บทที่ 3 ตอนที่ 10
ค่ายฝึกวันที่ 2
ในวันนี้ โอริเบะกับอันนาจะมุ่งหน้าเข้าไปซ่อนตัวก่อน เป็นการฝึกโดยจำลองการเผชิญหน้ากับนักผจญภัยคนอื่น
ตัวสถานการณ์ก็จะเป็น『ผมพิชิตเขาวงกตแรกได้แล้วในเวลา 24 ~ 48 ชม., มีดาวอยู่ประมาณ 20 ดวง , มีกำลังรบอยู่ครบ, และมีทรัพย์สินสามารถใช้ได้ 100 ล้าน』ตั้งค่าเอาไว้แบบนั้น
นอกเหนือไปจากจำนวนดาวที่มีและกำลังรบของการ์ดแล้ว สงสัยว่าทำไมถึงต้องกำหนดค่าของเวลาที่ใช้ไปในการพิชิต รวมไปถึงจำนวนทรัพย์สินที่ครอบครองอยู่ด้วย แต่เพราะว่าเป็นอาจารย์กับโอริเบะที่หัวดีอุตส่าห์ตั้งค่ามันเอาไว้ คงจะต้องมีความหมายอะไรซักอย่างแน่
ด้วยความคิดเช่นนั้นก็ทำการเก็บรวบรวมคำใบ้แล้วมุ่งไปยังจุดเช็คพอยท์
จนถึงตรงนี้ยังไม่เจอกับโอริเบะหรืออันนาเลยซักครั้ง
…..ไม่ใช่ว่าจะไปดักซุ่มรอก่อนเพื่อโจมตีหรอกเหรอ? ถ้าแบบนี้ก็ไม่ได้ฝึกกันสิ
ขณะที่ยังระแวงอันนากับโอริเบะที่ไม่รู้ว่าวางแผนอะไรกันก็มาถึงจุดเช็คพอยท์แรก ที่ตรงนั้นอันนากับโอริเบะกำลังรอผมอยู่
หมายความว่ายังไงกัน…..? จุดเช็คพอยท์มันไม่สามารถต่อสู้ได้นี่นา…..ขณะที่คิดเช่นนั้นก็เข้าไปใกล้ แล้วโอริเบะก็ทำการพูดขึ้น
「…..ผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่า ใช่ไหม? อยากจะมาทำการแลกเปลี่ยนกันหน่อยรึเปล่า?」
「…..การแลกเปลี่ยน?」
「อุมุ ข้อมูลเกี่ยวกับคำใบ้กับจุดเช็คพอยท์ของ 12 ชั้นถัดไป แล้วก็ดาวที่ชั้นมีอยู่ สนใจรึเปล่า?」
อย่างงี้นี่เอง สถานการณ์แบบนั้นรึ….. นั่นน่ะสินะ เดาว่ามันจะต้องมีผู้เข้าแข่งขันประเภทนั้นอยู่บ้าง
ผมสบตาอย่างรวดเร็วกับซุซูกะ แล้วตัดสินใจเล่นไปตามบทของโอริเบะ
「มีคำถามอยู่ 3 ข้อ ข้อแรก ทำไมถึงได้มาขายข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์กับคู่แข่ง, ข้อสอง ถ้าหากว่าซื้อ จะทำการแลกเปลี่ยนยังไง, ข้อสาม ข้อมูลนั่นจะถูกต้องแน่รึเปล่า อีกทั้งฝ่ายผู้ดูแลอนุญาตเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ 」
「ก่อนอื่นก็ข้อแรก ชั้นไม่ใช่คู่แข่งอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ได้เห็นพวกระดับท็อปในเขาวงกตแห่งนี้ ก็ยอมแพ้เรื่องที่จะได้อันดับสูงๆในการแข่งไป อีกทั้งการ์ดเองก็สะบักสะบอม โอกาศที่จะไปจนจบการแข่งได้มีน้อย เพราะแบบนั้นเลยตัดสินใจทำเงินที่มากกว่าโดยเอามาขายในราคาสูง กับผู้เข้าแข่งขันที่น่าจะมีโอกาศจบการแข่งในอันดับสูงๆ ในขณะที่ข้อมูลและดาวยังมีมูลค่าอยู่ยังไงล่ะ」
「อุมุ…..แล้วข้อสองล่ะ?」
