บทที่ 3 ตอนที่ 15.1
หลังจากนั้น ผมก็ถูกจับตาโดยเหล่าพรรคพวกของชายจมูกโด่ง และรอการติดต่อจากฝ่ายผู้ดูแลอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของชั้นที่ 21
ในตอนนี้ ทำการรักษาระยะห่างกับพวกนั้นไว้ ให้เหล่าการ์ดคอยเฝ้าระวังและทำการพักอยู่ภายในเต็นท์
แต่ว่า ถึงแม้จะมีลางสังหรณ์ถึงมันอยู่ แต่ก็ไม่นึกเลยว่ามันจะเกิดขึ้นในวันเดียวกันนั้นเลย…..
ไม่สิ มันยังไม่แน่ว่าอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ที่ปรากฏจะเป็นชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลินซักหน่อย
แต่ถึงอย่างนั้น ก็โล่งอกที่ไม่ได้เจอเข้ากับตัวเอง…..
รู้สึกเสียใจกับใครก็ตามที่ต้องไปเจอเข้าอยู่ คิดแบบนั้นมาจากใจจริง
บางทีแล้ว ทุกคนภายในเขาวงกตแห่งนี้ก็คงคิดเช่นเดียวกัน
การสู้กับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์แรงค์ C ด้วยตัวคนเดียวมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเลือกมาเขาวงกตทะเลแทนที่จะไปเขาวงกตชั้นใต้ดิน
หลังจากนั้นประมาณ 1 ชม. ในที่สุดก็ได้รับข้อความว่าอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ถูกจัดการลง
ดูเหมือนว่า ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์โจมตี–ชายจมูกโด่งคนนั้น–ก็ปลอดภัยด้วยเช่นกัน
อย่างน้อยก็ดีใจที่ปลอดภัย
แต่ เป็นไปได้ว่าชายจมูกโด่งคงต้องถอนตัว หลังจากที่เจอกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ ไม่คิดว่าจะอยู่ในสภาพที่สามารถลงแข่งต่อไปได้
ขณะที่คิดอยู่เช่นนั้น
『มาสเตอร์ คนพวกนั้นกำลังมาทางนี้แล้วฮะ』
ยูคิที่เฝ้าระวังอยู่ได้แจ้งมา
พอออกมาจากเต็นท์ ก็ได้เห็นชายจมูกโด่งที่ไม่ได้บาดเจ็บ แต่สภาพดูซีดเซียวอย่างมากกำลังได้พรรคพวกช่วยประคองยืนอยู่ตรงนั้น
เป็นการเจอกับชายจมูกโด่งอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายชม. เพียงแค่เวลาสั้นๆ แต่ราวกับว่าเขาได้แก่ลงไปเป็น 10 ปี
「ไง ผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่า…..อยากจะคุยด้วยหน่อย คงไม่ว่าอะไรนะ?」
「อา แน่นอน…..แย่น่าดูเลย ไม่เป็นอะไรนะ?」
「ฮะฮะ…..ให้พูดว่าไม่เป็นอะไรก็คงจะไม่ไหว」
ชายจมูกโด่งยิ้มจางๆ ท่าทีแข็งกร้าวตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกนั้นราวกับว่าเป็นเรื่องโกหก
「…..อยากจะขอเจรจาด้วย」
「เจรจา?」
「อา พวกชั้นจะทำการถอนตัว เพราะแบบนั้น จึงอยากจะขายดาวของพวกเราให้」
ถอนตัวงั้นเหรอ ที่ชายจมูกโด่งจะถอนตัวก็พอจะเข้าใจได้อยู่ แต่…..
เหลือบไปมองซุซูกะ ไม่ได้โกหก สินะ
「แต่ดูเหมือนทางนั้นจะยังมีพรรคพวกคนอื่นที่พอพึ่งพาได้อยู่นี่นา?」
พอผมถามออกไป ชายจมูกโด่งก็ส่ายหน้า
「น่าเสียดาย แต่พวกเขาคงเป็นกำลังรบไม่ได้….. การ์ดหลักของพวกเขาได้ถูกโอนย้ายมารวมอยู่ที่ชั้นไว้ก่อนแล้ว」
โอนย้ายการ์ดหลักแล้วรวมอยู่ในจุดเดียว!
ผมรู้สึกทึ่งกับแผนการที่ออกจะบ้าบิ่นของพวกเขา
จริงอยู่ว่าถ้าทำแบบนั้น จะสามารถรวบรวมกำลังรบได้เทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่าเหล่าตัวเต็งผู้ชนะเลยก็ได้
ทว่า มันเป็นแผนการที่สามารถนำไปสู่การที่ทรัพย์สินของตัวเองถูกขโมย ต่อให้คิดแผนขึ้นมาได้แต่การจะทำมันนั้นยาก
เป็นแผนที่ไม่สามารถจะบรรลุได้หากปราศจากความเชื่อใจและสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น บางทีแล้ว พวกเขาอาจจะนักผจญภัยที่ก่อตั้งทีมกันมาก่อนอยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นทีมชั่วคราวที่ตั้งมาเพื่อการแข่งครั้งนี้อย่างเดียว
แต่ก็นะ เดาว่าความเชื่อใจนั้นมันอาจจะหมดถึงแค่วันนี้ก็เป็นได้…..
