บทที่ 3 ตอนที่ 11
หลังจากนั้นอีก 3 วัน ด้วยแนวคิด「ทุกสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้」 ทุกคนในชมรมนักผจญภัยต่างก็รุมรังแกผมสารพัดวิธีที่จะสามารถคิดได้
วันที่ 3 ของการฝึก สถานที่เป็นชั้นที่ 20 เป็นต้นไปซึ่งมีมอนสเตอร์แรงค์ D ปรากฏ ต้องรับมือกับการลากมอนสเตอร์เทรน(monster train) จากนักผจญภัยอื่น และกับดักที่ใช้ถุงกลิ่นล่อมอนเสตอร์
แน่นอนว่าคงจะไม่มีไอ้บ้าที่ไหนมาโจมตีกันโต้งๆด้วยการ์ด แต่ถ้าเป็นกับดักและมอนสเตอร์เทรนที่สร้างด้วยนักผจญภัยอื่นแล้ว ก็ถือว่าอยู่ในพื้นที่สีเทาแม้แต่กับในแง่ของกฏหมายก็ด้วย จึงเป็นเรื่องยากที่จะพูดได้เต็มปากว่ามันจะไม่เกิดขึ้น
เรื่องนักผจญภัยวางกับดักหรือมอนสเตอร์เทรนในเขาวงกต การที่กฏหมายไม่ได้สั่งห้ามเอาไว้อย่างชัดเจน นั่นก็เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นปกติในพื้นที่ของเขาวงกต
ตัวมอนสเตอร์เทรน จะให้ไปบอกว่า「ถ้าผลจากการวิ่งหนีมอนสเตอร์ไปก่อให้เกิดมอนสเตอร์เทรน แล้วทำให้เกิดปัญหากับนักผจญภัยคนอื่นๆแล้วก็ตายๆไปซะ」มันก็คงจะไม่ได้แม้แต่กับกิลล์
การวางกับดักเองก็ด้วย การใช้กับดักเพื่อรับมือกับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าตนเองนั้น ถือว่าเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของนักผจญภัย แต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาวงกตที่ไปสำรวจมันก็มีกับดักเต็มไปหมดอยู่แล้ว ถ้าหากว่าไปติดกับกัดของนักผจญภัยอื่นเข้า คนที่โดนนั่นแหละจะถูกมองซะเองว่าไม่ระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมอนสเตอร์เทรนและกับดักที่ถูกทิ้งเอาไว้ถือว่าเป็นการกระทำที่น่ารำคาญอย่างชัดเจน ถ้าหากว่ามีหลักฐานของการกระทำนั้นๆอย่างชัดเจนขึ้นมาแล้วล่ะก็ ทางกิลล์ก็จะส่งคำเตือนอย่างหนักให้ และในกรณีร้ายแรงก็จะลงโทษด้วยการพักใบอนุญาต
…..แต่ถึงแม้จะมีอยู่ ก็เป็นเรื่องยากที่จะถูกจับได้ว่าเป็นอาชญากรรม
การกระทำนั้นจะถูกลงโทษก็ในกรณีที่มันมีเจตนาร้ายอย่างชัดเจนและเล็งเป้าหมายไปที่ตัวผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะถูกปล่อยผ่าน จะมีข้อยกเว้นคือ การวางกับดักในเขาวงกตแรงค์ F ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่ควรจะมีกับดักใดๆอยู่ และมันถูกห้ามเอาไว้ด้วยกฏหมายอย่างชัดเจน
แม้ระหว่างการแข่งที่ถูกบันทึกภาพเอาไว้ตลอดเวลาจะทำให้มีผู้ที่จะกระทำมันน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอยู่เลย
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องโดนบังคับให้รับมือกับมอนสเตอร์เทรนที่นักผจญภัยทิ้งเอาไว้, รวมถึงกับดักอันแสนชั่วร้ายที่อันนากับโอริเบะวางเอาไว้ที่ถึงแม้มันจะไม่อันตรายถึงตายก็ตามที
วันที่ 4 ของการฝึก ฝึกการหนีจากนักผจญภัยอื่นให้ห่างอย่างน้อย 50 ม. ภายในเวลา 3 นาที
ในการแข่งนี้ ยิ่งต่อสู้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแต่จะเสียกำลังของการ์ด ในขณะที่ทำการต่อสู้ เหล่าคู่แข่งก็ยังจะล่วงหน้าไปได้อีก ในบางครั้งก็จะมาทำการท้าสู้หลังจากต่อสู้เสร็จเพื่อชิงความได้เปรียบด้วย
ด้วยเหตุนี้ กับนักผจญภัยอื่น…..โดยเฉพาะที่โจมตีมากับเป็นกลุ่ม การฝึกหลบหนีจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ในการฝึกนี้ ระหว่างทาง อาจารย์ก็มาเข้าร่วมด้วยในฐานะของนักล่ามืออาชีพ แน่นอนว่าเป็นเซอร์ไพรส์ลับๆที่เก็บไว้สำหรับผม และเป็นที่แน่นอนว่าไม่สามารถหนีพ้นได้ในครั้งแรก โดนอัดซะน่วม สาเหตุที่โดนอัดอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ใช่แค่เพราะว่าความแตกต่างในด้านฝีมือระหว่างผมกับอาจารย์เพียงอย่างเดียว แต่เพราะถูกสั่งห้ามไม่ให้ใช้เร็นกะกับอาเธน่า เนื่องจากคาดการณ์ว่ากำลังรบจะมีน้อยกว่ามืออาชีพ ในอีกด้านหนึ่ง อาจารย์มีสมาชิกที่ดีที่สุดรวมไปถึงอะราเดีย ไม่มีทางที่จะชนะได้เลย
