคิวบัสแล้วยังมีคิชโชเต็งและโคคุอันเท็นอีก ผู้คนคงได้ตั้งคำถามถึงความน่าจะเป็นที่ลำเอียงขนาดนี้เป็นแน่
ผมเก็บการ์ดไปอย่างลับๆ แล้วมองไปที่กระเป๋าที่ได้ใส่คาบังเคิลโกเมนที่ได้มาระหว่างทาง แต่…..
「อย่างที่คิด เป็นงี้นี่เอง…..」
หลังยืนยันแล้วว่าคาบังเคิลโกเมนทั้งหมดแตกสลาย ผมก็ครางเบาๆ
ในตอนนั้น กลุ่มก้อนของโชคดีขนาดใหญ่ที่รู้สึกได้ก็คือคาบังเคิลโกเมน
เมื่อก่อน ตอนที่ไปกับอาจารย์ในเขาวงกตลับที่การันตีการปรากฏตัวของคาบังเคิล ก็สงสัยถึงอะไรบางอย่างอยู่
เกี่ยวกับจำนวนของคาบังเคิลโกเมนที่อยู่ในตลาดเพียงน้อยนิด
จำนวนของโกเมนที่มาจากเขาวงกตลับแห่งหนึ่ง ย่อมมีมากเป็นสิบๆต่อวัน แล้วเขาวงกตชั้นใต้ดินในคราวนี้ที่มีปรากฏมากกว่า 1 ตัวในชั้นเดียว จำนวนก็ต้องยิ่งมากกว่า
จำนวนของเขาวงกตลับที่มีคาบังเคิลทั่วญี่ปุ่นต้องมีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจำนวนที่มีออกมาในแต่ละวันย่อมต้องมีอย่างน้อย 4 หลักแน่ๆ
ด้วยโกเมนที่มีมากขนาดนั้นปรากฏออกมา จำนวนที่มีอยู่ในตลาดมันน้อยเกินไป
ในตอนแรก คิดไปว่าเพื่อควบคุมมูลค่าไม่ให้มันตกลง หรือไม่ก็ใช้ในการสร้างอุปกรณ์เวท แต่ในคราวนี้ ได้เกิดความเป็นไปได้ขึ้นมาใหม่อีกอย่าง
ซึ่งนั่นก็คือ ใช้เพื่อการเติมโชคในการควบคุมโชคหรือโชคชะตา
สิ่งนี้ ชี้ให้เห็นว่าบางคนในรัฐบาลถือครองการ์ดอย่างเร็นกะ และทางรัฐบาลเองก็รับรู้ถึงความสามารถนี้ด้วย
「……………ฟู่」
เอาเถอะ ถึงตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องมาคิด
ที่ผมทำได้ก็มีแค่แอบใช้ความสามารถของเร็นกะเหมือนอย่างที่เป็นมาจนถึงตอนนี้ต่อไป
ที่ต้องกังวลมากกว่านั้นคือ…..
ผมนำการ์ดเอลิซ่าอออกมา ให้แน่ใจว่าไม่ถูกกล้องเห็น แล้วมองดูสเตตัส
【เผ่า】แวมไพร์ (เอลิซ่า)
【พลังต่อสู้】840 (MAX!)
【ทักษะติดตัว】
– รีดเลือด
– สัตว์ประหลาดแห่งราตรี
– เวทมนตร์โจมตีขั้นกลาง
【ทักษะเรียนรู้】
– ฟีโรโมน
– ลอบโจมตี
– โล่แห่งการอุทิศตน
– เคลื่อนไหวแม่นยำ
– เวทมนตร์สนับสนุนขั้นสูง
– เสริมพลังเวท
– ลดการร่าย
– สัญชาตญาณ
– หัวแม่โป้งของฟิน
【ทักษะอัตลักษณ์】
– My Fair Lady (NEW!)
ช่องใหม่ปรากฏขึ้นมาด้านล่างทักษะติดตัวและทักษะเรียนรู้ ช่องทักษะอัตลักษณ์…..