ผมมองไปรอบๆ ที่พรรคพวกของชายจมูกโด่งซึ่งกำลังจ้องไปที่เขาอย่างขมขื่น แล้วก็คิดราวกับว่ามันเป็นปัญหาของคนอื่น
ดูจากสีหน้านั้น การ์ดของพวกเขาที่ฝากฝังไปคงจะลอสจากการที่ไปเจอกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์
หรือก็คือ พวกเขาเป็นแค่เสือกระดาษที่มีดีเพียงจำนวน
ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถสู้อะไรได้เลย เพียงแต่ถ้าต้องสู้กับผมขึ้นมาจริงๆ คงเป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงมาก
「ดาวที่จะให้ซื้อมีกี่ดวง แล้วก็ราคาเท่าไหร่?」
「ดาวทั้งหมดมี 182 ดวง เอาเป็นดวงล่ะ 9 แสนไหม แน่นอนว่ารวมกับข้อมูลเกี่ยวกับชั้นถัดไปด้วย」
…..ประมาณ 160 ล้านงั้นเหรอ ไม่มีทางที่ผมจะมีมากขนาดนั้นแน่ ตอบไปขณะที่รู้สึกอึ้งอยู่ข้างใน
「อย่างที่คิดว่าคงไม่ไหวหรอกนะ」
「แน่นอน ไม่ได้ขอให้ต้องจ่ายชั้นมาตรงนี้เลย หลังจากการแข่งแล้วค่อยจ่ายก็ได้ ถ้าแบบนั้นก็มีมากพอแล้วใช่ไหมล่ะ?」
ถ้าแบบนั้นมันก็จริงอยู่ว่าเป็นไปได้ แต่…..
「ที่บอกว่าหลังการแข่งเนี่ย ดูจะเชื่อใจผมมากเลยนะ」
ต่อให้ผมหลอกพวกเขา ณ ที่นี้ มันก็ยังอยู่ภายในขอบเขตของกติกาการแข่ง
การเจรจาซื้อ-ขายดาวนั้น สามารถถูกมองได้ว่าเป็นเทคนิคที่ช่วยยกระดับการแข่ง
ต่อให้ผมหลอกเอาดาวซึ่งจะมีมูลค่าก็ต่อเมื่อจบการแข่งแล้วเท่านั้นมา ก็จะไม่ถูกจับในข้อหาฉ้อโกง
เพราะแบบนั้น เหล่าผู้เข้าแข่งขันจึงซื้อ-ขายดาวกันด้วยการ์ดหรือเงินที่มี
คำถามที่ถามไปมีความหมายเช่นนั้น แต่ชายจมูกโด่งก็ยิ้มกลับมา
「เชื่อใจสิ เพราะนายเป็นคนดังไงล่ะ เทียบกับพวกชั้นแล้ว ความเชื่อถือ『จากสังคม』มันแตกต่างกัน」
เป็นงั้นเอง…..สินะ เหลือบไปมองดูคาเมร่าอายที่กำลังลอยอยู่รอบตัวพวกเรา
จริงอยู่ว่า ระหว่างผมกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่น มีระดับความน่าเชื่อถือที่แตกต่างกัน
ภาพพจน์ทางสังคมของผมคือ ผู้ที่จับฆาตกรต่อเนื่องแล้วบริจาคเงินรางวัลทั้งหมดแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย เป็น『คนที่ยุติธรรม』ล่ะ
ทุกอย่างได้ถูกบันทึกเอาไว้โดยคาเมร่าอาย ไม่เหมือนกับผู้เข้าแข่งขันอื่น ไม่สามารถจะหลอกโกงเอาดาวได้
ต่อให้มันจะไม่ผิดตามกติกาที่เขียนไว้ แต่มันจะต้องกระทบต่อภาพพจน์ของผมต่อผู้คนที่ได้ดูการถ่ายทอดนี้แน่นอน
แล้วมันก็จะทำให้การบริจาค 2 พันล้านที่อุตส่าห์ทำไปกลายเป็นเสียเปล่า
ไม่มีไอ้บ้าที่ไหนจะยอมโยนความน่าเชื่อถือที่ใช้เงิน 2 พันล้านซื้อมา เพื่อแลกกับของแค่ 160 ล้านหรอก
แต่ว่า…..
「แล้วถ้าหากผมไม่สามารถจบการแข่งได้ล่ะ?」
คงไม่บอกว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายหรอกนะ เป็นการถามไปแบบนั้น
「แน่นอนว่าก็ต้องจ่ายมาให้เรียบร้อยอยู่แล้วน่ะสิ」
ของแน่อยู่แล้ว ชายจมูกโด่งว่างั้น กะแล้วเชียว…..