「สำหรับข้อสอง ชั้นมีดาวอยู่ 12 ดวง อยากจะให้ซื้อแต่ละดวงในราคา 2 ล้าน ส่วนเรื่องการแลกเปลี่ยน ดูแล้วไม่น่าจะมีเงินสดติดตัวมา และต่อให้บอกว่าจะโอนเงินให้ทีหลังชั้นก็คงเชื่อไม่ได้ ถ้างั้นเอาเป็นการ์ดแรงค์ D 1 ใบ มีค่าเป็น 1 ล้านเยนไหม? …..เอาการ์ดที่ไม่ได้ใช้หลายๆใบมาแลกกับดาวแทนก็ดีกว่าใช่ไหมล่ะ?」
…..อันที่จริง เพราะว่ามันมีระบบที่อนุญาตให้แลกดาวจากการ์ดแรงค์ D ที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ โอกาศที่จะเกิดการแลกเปลี่ยนแบบนี้จึงน่าจะมีอยู่สูง
ไม่ได้วางแผนที่จะใช้เงินเพื่อซื้อดาว แต่ถ้าคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น ก็คงจะต้องเตรียมการ์ดแรงค์ D เอาไว้เท่าที่จะมากได้
「แล้วจะทำการแลกเปลี่ยนยังไง?」
「แน่นอน ด้วยการต่อสู้ หลังจากที่ได้รับการ์ดมาครึ่งหนึ่งแล้ว ทางนี้ก็จะทำการเดิมพันด้วยดาวทั้งหมดแล้วยอมแพ้ทันที พอยืนยันการยอมแพ้และดาวได้ถูกถ่ายโอนไปก็ค่อยส่งการ์ดอีกครึ่งมาให้ แล้วหลังจากนั้นจะบอกข้อมูลให้」
「…..เข้าใจเรื่องวิธีการแล้ว คำถามสุดท้าย จะรับประกันความถูกต้องของข้อมูลยังไง?」
พอผมถามไป โอริเบะก็ยิ้มแล้วตอบกลับ
「เรื่องนั้น ก็คงบอกได้แค่ว่าให้เชื่อใจเท่านั้น ถ้าหากปฏิเสธ ชั้นก็แค่เอาข้อเสนอเดียวกันนี้ไปยื่นให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ส่วนเรื่องฝ่ายผู้ดูแล เพราะว่ามันไม่ได้ถูกระบุไว้ในหนังสือกติกา ก็คิดได้แค่ว่ามันน่าจะถูกคิดเผื่อเอาไว้แล้วก็เท่านั้นเอง」
เดาว่าจะต้องตัดสินใจเอาเองว่าเป็นเรื่องจริงหรือว่าโกหก เรื่องฝ่ายผู้ดูแลเองก็ด้วย คงจะมีคิดถึงสถานการณ์แบบนี้เอาไว้อยู่แล้ว เพื่อที่จะได้มีเรตติ้งสูงๆ
ควรจะตัดสินใจไปตอนนี้เลยดีไหม ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่เช่นนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาขัดจังหวะ
อันนาที่นิ่งเงียบอยู่จนถึงตอนนี้ จู่ๆก็ทำการเคลื่อนไหว
「รอซักประเดี๋ยวเซ่! แทนที่จะไปซื้อข้อมูลกับพวกขาดแคลนหน้าอกตรงนั้นน่ะ สู้มาซื้อกับชั้นจะดีกว่าส์ไหม?」
「…..คนที่ไม่เกี่ยวข้องช่วยอยู่ห่างๆไปเลยค่ะ」
ดูเหมือนโอริเบะจะโกรธจริงๆจากที่ถูกเรียกว่าขาดแคลนหน้าอก แต่อันนาก็ยังไปต่อโดยไม่สนใจ
「ผู้หญิงตรงนั้นบอกว่าจะขายข้อมูลของ 12 ชั้นถัดไป แต่ชั้นสามารถขายให้ได้จนถึงของจุดเช็คพอยท์ชั้นล่างสุดเลยส์นะ! แถมด้วยดาว 1 ดวงที่ต้องใช้ก็แค่การ์ดการ์ดแรงค์ D เพียงใบเดียวเท่านั้นส์!」
「โกหกสินะ ไม่มีทางที่จะมีข้อมูลถึงชั้นล่างสุดหรอก หรือจะบอกว่าไปมาแล้วกลับจากชั้นล่างสุดในระยะเวลาสั้นๆแบบนี้?」