ภายในช่องนั้น มีชื่อของสกิลที่ผมตั้งชื่อให้เองอยู่
อีกทั้ง สกิลเชื่อฟังเด็ดขาด, เอนกประสงค์, และหัวใจเยือกเย็น ก็ได้หายไปจากช่องสกิลเรียนรู้ด้วย
ทักษะอัตลักษณ์….. ไม่เคยได้ยินว่าการ์ดไหนจะมีสกิลนอกเหนือไปจากทักษะติดตัวกับทักษะเรียนรู้มาก่อนเลย
ถึงแม้ทำลายขีดจำกัดของเร็นกะและยูคิจะเป็นสกิลที่เว่อร์วังก็ตามที แต่มันก็ยังอยู่ในกรอบของสกิลที่มีอยู่
แต่ว่า นี่น่ะมันออกนอกกรอบของระบบการ์ดที่มีอยู่แต่เดิมไปอย่างชัดเจนเลย
แล้วจู่ๆ คำของอาจารย์ก็หวนขึ้นมาอีกครั้ง
…..สกิลติดตัว, หรือสกิลที่ได้รับ เป็นแค่ส่วนเล็กๆของพลังที่อยู่ผิวเผินของการ์ด งั้นเหรอ
ถ้าเป็นอาจารย์ล่ะก็ สงสัยว่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่านะ
ภายในหัวอันอ่อนล้าของผม ก็คิดอยู่เช่นนั้นอย่างคลุมเครือ
—-ผลการแข่งขัน
เวลาเข้าเส้นชัย : 21 ชม. 11 นาที จำนวนดาวที่มี 225 ดวง ลำดับเข้าเส้นชัย : ลำดับ 1
ผู้ชนะการแข่งขันแคทไฟท์・แบทเทิลรอยัล ครั้งที่ 1 ・คิทากาว่า อุทามาโร่
【Tips】เทพธิดา 2 ภาค
สกิล 2 ร่างรวมเป็น 1 มีสกิลขั้นสูงอยู่ นั่นก็คือ เทพธิดา 2 ภาค, และเทพธิดา 3 ภาค
ในขณะที่สกิล 2 ร่างรวมเป็น 1 จะไร้ประโยชน์ถ้าหากว่าไม่มีการ์ดอีกใบอยู่ด้วย เทพธิดา 2 ภาคสามารถใช้สกิลเฉพาะตัวได้แม้ว่าจะไม่มีการ์ดอีกใบอยู่ก็ตาม และยังสามารถแปลงร่างเป็นการ์ดอีกใบได้ด้วย เงื่อนไขได้ถูกลดข้อจำกัดลง
แต่แน่นอนว่าคุณค่าที่แท้จริงของการ์ดจะเผยออกมาก็ต่อเมื่อมีทั้ง 2 ใบอยู่ด้วยกัน นอกเหนือไปจากการแบ่งปันพลังชีวิต
『แบ่งปันพลังเวทและสกิลเรียนรู้』และ『เพิ่มจำนวนครั้งของสกิลที่จำกัดการใช้งาน และสามารถแบ่งปันจำนวนที่สามารถใช้ได้นั้นด้วย』มอบผลประโยชน์ให้หลายอย่าง
ด้วยเหตุนี้ ประสิทธิภาพเมื่อใช้งานเพียง 1 ใบจึงมักจะด้อยกว่าการ์ดแรงค์ B ใบอื่น และมีราคาถูกกว่าเล็กน้อย
ข้อมูลเพิ่มเติม
ทาทาริม็อคเกะ / Tatarimokke / タタリモッケ
ภูติผีจากตำนานญี่ปุ่น, วิญญาณของทารกที่เสียชีวิต ปรากฏอยู่ในร่างของนกฮูก บ้านที่ถูกทาทาริม็อคเกะสิงสู่จะแสดงความเคารพให้เฉกเช่นเดียวกับซาชิกิวาราชิ บ้านที่สูญเสียทารกไปจะปฏิบัติต่อนกฮูกที่มาปรากฏโดยเสมือนว่าเป็นวิญญาณของทารกที่เสียชีวิตไป
แต่จะมีกรณีที่เป็นการฆาตรกรรม นกฮูกที่ปรากฏจะไม่ใช่ทารกแต่เป็นวิญญาณของเหยื่อแทน ซึ่งนกฮูกจะคอยสาปแช่งไม่ใช่แค่ฆาตกรนั้น แต่รวมทั้งครอบครัวไปรุ่นสู่รุ่นเลยทีเดียว
Tatarimokke
https://inuyasha.fandom.com/wiki/Tatarimokke
MANGA DISCUSSION