「ถ้าแบบนั้น อย่างที่คิดว่า 9 แสนคงจะไม่ไหวหรอก ถ้าไม่ระวังล่ะก็คงได้ลงเอยเป็นติดหนี้แน่ๆ」
「ถ้างั้นซักเท่าไหร่ถึงจะซื้อล่ะ?」
「นั่นสินะ…..ดวงละ 5 แสนล่ะมั้ง」
「แบบนั้นไม่ว่ามองยังไงก็ไม่ไหวหรอก ถ้าบอกว่า 5 แสนไม่เป็นอะไรแล้วล่ะก็ แสดงว่าถ้ารวมประมาณ 100 ล้านก็ซื้อได้ใช่ไหม? ถ้างั้นก็ซื้อดวงล่ะ 9 แสนให้ได้รวม 100 ล้านเอาไหมล่ะ?」
「ไม่ไม่ 9 แสนนี่มันแพงเกินไปตั้งแต่แรกแล้ว ทางนั้นน่ะการันตีได้เงินแน่นอน แต่ถ้าผมไปไม่ถึงเส้นชัยก็ได้เป็นหนี้หัวโต ดาว 1 ดวงมูลค่าไม่ถึง 9 แสนหรอกนะ แค่เกือบๆ 6 แสนเท่านั้นแหละ」
「นายน่ะในตอนนี้เป็นตัวเก็งที่จะชนะไปแล้ว ถ้าหากว่านายไปไม่ถึงเส้นชัยแล้วใครมันจะไปถึงได้? พวกชั้นน่ะอยู่ในช่วงเข้าตาจน ถึงได้มาเปิดใจคุยแบบไม่ปิดบัง คิดซะว่าช่วยกันก็ได้ 8.5 แสน ขอร้องล่ะ」
「ต่อให้บอกว่าเป็นตัวเก็งชนะก็เถอะ แต่พวกนายยังสามารถมาขวางแบบนี้ได้เลย เพราะงั้นมันก็ไม่มีอะไรจะมายืนยันได้ว่าจะไม่มีการขัดขวางที่เหมือนแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต พอคิดแบบนั้นแล้วก็เลยน่าเป็นห่วง….. 7 แสนล่ะกัน」
「ไม่ไม่ ได้ยินมาจากพรรคพวกนะ ว่าเตรียมจะต่อสู้ด้วยอย่างเต็มที่เลยใช่ไหม ทุกคนก็เลยกลัวกันหมด แบบหมอนี่ เอาจริงดิ…..สมแล้วที่เป็นตัวเก็งผู้ชนะ ความกล้าที่มีแตกต่างกันจริงๆ! นี่ อย่าแกล้งกันให้มากเลย….. 8 แสน นี่ถึงขีดจำกัดแล้ว ถ้ายังไม่ได้ล่ะก็คงต้องไปหาคนอื่นแทนแล้วล่ะ」
อืม…..ได้ถึงแค่นี้สินะ อาจจะลดราคาลงมากกว่านี้ก็ได้ ถ้าหากชี้ไปว่าไม่มีใครจะยอมจ่ายให้หลังการแข่งแล้วนอกจากผม แต่…..กดดันมากเกินไปก็คงไม่ดี
「นั่นสินะ…..ถ้างั้น เป็นไปได้ก็อยากให้ช่วยหยุดผู้เข้าแข่งขันคนอื่นที่เป็นตัวเต็งที่จะตามมาหลังจากนี้ด้วยละกัน」
「หืม…..? ไม่ล่ะ นั่นคงเป็นไปไม่ได้หรอก ถึงจะน่าอาย แต่พวกเราไม่มีกำลังรบเหลือมากพออีกแล้ว」
「อา ไม่จำเป็นต้องสู้จริงจัง ก็แค่บลัฟข่มไปเหมือนอย่างที่ทำกับผมก็ได้ แค่นั้นแหละ」
「ฟุมุ ก็…..ถ้าแค่นั้นล่ะนะ ถ้างั้นก็ต้องเหลือดาวเอาไว้คนละ 1 ดวง…..กลายเป็นดาวที่จะให้ได้ทั้งหมดคือ 173 ดวง แต่แน่นอนว่าราคาที่ต้องคำนวณคือ 182 ใช่ไหม?」
「อืม นั่น, สินะ…..ถ้างั้น ดวงละ 8 แสน ทั้งหมด 182 ดวง…..เอ็ตโต 145 ล้าน ปัดเศษทิ้งถือว่าช่วยๆกันหน่อยนะ」
「ช่วยไมไ่ด้ เพราะว่าซื้อทั้งหมด จะยอมยกให้ไปก็ได้」
「ถ้างั้นก็?」
「อา การเจรจาเสร็จสมบูรณ์」
แล้วผมกับชายจมูกโด่งก็จับมือกันโดยให้คาเมร่าอายได้เห็น
และในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมา
「แหม ช่วยได้มากจริงๆ…..เท่านี้ก็พอจะช่วยกลบค่าเสียหายของการ์ดพรรคพวกไปได้บางส่วนแล้วล่ะ」
「ไม่หรอก ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอบคุณ」
「หวังว่านายจะชนะนะ คิดอย่างนั้นจริงๆ พยายามเข้าล่ะ」
แล้วชายจมูกโด่งก็ออกจากพื้นที่ปลอดภัยเพื่อไปรวบรวมดาวจากพรรคพวกมาไว้ที่ตัวคนๆเดียว
—-และแล้ว หลังจากนั้นอีก 4 ชม. ผมก็สามารถพิชิตเขาวงกตทะเลลงได้
หลังจากพิชิตเขาวงกตทะเล ขณะกำลังออกจากเขาวงกต ก็ได้รับข้อความจากผู้ดูแลผ่านมาทางการ์ดเกียร์