แล้วในคืนนั้น ผมก็ทำการตั้งแคมป์คนเดียว ในขณะที่ทั้ง 3 คนพลัดกันก่อกวน ด้วยการส่งเสียงดังและส่องแสงไฟใส่ทำให้นอนไม่หลับ
วันที่ 5 วันนี้เป็นวันสุดท้ายของค่ายฝึก ในสภาพที่อดนอน ทำการเดินทางจากชั้น 15 ไปจนถึงจ้าวในชั้นสุดท้ายพร้อมกับทุกอย่างที่เจอมา สาเหตุที่เริ่มจากชั้น 15 แทนที่จะเป็นชั้น 1 ก็เพราะเป็นไปไมไ่ด้ที่จะสำรวจทั้งหมดได้ในเวลาเพียงครึ่งวัน
ตามรายทาง ต้องเผชิญกับมอนสเตอร์เทรนและมอนสเตอร์เฮาส์ที่ถูกสร้างจำลองขึ้นด้วยถุงกลิ่น, การโจมตีของอันนากับโอริเบะ, แล้วก็การไล่ล่าของอาจารย์
บางครั้งก็สามารถหลบหนีมาได้ บางครั้งก็ต้องต่อสู้ และที่รออยู่ในชั้นสุดท้ายก็คือถูกโจมตีขระทำการต่อสู้กับจ้าว ตามคาดว่าการรับมือทั้งจ้าวและอันนาพร้อมกันเป็นเรื่องยาก จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเลือกเอสเคป และแน่นอนว่าหลังจากนั้นก็ถูกท้าสู้โดยโอริเบะต่อ
แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่ทำให้ได้รู้ว่ามันไม่มีข้อได้เปรียบอะไรจากการต่อสู้กับจ้าวก่อนหน้าการแข่งจริง นั่นเพราะว่ามันไม่ได้มีโบนัสอะไรจากการพิชิตเขาวงกตได้เป็นคนแรก จึงถือว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าจะปล่อยการต่อสู้กับจ้าวให้กับนักผจญภัยคนอื่น ยกเว้นกับแค่เขาวงกตแห่งสุดท้ายเท่านั้น
ซัคคิวบัสที่มีสกิลร่วงหล่นต้องใช้ดาว 150 ดวง ดังนั้นถ้าผมยังอยู่ภายในอันดับ 3 ก็เพียงพอ แค่ถ้าเพื่อให้แน่ใจว่จะได้ เป็นไปได้ก็อยากจะได้อันดับ 1 แต่ในบางกรณีมันก็มีตัวเลือกที่จะยอมแพ้ที่จะเป็นที่ 1 ของบางเขาวงกตอยู่
「——พวกนี้ก็คือที่ไ่ด้เรียนรู้จากจำลองการแข่ง แล้วก็แนวทางพื้นฐานที่จะใช้สำหรับของจริงส์สินะ มีสังเกตุเห็นอะไรนอกเหนือจากนี้อีกรึเปล่าคะ?」
คืนนั้น
หลังจากที่ทำการฝึกเสร็จแล้ว พวกเราก็มาทำการประชุมทบทวนและวางแผนเพื่อสรุปทุกอย่างที่ได้จากค่ายฝึกกัน
「ของผมไม่มีอะไรแล้ว ก็นะ คิดว่าทำไปหมดทุกอย่างเท่าที่ทำได้ภายในเวลาที่มีอยู่จำกัดแล้ว ที่เหลือก็เป็นความพยายามของมาโร่แล้วล่ะ」
「ชั้นเองก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษค่ะ จากนี้ไปก็ได้แค่หวังว่ารุ่นพี่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้เท่านั้น」
หลังจากได้ยินคำพูดของอาจารย์และโอริเบะ ผมก็ทำการก้มหัวให้กับทุกคนอีกครั้ง
「ครั้งนี้ ที่ทำเพื่อผมอยู่หลายวันต้องขอขอบคุณมาก ช่วยได้มากจริงๆ」
「ถ้าอยากแสดงความขอบคุณแล้วล่ะก็ ที่ต้องทำก็แค่เอาชนะการแข่งมาก็เท่านั้นเองส์ ในตอนที่มีการสัมภาษณ์ผู้ชนะ ก็ช่วยทำการยกระดับตัวรุ่นพี่กับชมรมนักผจญภัยไปด้วย แบบนั้นแล้วจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับพวกเราทั้งหมดส์ค่ะ」
「อา เข้าใจแล้ว」
พอผมพยักหน้า อันนาก็-แปะ-ประกบมือเข้าหากัน
「เอาล่ะ! นี่ก็เป็นตอนจบของค่ายฝึกแล้ว มาทำกิจกรรมสันทนาการกันส่งท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกันเถอะ!」
「สันทนาการ…..จะทำอะไรล่ะ?」
「หน้าร้อน! ค่ายฝึก! แล้วก็ทะเล….. มันก็ต้องดอกไม้ไฟไงล่ะ!」
อันนาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ขณะเดียวกันก็หยิบเอาดอกไม้ไฟออกมาจากในเต็นท์