「ชั้นเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันระดับท็อปของเขาวงกตแห่งนี้ยังไงล่ะ ก็แค่ผ่านเกทเพื่อกลับไปตรงทางเข้าเท่านั้นส์เอง ก็นะ แต่ไปแพ้การต่อสู้เรื่องสิทธิที่จะท้าทายกับจ้าวเพราะงั้นเลยกะว่าจะสละสิทธิ์ ก็ตามที่ว่าไป มาซื้อกับชั้นได้ถูกกว่าส์น้า~」
「อย่าไปโดนหลอกล่ะ เรื่องมันดีเกินกว่าจะเป็นจริง มาซื้อกับชั้นปลอดภัยกว่า」
ดวงตาทั้งสี่จ้องมองมาที่ผม
ผมแกล้งทำเป็นใช้ความคิดแล้วถามไปยังซุซูกะ
『…..เป็นไง? เป็นฝ่ายไหนที่โกหก?』
『อา~ ขอโทษนะ นี่น่ะ ทั้งหมดเป็นแค่การแสดงใช่ไหมล่ะ? เพราะแบบนั้นคำตัดสินมันก็เลยออกมาเป็นเท็จหมดเลย』
พอได้ยินคำขอโทษจากซุซูกะ ผมก็ต้องเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างช่วยไม่ได้
งั้นเรอะ! โดนเข้าซะแล้ว เป็นงั้นเองสินะ…..การแสดงก็ถูกนับว่าเป็นการโกหกอย่างหนึ่ง
เรื่องแผนที่บอกกับโอริเบะไปเมื่อวาน วิธีการรับมือกับการบลัฟของผู้เข้าแข่งขันอื่นมันก็คือจับเท็จของซุซูกะ
ถ้าหากสามารถรับรู้การโกหกของอีกฝ่ายได้ การแลกเปลี่ยนก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัย เว้นเสียแต่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจเอาตอนนาทีสุดท้าย
แต่ทว่านี่เป็นการจำลองการแข่ง ไม่ต่างอะไรกับการสวมบทบาท แม้แต่จับเท็จก็ไร้ประโยชน์
ช่วยไม่ได้…..เดาว่าคงต้องอธิบายสถานการณ์ออกไปซะแล้ว
「อา~ ขอโทษที! ช่วยพักการแสดงเอาไว้ซักแป๊ปนึงก่อน!」
ผมทำมือมาประกอบเป็นรูปตัว T ส่งสัญญาณให้หยุดก่อน อันนาจึงเอียงคอด้วยความสงสัย
「…..? เป็นอะไรเหรอส์คะ? มีปัญหาอะไรรึเปล่า?」
「อืม….. จริงๆแล้วซุซูกะของผมมีสกิลจับเท็จ ก็เลยคิดเอาไว้ว่าจะใช้สกิลนี้เพื่อตรวจจับการโกหก….. แต่ดูเหมือนว่าการแสดงจะถูกนับเป็นการโกหกไปด้วยน่ะซิ」
พอได้ยินที่ผมพูด ทั้ง 2 คนต่างก็มองหน้ากันแล้วถอนหายใจยาวๆ
「จับเท็จนี่ก็ เป็นสกิลที่ดีอีกอันแล้วส์นะคะรุ่นพี่ แบบนี้ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนภายในเขาวงกตก็ไร้เทียมทานส์เลย น่าจะบอกกันให้เร็วกว่านี้….. จะได้ไม่จำเป็นต้องมาสร้างสถานการณ์และก็แสดงละครส์กันแบบนี้」
「ถึงจะบอกแบบนั้น เจ้าจับเท็จนั่นก็อาจจะเป็นแค่การบลัฟของรุ่นพี่เองก็ได้….. ซุซูกะ สินะคะ? มีอะไรอยากจะถามฮาชิฮิเมะตรงนั้นซักหน่อยค่ะ」
「เชิญได้เลย?」
ซุซุกะพยักหน้าให้อย่างเนือยๆ โอริเบะจึงกระแอมไอ 1 ที
「…..อันนา จริงๆแล้วเป็นพวกโดดเดี่ยวในตอนม.ต้น อันนี้จริงหรือเท็จคะ?」
「เดี๊-!?」
อันนาเปิดตากว้างด้วยความตกใจ ส่วนซุซูกะก็มองเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรู้สึกที่มองพวกเดียวกัน
「อา~ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้โกหกนะ มาสเตอร์」
「อ-โอ้…..งั้นเหรอ」
งั้นเหรอ…..