ในนั้นเขียนว่า ผมเป็นคนแรกที่ได้พิชิต 2 เขาวงกต และที่สุดท้ายจะเป็นเขาวงกตแบบพิเศษที่ถูกเรียกว่าศาลเซย์โดคิชิโมจิน* ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากสถานีซุยโดบาชิ 10 นาที
「……………ชิ」
พอได้เห็น ผมก็อดไม่ได้ที่จะเดอะลิ้น
ก็คาดเอาไว้อยู่หรอก แต่แห่งสุดท้ายเป็นเขาวงกตแบบพิเศษจริงๆด้วย
ที่คาดเอาไว้เพราะจากการที่ปิดบังจะยอมบอกแค่หลังจากเครียเขาวงกตทั้ง 2 แห่งไปแล้วเท่านั้น….. ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้คิดผิดจริงๆ
ลักษณะของเขาวงกตแบบพิเศษ ที่สำคัญที่สุดก็คือจะไม่มีกับดักหรือมอนสเตอร์ใดๆอยู่ตามทางเลย มีเพียงแค่จ้าวปรากฏเท่านั้น
แน่นอนว่าทรัพยากรจะถูกส่งให้แก่จ้าว ซึ่งจ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษนี้จะเป็นมอนสเตอร์ที่มีแรงค์สูงกว่าแรงค์ของเขาวงกตอยู่ 2 แรงค์
หรือก็คือ เขาวงกตแรงค์ D จะมีจ้าวเป็นแรงค์ B
อีกทั้ง จ้าวที่ปรากฏยังไม่ตายตัว กลับกัน ที่ปรากฏจะเป็นมอนสเตอร์ที่สามารถรับมือได้ลำบาก หรือมีความแข็งแกร่งเกินไปกว่าผู้มาท้าชิง ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ที่เข้ากันได้กับทางนี้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด คือจ้าวของเขาวงกตพิเศษ『จะก็อปปี้สกิลเรียนรู้ของทางฝั่งเรา』
ที่จะก็อปปี้เป็นสกิลเรียนรู้อะไรของการ์ดใบไหนไม่มีทางรู้ได้ ที่เลวร้ายที่สุดอาจจะก็อปปี้ทำลายขีดจำกัดหรือหวนคืนจิตวิญญาณของเร็นกะหรือยูคิก็ได้
ถ้าหากว่าจ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษได้ทำลายขีดจำกัดไปแล้วหวนคืนจิตวิญญาณกลายเป็นแรงค์ A ผมก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้เลย
เขาวงกตแบบพิเศษ จะถูกเรียกในอีกชื่อคือ『เขาวงกตแห่งการทดสอบ』
นั่นเพราะเขาวงกตแบบพิเศษ ไม่สามารถถูกพิชิตได้ด้วยเพียงแค่ความเหมาะสมของเผ่าพันธ์การ์ด หรือประสิทธิภาพของสกิลเรียนรู้เพียงอย่างเดียว มันคือเขาวงกตที่ทดสอบความแข็งแกร่งของตัวนักผจญภัยเอง
ในขณะที่นักผจญภัยจำนวนมากสำรวจเขาวงกตโดยการพึ่งพาประสิทธิภาพของการ์ดเพียงเท่านั้น เขาวงกตแบบพิเศษจะทำการปล่อยมอนสเตอร์ META* ออกมาเพื่อทดสอบนักผจญภัยเหล่านั้น
เพื่อที่จะฝ่าไป ทางเดียวคือตัวนักผจญภัยจะต้องแสดงความสามารถของตนเอง เพื่อก้าวข้ามความเสียเปรียบอันเกิดจากความเข้ากันให้ได้
อีกทั้ง อาจจะเพราะว่ามอนสเตอร์ที่ปรากฏจะเปลี่ยนแปลงไปขึ้นกับคู่ต่อสู้ จนกว่าจ้าวจะถูกจัดการลง เขาวงกตแบบพิเศษจะสามารถเข้าสำรวจได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
ต่อให้ทำคนเดียวไม่ได้ แต่ถ้าร่วมมือกันล่ะก็ต้องทำได้แน่! แผนการพวกนี้ไม่สามารถใช้ได้
ด้วยคุณลักษณะเช่นนี้ เลยได้ยินมาว่าเขาวงกตแบบพิเศษเป็นหนึ่งในการทดสอบภาคปฏิบัติของการเลื่อนระดับเป็น 4 ดาว
ถ้ามือใหม่ก็ถือว่าเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าต้องการจะเป็นมืออาชีพล่ะก็ ไม่ควรจะพึ่งพาแค่ประสิทธิภาพของการ์ดเพียงเท่านั้น จะต้องพยายามก้าวข้ามมันด้วยความสามารถของตนเองด้วย
ผมเองก็ตั้งเป้าจะเป็น 4 ดาว ก็มีคิดอยู่ว่าซักวันต้องเข้าเขาวงกตแบบพิเศษ
แต่ว่า…..