…..ดอกไม้ไฟนี่นะ พวกผมต่างก็เงยหน้ามองไปยังพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างจ้าอยู่บนหัวถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาหลัง 3 ทุ่มไปแล้ว
「…..สว่างแบบนี้เนี่ยนะ?」
พวกเราต่างก็มองไปยังอันนาราวกับเด็กน่าสงสาร แต่เธอก็-จุ๊จุ๊จุ๊-! ส่ายนิ้วชี้ไปมาด้วยท่าทางกวนๆ แล้วพูด
「นี่คิดว่าชั้นจะไม่คิดถึงเรื่องนั้นส์เอาไว้เหรอคะ?」
「อา…..งั้นเหรอ คงจะออกจากเขาวงกตแล้วไปเล่นกันที่หน้าร้านสะดวกซื้อสินะ ก็นะ ฟังดูดีอยู่นี่นา?」
「แบบนั้นพวกการ์ดก็ไม่ได้เข้าร่วมด้วยน่ะสิค่ะ!」
「ถ้างั้นสุดท้ายแล้วก็ต้องมาเล่นกันสว่างจ้าแบบนี้น่ะสิ」
「ตรง・นั้น・แหละ! ที่จะเป็นตาของสิ่งนี้ส์!」
พูดจบ เธอก็คลายการ์ดสิ่งของ นำเอาชิเมนาวะ*ที่ดูเก่าแก่และมีขนาดใหญ่มากออกมา
ชิเมนาวะนั้น มีความหนาราวกับแขนของผู้ใหญ่และยาวเกือบ 10 ม. มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
อุปกรณ์เวทอะไรซักอย่างงั้นเหรอ…..? ขณะที่ผมกำลังจ้องเขม็งอยู่นั้น อาจารย์ก็-ป๊อง-! เอามือทุบกันราวกับว่านึกอะไรออก
「อา! หรือว่า นี่คือ…..ชิเมนาวะแห่งอามะ โนะ อิวาโตะ*?」
「สมแล้วที่เป็นรุ่นพี่คันนาซูกิ รู้ด้วยสินะคะ」
อันนายิ้มให้ด้วยความภูมิใจ
「อาจารย์ ชิเมนาวะแห่งอามะ โนะ อิวาโตะนี่คืออะไรเหรอ?」
「เป็นหนึ่งในอุปกรณ์เวทที่เพิ่งจะถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้เองน่ะ เป็นของชิ้นหนึ่งที่ถูกเรียกว่าอุปกรณ์เวทเปลี่ยนแปลงพื้นที่ ถ้าจำไม่ผิด สามารถเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของชั้นนั้นๆให้กลายเป็นกลางคืนได้ประมาณ 1 ชม. ล่ะมั้ง?」
ด้วยคำของอาจารย์ ทำให้ผมถึงกับเบิกตากว้าง
「อุปกรณ์เวทเปลี่ยนแปลงพื้นที่เนี่ย…..มันแพงเอามากๆเลยไม่ใช่เหรอ」
สภาพแวดล้อมของแต่ละชั้น อุปกรณ์เวทที่สามารถเปลี่ยนแปลงมันให้เข้ากันกับการ์ดของตนเองได้ ไม่ว่าจะแบบไหนก็ราคามากเกินกว่า 1 พันล้าน ที่ราคาแพงที่สุดจะเป็นประเภทที่สามารถเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศได้อย่าง『ทะเล』หรือ『ภูเขา』ส่วนประเภทที่เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่าง『กลางวัน』ก็มี และมันก็มีการ์ดหลายใบที่สามารถแสดงความสามารถภายใต้เงื่อนไขอย่าง『ฝน』หรือ『กลางคืน』ด้วย อุปกรณ์เวทเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่ราคาถูกเนี่ยมันไม่มีอยู่หรอก
การที่เอาของแบบนั้นออกมาเพื่อแค่กับดอกไม้ไฟ…..อย่างที่คิดเลยว่ายัยนี่ ต้องมีอะไรผิดปกติซักที่แน่ๆ
「ฟุฟุฟุ นี่น่ะถูกกลุ่มคาโน่ซื้อมาเพื่อทำการค้นคว้าก่อนหน้าที่จะรู้มูลค่าของมัน ซึ่งตอนนั้นราคาไม่ได้แพงมาก มันวางกองอยู่ในโกดังเก็บของก็เลยยืมมาสำหรับค่ายฝึกนี่ยังไงส์ล่ะ」
อา อย่างงี้นี่เอง…..ถ้าหากว่าเพิ่งจะค้นพบวิธีการใช้งานมันแล้วล่ะก็ ก็หมายความว่ามันถูกขายราคาต่ำในฐานะของไอเทมที่ไม่รู้วิธีการใช้งานมาเกือบ 20 ปี
ในหมู่นี้ จะมีนักเก็งกำไรบางคนที่กว้านซื้ออุปกรณ์เวทที่ไม่รู้วิธีการใช้งาน แล้วคาดหวังว่ามูลค่าของมันจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อรู้วิธีการใช้งานแล้ว แต่ทว่าในกรณีส่วนใหญ่ ผู้คนที่ครอบครองมันลงท้ายด้วยการถือขยะไร้ประโยชน์เอาไว้เป็นเวลาหลายปี เพื่อที่จะค้นพบว่ามันไม่ได้มีมูลค่ามากขนาดนั้น แล้วก็ต้องไปเทขายในราคาที่ต่ำกว่าตอนที่ซื้อมา ลงเอยด้วยความล้มเหลว
ที่บอกว่า『ไม่ทราบการใช้งาน』ความหมายก็คือ『มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ไป』อุปกรณ์เวทที่ยังไม่รู้แน่ชัดจะถูกกำกับมูลค่าเอาไว้ประมาณหนึ่ง ซึ่งหากรู้แน่ชัดแล้ว มูลค่าของมันก็สามารถจะลดลงได้เช่นกัน
พูดอีกอย่างก็กาชานั่นแหละ
แต่ว่า…..