「จะเอาชนะได้ไหม…..? ด้วยความสามารถของผมในตอนนี้…..」
อดไม่ได้ที่จะครางออกมาเบาๆ
รู้ดีอยู่ว่าพลังส่วนใหญ่ของผม มาจากการ์ดที่มีพลังพิเศษอย่างเร็นกะและยูคิ
ตอนระหว่างค่ายฝึกของชมรมนักผจญภัย ก็ยิ่งทำให้ตระหนักถึงมันอย่างเด่นชัด
ไม่ว่าจะความชำนาญลิงค์ของอาจารย์, การคิดกลยุทธของโอริเบะ, หรือของอันนา…..ของอันนา…..เอ็ตโต อืม เอาเถอะ นอกเหนือไปจากอันนา ตัวผมไม่มีความแข็งแกร่งของนักผจญภัยเหมือนอย่างอาจารย์หรือโอริเบะ อย่างดีที่สุดก็แค่จดจำเรื่องลิงค์ได้ไวเท่านั้น
อาจารย์บอกว่าความแข็งแกร่งของผมคือ『สามารถพํฒนาการ์ดขึ้นมาได้อย่างดี』แต่…..มันไม่น่าจะเพียงพอในการผ่านเขาวงกตแบบพิเศษ
ว่ากันตามตรง ในหมู่ชมรมนักผจญภัย ไม่ใช่ว่ามีผมแค่คนเดียวเหรอที่จะมีปัญหาที่สุดในการเลื่อนระดับ 4 ดาว? มีความกังวลอยู่แบบนั้น
ขณะที่ผมกำลังยืนตัวแข็งทื่ออยู่นั้น…..
『อา~ไรเล่า มัวแต่ยืนบื้ออยู่นั่นแหละ』
「เจ็บ!」
-เผียะ-โดนอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นตบเข้าที่ด้านหลังหัว
ขณะหันหลังกลับ ก็จำได้ว่ากำลังถูกบันทึกภาพอยู่ จึงแกล้งทำเป็นปวดหัวขึ้นมาฉับพลันแล้วถามเร็นกะผ่านทางลิงค์
『ทำอะไรเนี่ย』
『ก็นายมัวแต่กลัวอยู่ก็เลยช่วยดันหลังให้ ขอบคุณซะสิ』
『…..ไม่ได้กลัวอะไรซักหน่อย』
『ไม่ล่ะ เห็นชัดๆว่ากลัวอยู่ ไหนกลัวอะไร บอกท่านเร็นกะผู้นี้มาได้เลย』
ขณะที่พูดแบบนั้น ซาชิกิวาราชิที่มองไม่เห็นตัวก็จิ้มแก้มผมมา
『ก็แบบ จ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษ จะก็อปปี้สกิลเรียนรู้ของทางนี้ใช่ไหมล่ะ? ก็เลยคิดว่าคงอันตรายถ้าหากไปก็อปปี้หวนคืนจิตวิญญาณกับทำลายขีดจำกัดเข้า…..』
『ฮะ ก็นึกอยู่ว่าจะพูดอะไร』
เร็นกะฮึดจมูกให้กับเสียงอ่อยของผม
『ถ้าหากว่าการต่อสู้มันถูกตัดสินด้วยแค่ประสิทธิภาพของสกิลและพลังต่อสู้แล้วล่ะก็ มันก็ไม่ต้องมาลำบากกันหรอก เจ้าบื้อ! ถ้าหากเป็นงั้นล่ะก็ นายน่ะคงได้ตายไปนานแล้ว』
ด้วยคำพูดของเร็นกะ ทำให้ผมคิดย้อนไปถึงการต่อสู้กับชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน
จริงอยู่ว่าในตอนนั้น เหล่าการ์ดของผมไม่ได้มีสกิลอะไรดีๆเลย แต่ก็ยังสามารถเอาชนะอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ที่เป็นคู่ต่อสู้แสนเก่งกาจ
หลังจากตอนนั้น ได้ทำการค้นคว้าชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน ได้ค้นพบ『สกิลที่แท้จริงอันนั้น』ก็ถึงกับสะพรึงจากใจจริง
เร็นกะเอาแขนมาคล้องคอผมแล้วกระซิบเบาๆเพื่อไม่ให้กล้องได้ยิน
「นายน่ะ พักนี้เอาแต่พึ่งพาสกิลมากเกินไปแล้ว ไม่ใช่ที่สกิลแต่เชื่อในตัวการ์ดเองให้มากกว่านี้สิ」
『นั่น, สินะ…..ขอโทษด้วย』
『อือ แล้วก็ นอกเหนือจากทำลายขีดจำกัด ไม่มีทางที่หวนคืนจิตวิญญาณจะถูกก็อปปี้ได้หรอก วางใจซะเถอะ』
『หืม? เป็นงั้นหรอกเหรอ?』
『มันก็เป็นงั้นนั่นแหละ เชื่อชั้นสิ』
ทำลายขีดจำกัดสามารถถูกก็อปปี้ได้ แต่หวนคืนจิตวิญญาณไม่สามารถถูกก็อปปี้ได้…..
ระหว่างทั้งสองมีอะไรแตกต่างกันงั้นเหรอ หรือว่าเพราะหวนคืนจิตวิญญาณจำเป็นต้องมีคีย์ไอเทม?
แต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำไมสกิลถึงถูกเรียกว่าหวนคืนจิตวิญญาณล่ะ
ถ้าหากเป็นแค่สกิลที่ทำให้แรงค์อัพเท่านั้นล่ะก็ 『ชำระ』วิญญาณหรืออะไรทำนองนั้นมันก็ได้ อันที่จริงน่าจะฟังดูดีกว่าด้วยซ้ำ
หวนคืน…..กลับมาอีกครั้ง หรือก็คือ หมายถึงแบบนั้นเหรอ? พวกที่มีสกิลร่วงหล่น ดั้งเดิมทีเป็นการ์ดที่มีแรงค์สูงกว่า เพราะงั้นสกิลหวนคืนจิตวิญญาณจึงสามารถคืนสู่แรงค์ดั้งเดิมได้ชั่วคราว
ดังนั้นต่อให้เป็นจ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษ ก็ไม่สามารถก็อปปี้สกิลหวนคืนจิตวิญญาณได้ เพราะว่าไม่มีร่างดั้งเดิมให้กลับไป
แต่ว่า…..ทำไมพวกเร็นกะถึงได้แรงค์ลดลงล่ะ
ขณะที่กำลังนั่งรถไฟก็คิดอะไรอยู่แบบนั้นประมาณ 10 นาที
แล้วผมก็ได้มาถึงยังเขาวงกตแห่งสุดท้าย
ศาลเซย์โดคิชิโมจินนั้น ตั้งอยู่ที่ด้านหลังของตรอกซึ่งเรียงรายไปด้วยบ้านธรรมดา เป็นศาลเจ้าเล็กๆ
ความประทับใจแรกของผมต่อศาลเจ้านี้ แบบว่าดูน่าเศร้าใจ
ของอย่างเดียวที่ดูโดดเด่นก็คือกำแพงสูงและเกทซึ่งล้อมรอบศาลเจ้า เป็นเครื่องบ่งบอกว่าที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ศาลเจ้า แต่คือเขาวงกตที่อันตราย
เนื่องจากว่าได้กลายเป็นเขาวงกตผู้มาเยี่ยมชมจึงหยุดมา แม้แต่ผู้ศรัทธาก็หลงลืมตัวตนของศาลเจ้าเล็กๆไป นั่นก็คือศาลเซย์โดคิชิโมจิน
ทว่านั่นมันก็แค่จนกว่าจะได้ย่างกรายเข้าไป
เมื่อได้เข้ามาภายในแล้ว ที่ตรงนั้นกลับเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่และบิดเบี้ยวเกินไปกว่าที่จะจินตนาการได้จากภายนอก
ที่ปลายทางของทางเดินจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งได้แตกแขนงออกจากทางเข้า ก็คือห้องโถงใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมด้วยรูปปั้นของเทพยืนอยู่อย่างกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศ
เป็นเหมือนกับกับโตเกียวโดมดันเจี้ยน ขณะที่ทำการดูดกลืนโครงสร้างที่มีอยู่เดิมเข้าไป แล้วทวีคูณมันนับสิบนับร้อย ทำการขยายพื้นที่ออกไป
ที่นู่นเองก็เช่นกันที่ภายนอกดูปกติ แต่พอก้าวเข้าไปภายในก็จะพบว่ามันแตกแขนงทางเดินออกไปจำนวนมาก ที่อยู่ถัดไปก็คือสนามเบสบอลมากกว่า 10 สนาม—ที่ตอนนี้ถูกปรับปรุงใหม่กลายเป็นสนามประลอง—- ซึ่งมีการจัดการต่อสู้ในแทบทุกวัน
คนบางคนอาจจะตกใจและรู้สึกไม่ค่อยดีกับพื้นที่ที่บิดเบี้ยวในตอนที่เข้าไปครั้งแรก แต่ถ้าคุ้นชินได้แล้วก็ไม่เป็นปัญหา
「…..อยู่นั่นสินะ」
ที่ปลายสุดของเส้นทางซึ่งแตกแขนงออกนับไม่ถ้วน ได้มีตัวตนที่ปลดปล่อยความน่าเกรงขามออกมา ที่แม้แต่ผมซึ่งเป็นมนุษย์ยังสามารถรู้สึกได้
เมื่อรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามที่ดูคุ้นเคยเข้า ผมก็ขมวดคิ้ว
นี่มัน ลางสังหรณ์ไม่ดีเป็นจริงแล้วสินะ
เขาวงกตแบบพิเศษมักจะเอามอนสเตอร์ซึ่งทางนี้ไม่ถูกกันออกมา ก็คาดการณ์เอาไว้อยู่หรอกแต่…..