「ถ้าอยากจะดูดอกไม้ไฟล่ะก็ แค่ไปเขาวงกตที่เป็นตอนกลางคืนก็ได้แล้ว แต่นี่อุตส่าห์เปลี่ยนทะเลตอนกลางวันให้กลายเป็นกลางคืน จะไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ」
「ถ้าเป็นเขาวงกตกลางคืน มันก็ไม่สามารถสนุกไปกับทะเลตอนกลางวันได้แทนส์น่ะสิ! ชั้นที่สนุกที่ทะเลไปกับชมรมนักผจญภัยและพวกการ์ด อยากจะได้ความทรงจำแบบนั้นต่างหากส์! ความทรงจำน่ะ เป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่เงินไม่สามารถซื้อได้หรอกนะคะ!」
「…..อย่างงี้นี่เอง」
อืม อย่างที่คิด ไม่ว่าจะยังไง คนที่จะสามารถเป็นประธานของพวกเราได้ก็คงมีแค่อันนา
พอได้มองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าอันแน่วแน่ของอันนา ผมก็เชื่อได้เช่นนั้นอย่างน่าประหลาด
ท่ามกลางความมืดที่ถูกส่องสว่างเพียงแค่แสงจันทร์และตะเกียงในเต็นท์ ดอกไม้ทำจากไฟหลากหลายสีสันได้เบ่งบาน
สีที่เปลี่ยนไปตามเวลาจากแดง, ฟ้า, เขียวของดอกไม้ไฟในมือ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
「สวยจังเลยน้า~」
「นั่นสิน้า…..」
โอริเบะที่อยู่ข้างๆผมพยักหน้า
「พวกรุ่นพี่รู้รึเปล่าคะ ดูเหมือนว่าดอกไม้ไฟสมัยนี้ต่อให้ไปจุ่มน้ำก็ไม่ดับด้วย」
「จริงดิ!? หรือว่านี่จะเป็นอุปกรณ์เวท?」
「เปล่าหรอก เป็นสารเคมีค่ะ ดูเหมือนว่าจะมีส่วนผสมของสารเคมีที่สร้างอากาศขึ้นมาอยู่」
「เห~ สมเป็นงานฝีมือเลยน้า」
ดอกไม้ไฟที่พวกเราเล่นสนุกกันอย่างไม่คิดอะไรเนี่ย เป็นผลมาจากความพยายามและความคิดสร้างสรรค์ของคนหลายต่อหลายคนสินะ…..
ขณะที่กำลังเหม่อลอยจ้องไปที่ไฟของดอกไม้ไฟอยู่นั้น…..
「มาโร่ ดูซึมๆไปนะ」
จู่ๆ อาจารย์ก็พูดขึ้น
「มีอะไรกวนใจอยู่งั้นเหรอ?」
「อา~ ไม่หรอก…..」
ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะพูดอะไรออกไปดีไหม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกไป
คิดว่าบางที อาจารย์อาจจะสามารถช่วยขจัดความรู้สึกที่มันคั่งค้างอยู่ในใจไปได้
「ความจริงแล้ว ผมไม่คิดว่าจะมีความแข็งแกร่งในฐานะของนักผจญภัยอะไรพวกนั้นอยู่หรอก」
「ความแข็งแกร่งในฐานะของนักผจญภัย?」
「ตัวอย่างเช่นโอริเบะที่เก่งเรื่องการวางแผน หรือก็คือการที่สามารถคิดกลยุทธดีๆออกมา แล้วก็อ่านความคิดของอีกฝ่ายได้ล่ะมั้ง? อาจารย์ในฐานะนักผจญภัยก็มีเทคนิคในระดับสูง…..ผมน่ะ ไม่มีอะไรพวกนั้นอยู่หรอก」
「…..อย่างงี้นี่เอง」
โอริเบะที่ฟังบทสนทนาของผมกับอาจารย์อยู่ ทำหน้าตางุนงง
「รุ่นพี่เนี่ย คิดว่ามีความสามารถอยู่ที่แรงบัลดาลใจในนาทีสุดท้าย เป็นความแข็งแกร่งที่ไว้เผชิญหน้ากับความยากลำบากอยู่นะคะ…..」
「ไม่หรอก คิดว่าที่มาโร่พูดถึงไม่น่าจะใช่เรื่องนั้น จะว่ายังไงดี จะบอกว่าไม่มีบุคลิกของนักผจญภัยอยู่ใช่รึเปล่า?」
「อือ ความรู้สึกแบบนั้นแหละ」
ผมพยักหน้าอย่างหนักแน่นให้กับคำพูดของอาจารย์
ยกตัวอย่าง ถ้าหากว่าความสามารถของนักผจญภัยสามารถแยกออกมาได้ 3 อย่างเป็น ลิงค์, กลยุทธ, และคุณภาพของการ์ดแล้ว ความสามารถของผมมันก็คงกลางๆไปซะทั้งหมด ที่พอจะมากกว่านักผจญภัยคนอื่นก็คงมีแค่คุณภาพของการ์ด คิดว่างั้นนะ
แล้วมันก็เป็นเพียงอย่างเดียวภายใน 3 อย่างนั้นที่สามารถทดแทนได้ด้วยเงิน
「ฟุมุ ที่ผมคิดนะ ความสามารถของนักผจญภัยเนี่ยไม่ใช่ 3 แต่เป็น 4 อย่างต่างหาก」
「4 งั้นเหรอ?」
「อืม หรือก็คือ การพัฒนาการ์ดล่ะนะ」
「……………」
「แม้มันจะเพิ่งเปลี่ยนแปลงไปไม่นานมานี้ แต่มอนโคโลในตอนนี้ กระแสหลักไม่ได้อยู่ที่การพัฒนาการ์ด แต่เป็นการใช้การ์ดที่ได้รับมาไปไม่กี่ครั้งในการแข่งแล้วปล่อยขาย เพียงแค่ว่าเป็นการ์ดที่มืออาชีพเคยใช้งานใน TV มาก่อนก็ช่วยเพิ่มมูลค่าและขายได้ในราคาแพงแล้ว และบางทีเพราะว่าพวกกราดิเอเตอร์เป็นอะไรที่ถูกเห็นได้ปกติในสายตาของผู้คนทั่วไป การพัฒนาการ์ดจึงมักจะถูกมองข้ามไปเพราะว่ามันไม่ได้แสดงผลลัพธ์ออกมาในทันที แม้แต่ในหมู่มือสมัครเล่นเองก็ด้วย การที่จะใช้เวลานานหลายเดือนเพื่อเรียนรู้สกิล สู้ไปหาการ์ดที่แข็งแกร่งมาไว้ในมือเลยจะเร็วกว่า แต่ว่า…..」
「แต่ว่า?」
「ผมคิดว่า ความสามารถในการพัฒนาการ์ดเป็นคุณสมบัติที่สำคัญพอๆกับพรสวรรค์ด้านลิงค์เลยล่ะ ไม่ว่าจะพลังต่อสู้, สกิลติดตัว, หรือสกิลที่ได้รับ เป็นแค่ส่วนเล็กๆของพลังที่อยู่ผิวเผินของการ์ด มันอาจจะมีพลังที่มากมายหลับไหลอยู่ภายใต้นั้นอยู่ก็เป็นได้ ล่ะมั้ง โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นการ์ดของมาโร่แล้ว คิดได้แบบนั้นล่ะ」
อาจารย์พูดขณะที่จ้องมองลึกเข้าใปในดวงตาของผม
「ความแข็งแกร่งของนักผจญภัยของมาโร่น่ะ คิดว่าคือการที่สามารถพํฒนาการ์ดขึ้นมาได้อย่างดียังไงล่ะ」
「แบบนั้นมันก็…..」
ผมยิ้มแห้งๆ…..
「เป็นพลังที่ดูธรรมดาจัง」
「แต่ว่า ก็เหมาะกับรุ่นพี่นะคะ」
โอริเบะยิ้มจางๆแล้วพูดมาเช่นนั้น
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินอย่างผ่อนคลายกับดอกไม้ไฟอยู่แบบนั้น
「พวกรุ่นพี่, ซาโยะ ดูสิดูสิ!」
พอพวกเราหันไป ที่ตรงนั้นมีเครื่องเล่นเสียงที่กำลังเล่นเพลงอนิเมะ และอันนาที่กำลังถือดอกไม้ไฟอยู่ในมือทั้ง 2 ข้าง
พอคิดว่ามันเรื่องอะไรกัน อันนาก็เริ่มโบกแขนไปมา ทำการเต้นรำ
อันนาทำการแสดงราวกับการเต้นแบบสุดยอดของพวกเหล่าโอตาคุ แต่…..
「ร้อน! ร้อนร้อน!」
แน่นอนว่าการเหวี่ยงดอกไม้ไฟไปมาย่อมทำให้ประกายไฟส่วนใหญ่ร่วงใส่เธอ
อันนาร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ก็สามารถเต้นอย่างสวยงามไปได้จนจบ
「…..ป-เป็นยังไงบ้างคะ?」
「อ-โอ้…..ก็สุดยอดอยู่ แต่…..」
「อันนา ไม่ร้อนเหรอ…..?」
「นี่ถูกไฟลวกรึเปล่า?」
พวกเราต่างถามด้วยความเป็นห่วง
「มันก็ต้องร้อนสุดๆแน่นอนอยู่แล้วสิค่ะ! อันที่จริง เจ็บสุดๆเลย! แต่ว่า ก็น่าสนุกใช่ไหมล่ะคะ?」
「อ-โอ้」
อันนา ถึงกับเอาตัวเข้าแลกเชียว…..!