ผมอัญเชิญเร็นกะ, เอลิซ่า, ยูคิ, เมอา, ซุซูกะ, และหลังจากลังเลก็ตัดสินใจนำดูลลาฮานออกมา
ซุ่มซ่ามของดูลลาฮานก็กลัวอยู่ แต่ก็อยากจะเพิ่มกำลังรบให้มากขึ้นแม้จะนิดหน่อยก็ยังดี
นอกจากนี้…..
『เร็นกะ, เมอา หวนคืนจิตวิญญาณเลย』
ไม่มีการยั้งมือ ใส่เต็มที่ไปตั้งแต่เริ่ม
『กำลังรออยู่เลย!』
พร้อมด้วยใบหน้าแสดงความดีใจ เมอาทำการหวนคืนจิตวิญญาณไปเป็นลิลิม
บนผิวสีน้ำตาลได้ปรากฏเส้นสีชมพูลากเป็นลวดลายเรขาคณิตที่ดูเย้ายวน เขาของแพะกลายเป็นสีดำมันเงา ปีกที่อยู่ด้านหลังขยายขนาดใหญ่ขึ้น
พร้อมกันนั้น เร็นกะเองก็หวนคืนจิตวิญญาณไปเป็นคิชโชเต็ง ดอกบัวเบ่งบานสะพรั่งที่ปลายเท้า แขนขาค่อยๆเรียวยาวขึ้น กลายร่างเป็นเทพธิดาแห่งความงามพร้อมสวมชุดคลุมของชาวสวรรค์
『เอลิซ่า ช่วยร่ายเวทมนตร์เลเวลอัพให้กับทั้ง 2 คนที』
『เยส, มาสเตอร์』
เวทมนตร์เลเวลอัพ ช่วยเพิ่มพลังต่อสู้แก่การ์ดที่ยังพัฒนาไม่ถึงขีดจำกัดขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แต่จะไม่ได้รับค่าประสบการณ์จากการต่อสู้ ช่วยให้สามารถใช้การ์ดที่เพิ่งได้มาในทันที
ด้วยเวทมนตร์เลเวลอัพ จะทำให้พวกที่หวนคืนจิตวิญญาณสามารถสำแดงพลังต่อสู้ที่มีอยู่ดั้งเดิมของเผ่าพันธ์นั้นๆออกมาได้
【เผ่า】คิชโชเต็ง (เร็นกะ)
【พลังต่อสู้】3,100 (MAX!)
【ทักษะติดตัว】
– บทสวดของคิชโชเต็ง
– เทพธิดา 2 ภาค
– ฝนอมฤต
【ทักษะเรียนรู้】
– ผู้ถูกทอดทิ้ง
– ทำลายขีดจำกัด
– เนตรดารา
– หวนคืนจิตวิญญาณ
– จิตวิญญาณอิสระ
– เวทมนตร์โจมตีขั้นสูง
– ละการร่าย
– ฟื้นฟูพลังเวท
– มิตรภาพร่วมมือ
– เวทมนตร์สถานะผิดปกติขั้นสูง
– ซ่อนแอบ
【เผ่า】ลิลิม (เมอา)
【พลังต่อสู้】1,500 (MAX!)
【ทักษะติดตัว】
– เจ้าหญิงปีศาจฝัน : บุตรี, ร่างแบ่งภาค ของราชินีผู้ปกครองปีศาจฝัน, สามารถอัญเชิญวงศ์วานซัคคิวบัสออกมาได้ การอัญเชิญประเภทไร้ขีดจำกัด, ประกอบไปด้วยสกิลติดตัวทั้งหมดของซัคคิวบัส
– ความฝันหรือความเป็นจริง : ทำให้เส้นแบ่งระหว่างโลกแห่งความฝันและความเป็นจริงเลือนลาง, เพิ่มความสามารถของสกิลความฝันแก่ทุกคนที่อยู่ภายในอาณาเขต
– อภิรมย์แห่งความตาย : มอบความรู้สึกเป็นสุขแก่ผู้ที่สัมผัสโดน อีกทั้งสามารถดูดซับหรือแบ่งปันพลังชีวิตให้ได้, สามารถโจมตีจากระยะไกลได้ด้วยการส่งจูบ การสัมผัสโดยตรงจะช่วยเพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างมาก, หากอีกฝ่ายเป็นเพศชาย การโจมตีครั้งแรกจะทะลุผ่านการต้านทานทั้งหมด
【ทักษะเรียนรู้】
– หัวใจปีศาจตัวน้อย
– หัวใจทุ่มเท
– มิตรภาพร่วมมือ
– จอมเวทขั้นกลาง
– เวทมนตร์สถานะผิดปกติขั้นสูง
– เวทมนตร์สนับสนุนขั้นสูง (NEW!)