อดไม่ได้ที่จะมองด้วยความเคารพผสมกับความประหลาดใจ
「โธ่ มาสเตอร์ จะตื่นเต้นเกินไปแล้วนะคะ」
เอลฟ์ทาเนียพูดเชิงตำหนิใส่อันนา
「ทำไมถึงไม่ใช้แท่งเรืองแสงเหมือนอย่างตอนที่ฝึกล่ะคะ?」
「มันน่าสนุกก็เพราะว่าเป็นดอกไม้ไฟไงล่ะ! แล้วด้วยบาเรียการ์ดก็ช่วยป้องกันไฟลวกด้วย ก็แค่รู้สึกร้อนไปแป๊ปเดียวเท่านั้นเอง ไม่เป็นไรไม่เป็นไร!」
「โธ่…..」
…..รู้สึกว่านี่จะเป้นครั้งแรกที่ได้เห็นบทสนทนาระหว่างอันนากับทาเนีย แบบว่ารู้สึกหยั่งกับพี่สาวน้องสาวเลย
รู้สึกประหลาดใจอยู่นิดหน่อย
หลังจากนั้น พวกอันนาก็ได้มาเล่นสนุกอย่างปลอดภัยกับดอกไม้มือถือ จนกระทั่งเกิดเสียงที่ดังมากมาจากทางชายหาด
「—-รับไปซะ! คลื่นมังกรทมิฬอสรพิษอัคคี!」
「ฮี๊!? เดี๊- เร็นกะ! อย่าเอาดอกไม้ไฟจรวดมายิงใส่คนอื่นสิ!」
เมอาส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดขณะที่กำลังวิ่งหนีโดยมีเร็นกะไล่ตามด้วยดอกไม้ไฟจรวด
เวลาแบบนี้ เร็นกะก็ทำตัวเป็นแค่เด็กจริงๆ….. แต่บางครั้งเธอก็ดูเป็นผู้ใหญ่อย่างน่าประหลาด….. พอได้มองดูก็คิดได้แบบนั้น
「อาโน…..มาสเตอร์ นั่นน่ะ ไม่ห้ามจะดีแล้วเหรอฮะ?」
ยูคิถามอย่างลังเล
「ดีแล้วล่ะ เมอาเองก็หัวเราะอยู่ด้วย」
「อา…..อย่างงี้นี่เอง ถ้างั้นปล่อยเอาไว้น่าจะดีที่สุดนะฮะ」
พอพูดจบ ยูคิก็จุดดอกไม้ไฟหนูแล้วโยนออกไป
…..แบบว่าดูจะทำแบบนั้นมาได้ซักพักใหญ่แล้ว
「ยูคิ ชอบเจ้านี่เหรอ?」
「ฮะ คิดว่ามันเคลื่อนไหวได้น่าสนใจดี」
ฟุมุ จริงอยู่ว่าผมเองในครั้งแรกที่ได้ลองมันก็เห็นว่าน่าสนใจดี
เอาล่ะ ทำการมองไปรอบๆเพื่อดูว่าคนอื่นๆกำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง แล้วก็ได้เห็นเอลิซ่ากับซุซูกะกำลังจุดดอกไม้ไฟกัน
โฮ่ เป็นคู่ที่หายากนะเนี่ย คิดได้แบบนั้นแล้วก็เดินเข้าไปหา
「อะ มาสเตอร์ที่ทิ้งชั้นเอาไว้เมื่อวันก่อนมาแล้ว」
ซุซูกะรู้สึกตัวถึงผมจึงพูดด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ
ยัยนี่ ยังเจ้าคิดเจ้าแค้นเรื่องเมื่อตอนวันแรกของค่ายฝึกอยู่อีกเรอะ
「ไอ้เรื่องนั้น ก็บอกเธอไปแล้วใช่ไหมว่าเพราะอยากจะให้เธอมีความกล้าพอที่จะเข้าไปร่วมกลุ่มกับทุกๆคนน่ะ?」
「แล้วผลก็มัน ก็ทำให้ชั้นต้องเจ็บปวดหัวใจใช่ไหมล่ะ?….. รู้ถึงความรู้สึกของชั้นตอนที่ชั้นไปเข้าร่วมแล้วการถามปริศนาก็จบลงในทันทีเลยไหม?」
「อา อืม …..เกี่ยวกับเรื่องนั้น ต้องขอโทษด้วยจริงๆ」
ผมก้มหัวให้อย่างว่าง่าย
แต่คิดว่าไอ้วิธีการเข้าร่วมของตัวเธอเองเนี่ยมันก็แย่ด้วยเหอะ ประโยคแรกที่พูด「คำถามง่ายๆแค่นี้ก็ไม่รู้เหรอ? ชั้นน่ะรู้คำตอบในทันทีเลยนะ」มันก็นะ…..
จากนั้น「ดูเหมือนว่าจะมีผู้หญิงที่อ่านบรรยากาศไม่ออกเข้ามาแล้ว ถ้างั้นพอกันแค่นี้เลยก็แล้วกัน」การตอบสนองของอาเธน่าเองก็ออกจะรุนแรงไปหน่อย
ภาพของซุซูกะที่ถูกปล่อยทิ้งไว้คนเดียวพร้อมกับไหล่ที่สั่นเทา ดูน่าสงสารสุดๆ
「ถ-ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การจับคู่ของเอลิซ่ากับซุซูกะนี่หายากอยู่นะเนี่ย」
「เยส, มาสเตอร์ ตั้งแต่ซุซูกะกลายเป็นฮาชิฮิเมะ สกิลของเธอก็ยอดเยี่ยมและไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ ดังนั้นจึงสงสัยว่าจะมีหนทางอะไรที่ชั้นจะสามารถเรียนรู้ด้วยได้บ้างรึเปล่าค่ะ」
เอลิซ่านี่ ตั้งใจหมั่นหาความรู้จริงๆ…..คิดจะไปไกลถึงไหนกันนะ?
พอเห็นเธอเป็นแบบนั้น ซุซูกะก็หลบตาแล้วพูด
「ถ้ามันทำให้ชั้นต้องตกงานล่ะก็ไม่บอกหรอก…..」
「ทำไมล่ะคะ? ถ้ามันทำให้ปาร์ตี้มีกำลังรบโดยรวมเพิ่มขึ้นก็น่าจะทำให้มาสเตอร์พอใจไปด้วยนี่คะ」
ใบหน้าของยักษ์ขี้อิจฉาเกิดกระตุกจากดวงตาสีแดงสดใสที่จ้องมา
เอลิซ่าที่ไม่มีความปราถนาส่วนตัวใดๆ ในขณะที่ซุซูกะคือกลุ่มก้อนของความหึงหวง เป็นเรื่องที่หาได้จากที่จะเจอคนที่ต่างกันสุดขั้วได้ขนาดนี้
「…..อยากจะถามก่อนหน้านี้มาได้ซักพักแล้วแต่ว่า ทำไมเอลิซ่าถึงอยากจะเรียนรู้สกิลไปมากมายขนาดนั้นล่ะ? ทุกครั้งที่มีสมาชิกใหม่เข้าร่วมมา สิ่งแรกที่ทำก็เป็นการถามว่าจะสามารถเรียนรู้สกิลนั้นๆได้ไหมด้วย」
「นั่นมัน…..」
ด้วยคำถามของผม เอลิซ่าเงียบไปอย่างผิดปกติ
「นั่นมัน, เพราะว่าความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นในตัวของชั้น, คือสิ่งนั้น, ค่ะ ในตอนที่ยังเป็นกูล่าอยู่, เมื่อชั้นได้เรียนรู้สกิลใหม่ๆแล้วได้เห็นใบหน้าของมาสเตอร์ที่มีความสุข, ชั้นรู้สึกได้, ว่ามีความสุข, อย่างแน่นอนค่ะ」
เมื่อได้เห็นเอลิซ่าที่พูดขาดเป็นช่วงๆ เหมือนตอนที่เป็นกูล่า ผมก็เหมือนกับว่าได้เกิดการรู้แจ้งขึ้นมา
ผมที่รู้จักเธอมาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะมีอัตตา พอไปถึงจุดๆหนึ่งก็คิดว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอแล้ว แต่ว่านั่นมันผิดมหันต์
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เอลิซ่าจะมีความคิดอะไรแบบนั้น และสิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นของความต้องการที่จะเรียนรู้สกิล…..
「…..ก็ ได้」
ซุซูกะพูดเบาๆ
「จะให้เป็นข้อยกเว้นพิเศษสำหรับเอลิซ่าเท่านั้น จะช่วยสอนสกิลให้…..แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะสอนให้ยังไง」
「ซุซูกะ…..」
「ขอบพระคุณ, มากค่ะ」
เอลิซ่าก้มหัวให้ ผมบลอนด์ทองของเธอพลิ้วไสว
บรรยากาศออกจะกลายเป็นจริงจังขึ้นมา แล้วพวกเราก็จุดดอกไม้ไฟอยู่เงียบๆกันแบบนั้นไปซักพัก
แล้วในตอนนั้นเอง
「รุ่น~พี่! ขอมือมาช่วยหน่อยส์ค่ะ!」
อันนาส่งเสียงเรียก แล้วพอเดินเข้าไปหาก็ดูเหมือนว่ากำลังจัดเตรียมดอกไม้ไฟแบบน้ำตกกันอยู่
ทุกคนกำลังช่วยกันติดตั้งดอกไม้ไฟน้ำตกขนาดใหญ่ยาวกว่า 10 เมตรและมี 2 ชั้นกัน
ขั้นสุดท้ายหลังจากที่ดึงชนวนยาวออกมาแล้ว อันนาพร้อมกับเทียนในมือก็เริ่มนับถอยหลัง
『5, 4, 3, 2, 1, ศูนย์!』
ชนวนเกิดประกายไฟอย่างรุนแรง แล้วฐานพลุไฟทั้งหมดก็ถูดจุดในทันที
ในเวลาพร้อมๆกัน ดอกไม้ไฟน้ำตกก็เริ่มส่องประกายลงมาอย่างรุนแรง
『โอ้~…..!』
ขนาดของมันอลังการจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นอะไรทำโดยคนๆเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเชียร์
เริ่มจากแดง, ไปเป็นเขียว, แล้วก็น้ำเงิน ประกายไฟของน้ำตกเปลี่ยนสีไปตามแต่ละพื้นที่
ขณะที่กำลังมองดูแสงสีอันสดใสนั้น ผมก็ถูกกระแทกด้วยความรู้สึกอันน่าคิดถึงอย่างรุนแรง
พอมาคิดดูแล้ว มันกี่ปีแล้วนะที่ได้มามองดูดอกไม้ไฟด้วยกันกับเพื่อนๆแบบนี้…..