– หากสาปแช่งใครก็ต้องเตรียมหลุมไว้ 2
– เคล็ดการอยู่รอด
– หวนคืนจิตวิญญาณ
– ทะลวงการต้านทาน
– ลดการร่าย
【เผ่า】ซัคคิวบัส
【พลังต่อสู้】360
【ทักษะติดตัว】
– ความฝันแห่งเขาอูซาน
– ความฝันของผีเสื้อ
– ผิวปีศาจฝัน
【ทักษะเรียนรู้】
– ร่างวงศ์วานขั้นต่ำ : ร่างกายชั่วคราวที่ถูกอัญเชิญมาจากสกิล, ไร้ซึ่งทักษะเรียนรู้และไม่มีการเติบโต ร่างวงศ์วานขั้นต่ำไม่มีอัตตา มีพลังต่อสู้เป็น 0.8 ของตัวต้นฉบับ
เท่านี้ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว
พลังต่อสู้ของเร็นกะมี 3,100 ตอนที่ฟูลซิงโครจะมีพลังต่อสู้ไปถึง 6,000
ต่อให้อีกฝ่ายเป็นจ้าวแรงค์ B ที่มาพร้อมกับทำลายขีดจำกัด ในด้านพลังต่อสู้ก็ได้ก้าวข้ามไปแล้ว
ทางเมอาที่ดูจะด้อยกว่าเร็นกะ แต่ว่ามีการอัญเชิญประเภทไร้ขีดจำกัด หากเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ ความแข็งแกร่งโดยรวมที่มีจะไม่แพ้เร็นกะที่มีทำลายขีดจำกัดเลย
ไม่เพียงแค่เร็นกะกับเมอา ยังมีเอลิซ่า, ยูคิ, ซุซูกะ, และที่พ่วงมาอย่างดูลลาฮานด้วย
ถ้าขนาดนี้แล้วยังแพ้อีก มันก็หมายความง่ายๆว่าผมยังแข็งแกร่งไม่มากพอ คงต้องยกชัยชนะให้แก่ผู้เข้าแข่งขันรายอื่น แล้วผมก็ไปฝึกฝนความแข็งแกร่งในฐานะของนักผจญภัยเพิ่ม
ด้วยความรู้สึกสดชื่นที่มีทั้งปลงแและยอมรับก็ได้เดินไปตามทางสู่ศาลเจ้า
เมื่อสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นของดอกไม้ ลางสังหรณ์ไม่ดีก็กลายเป็นความแน่นอน
ในที่สุด จ้าวของเขาวงกตแห่งนี้ที่กำลังยืนอยู่ตรงด้านหน้าของห้องโถงใหญ่ก็เข้ามาสู่สายตา
สาวงามไร้ผู้เปรียบซึ่งอยู่ในชุดของชาวสวรรค์ ยืนอยู่บนดอกบัวที่กำลังเบ่งบาน
—-จ้าวของเขาวงกตแห่งนี้, คิชโชเต็ง เป็นตามที่คิดเอาไว้
【Tips】จ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษ
ไม่เหมือนกับเขาวงกตปกติทั่วไป จ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษจะเป็นมอนสเตอร์ที่มีแรงค์มากกว่าแรงค์ของเขาวงกตอยู่ 2 ระดับ (ปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันถึงเขาวงกตแบบพิเศษที่มีแรงค์ B หรือสูงกว่า)
จ้าวนี้ มีความสามารถในการก็อปปี้สกิลเรียนรู้จากการ์ดของผู้ท้าชิงแต่ละใบได้ และแม้ว่าจะสับเปลี่ยนการ์ดกลางทางก็ตาม สกิลเรียนรู้ของการ์ดก่อนหน้าก็ไม่ถูกตัดทิ้งไป แล้วยังเพิ่มสกิลเรียนรู้จากการ์ดที่มาใหม่เข้าไปอีกด้วย
อีกทั้ง จ้าวที่ปรากฏ ราวกับว่าจะสามารถอ่านความคิดของนักผจญภัยได้ จะถูกเลือกเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่เข้ากันออกมา
บางทีด้วยเหตุนี้ จ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษจึงสามารถถูกท้าสู้ได้ด้วยตัวคนเดียว (เข้าสำรวจพร้อมกันได้ไม่เกิน 2 คน)
อีกชื่อหนึ่งคือ『เขาวงกตแห่งการทดสอบ』
ข้อมูลเพิ่มเติม
ศาลเจ้าเซย์โดคิชิโมจิน / 清土鬼子母神堂
ชื่อวัด/ศาลเจ้าที่มีอยู่จริงในญี่ปุ่น
META / Most Effective Tactical Advantage หรือเทคนิคการเล่นหรือกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเอาชนะตัวเกมหรือผู้เล่นรายอื่น ซึ่งมักจะมักจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามการอัปเดท (patch update) แต่ละครั้ง
MANGA DISCUSSION