ในตอนที่อยู่ชั้นประถม เคยไปดูดอกไม้ไฟด้วยกันกับเพื่อนๆอยู่หลายต่อหลายครั้งทุกๆหน้าร้อน แต่ก็หยุดไปจนหมดในช่วงที่ได้ขึ้นม.ต้น
บางทีนั่นอาจน่าจะเป็นสาเหตุว่าทำไมเมื่อได้ดูดอกไม้ไฟแล้ว มันทำให้หวนนึกไปถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดขณะที่ยังเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม
ในตอนที่ยังไม่มีการแบ่งแยกระหว่างเพศ จับกลุ่มกันทั้งชาย-หญิง ขี่จักรยานกันเข้าไปในป่าที่ห่างออกไปหลายป้ายรถเมล์ แล้วสร้างฐานลับกันด้วยกิ่งไม้และลังกระดาษ
ธรรมชาติที่ถูกอนุรักษ์เอาไว้และยังคงมีหิ่งห้อย พอเริ่มมืด ก็มีจะซักหนึ่งหรือสองตัวที่บินเข้ามาภายในฐานลับที่สร้างกันอยู่ข้างลำธาร
ขณะที่ทุกคนกำลังมองดูมันอย่างเพลิดเพลิน มันก็กลายเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว จนถูกพวกพ่อแม่ดุกันยกใหญ่
…..ในตอนนั้น จำได้ว่ามีเพื่อนสนิทที่สุดชื่อไดสุเกะอยู่ไม่ผิดแน่ สงสัยจริงว่าหมอนั่นกำลังทำอะไรอยู่ ตอนที่ขึ้นม.ต้น พวกเราไปกันคนละเขต ทำให้ต้องแยกจากกันอย่างสิ้นเชิง
ทุกวันนี้ ถึงแม้จะได้ปรากฏตัวในมอนโคโล แต่ก็ไม่เคยได้ยินข่าวจากเขาอีกเลย
จะว่าไปแล้ว มีมิยูกิจังที่แอบชอบอยู่ พอขึ้นม.ต้น เธอก็ไปคบกับรุ่นพี่ที่เป็นแยงกี้ที่ชื่อเสียงไม่ค่อยดี แล้วกลายเป็นเด็กเกเรไป
…..อา งั้นหรอกเหรอ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่ไปดูดอกไม้ไฟ เพราะว่ามันทำให้หวนไปนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดตอนชั้นประถมนั่นเอง
บางทีในใจลึกๆ คงจะกลัวการปล่อยให้ช่วงเวลาที่มีความสุขในอดีตต้องจางหายไป เพราะแบบนั้นจึงหลีกเลี่ยงดอกไม้ไฟ
แต่ว่า นั่นมันก็—-
「—-เป็นยังไงส์คะ? สวยใช่ไหมล่ะ? ไม่คิดว่ามันคุ้มค่าที่อุตส่าห์เปลี่ยนกลางวันให้กลายเป็นกลางคืนหรอกเหรอคะ?」
อันนาที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำท่ามองช้อนขึ้นมาแล้วยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นดูไร้เดียงสาและดูมีความภูมิใจ ราวกับเด็กประถม
「อา สวยมากเลยล่ะ…..」
—-แต่ว่า นั่นมันก็จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว จะไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองวันเวลาในช่วงประถมถึงหน้าร้อนที่มีความสุขที่สุดในชีวิตอีกต่อไป
ความทรงจำหน้าร้อนที่มีความสุขที่สุดในชีวิต ได้ถูกเขียนทับใหม่เป็นวันนี้แล้ว
ปีถัดไปที่ได้ดูดอกไม้ไฟ จะต้องนึกได้ถึงวันนี้อย่างแน่นอน
และแล้ว ค่ายฝึกครั้งแรกในช่วงหน้าร้อนก็ได้จบลง
【Tips】อุปกรณ์เวทเปลี่ยนแปลงพื้นที่
อุปกรณ์เวทที่ทำให้สภาพแวดล้อมของเขาวงกตซึ่งปกติแล้วไม่มีเปลี่ยนแปลงนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มอนสเตอร์ที่กำเนิดจากเขาวงกตจะแสดงความสามารถของพวกมันออกมาได้อย่างเต็มที่ในสภาพแวดล้อมนั้นๆ ดังนั้นแล้วแค่การเปลี่ยนฝนตกให้กลายเป็นแดดออก, กลางคืนเป็นกลางัน ก็สามารถทำให้เกิดความได้เปรียบอย่างมาก
ในหมู่นั้นยังมีที่สามารถเปลี่ยนพื้นดินให้กลายเป็นทะเล หรือทะเลทรายให้กลายเป็นป่า ซึ่งสามารถกวาดล้างมอนสเตอร์ในพื้นที่นั้นๆได้ทั้งหมดด้วย
ยิ่งเขาวงกตมีแรงค์สูงมากเท่าใด ความต้องการจะเปลี่ยนแปลงพื้นที่ก็ยิ่งสูงมากขึ้นตาม เพราะเหตุนี้พวกมันจึงถูกแลกเปลี่ยนกันในราคาที่สูงมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม
ชิเมนาวะ / Shimenawa
เชือกป่านที่ใช้สำหรับการชำระล้างพิธีกรรมในศาสนาชินโต
https://en.wikipedia.org/wiki/Shimenawa
อามะ โนะ อิวาโตะ / 天の岩戸 / Ama-no-Iwato
จากตำนานญี่ปุ่น, ถ้ำที่เทพอามาเทราสุเข้าไปหลบซ่อนแล้วทำให้เกิดความมืดมิดทั่วดินแดน
https://th.wikipedia.org/wiki/อามะ_โนะ_อิวาโตะ
MANGA DISCUSSION