「ฟุมุ ดูเหมือนว่าจะเป็นของจริงนะคะ」
「เดี๊-เดี๊-เดี๊-…..จู่ๆพูดอะไรออกมาเนี่ย ซาโยะ!?」
「ขอโทษที เรื่องที่รุ่นพี่ไม่น่าจะรู้ มันเป็นอย่างเดียวที่นึกขึ้นมาได้ในทันทีค่ะ」
「นั่นน่ะ โกหกชัดๆเลย!」
『จะว่าไป เมื่อกี้นี้โกหกนะ』
ซุซูกะช่วยออกความเห็นเสริมที่อันนาพูด โอริเบะ…..
จะว่าไปแล้ว…..
「อันนาที่มีคาแรคเตอร์แบบนี้ก็ยังไม่มีเพื่อนเลยงั้นเหรอ…..?」
「ม-ไม่ใช่ว่าไม่มีเลยซักหน่อยส์! นี่ไง! มีซาโยะเป็นเพื่อนมาตั้งแต่ม.ต้นด้วย!」
「เรื่องนั้น รวมชั้นแล้วก็มีอยู่บ้างแหละ จะว่าไปแล้ว การที่ไม่มีเพื่อนไม่ใช่เพราะว่าคาแรคเตอร์แบบนี้หรอก แต่คาแรคเตอร์แบบนี้ทำให้มีเพื่อนไม่มาก เพราะว่าเป็นโรงเรียนสำหรับเหล่าคุณหนูที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานเท่านั้นเองค่ะ」
「อา…..」
แบบว่าพอจะเข้าใจได้อยู่ เจ้าคาแรคเตอร์แบบนี้ คงจะเด่นไม่เข้ากับโรงเรียนสำหรับเหล่าคุณหนู อีกทั้งตระกูลคาโน่เองถึงจะร่ำรวย แต่ก็เพิ่งจะก้าวขึ้นมาเท่านั้น คงจะยังเข้ากันไม่ได้กับกลุ่มชนชั้นสูงที่อยู่มาก่อน…..
ในตอนนั้นเอง โอริเบะก็เอามือมาป้องปากอย่างประณีต ใช้สายตามองลงแล้วพูด
「คาโน่ซังเนี่ย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ร่าเริงอยู่เสมอและเป็นคนที่ดีอยู่หรอกแต่ เข้ากันกับพวกดิฉันไม่ได้หรอกค่ะ…..」
「หยุดพูดแบบคุณหนูพวกนั้นเลยนะ! นั่นน่ะ หมายความว่าที่ไม่ชอบชั้นก็เพราะว่าชั้นมันน่ารำคาญและหัวไม่ดีไม่ใช่หรอกเรอะ!」
อ-อันนาซัง…..แสดงว่าถูกตัดหางทิ้งจริงๆงั้นเหรอเนี่ย…..
เดาว่าคุณหนูก็มีปัญหาของคุณหนูเองเหมือนกันล่ะนะ….. แล้วขณะที่ผมกำลังมองเธอด้วยสายตาสงสาร อันนาก็รู้สึกตัวถึงทางนี้แล้วทำคอตก
「อาาาาา…..ทำไม ถึงได้มีลูกหลงมาทางนี้ได้ล่ะ ชั้นออกจะมีอิมเมจเป็นคนมีชื่อเสียงพร้อมด้วยทักษะการเข้าสังคมที่ดีแท้ๆ…..」
…..ไม่ล่ะ ไม่คิดว่าจะมีอิมเมจแบบนั้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ล่ะมั้ง? ตามปกติก็ชอบพาบทสนทนาไปทางโอตาคุ, สร้างกำแพงกั้นรอบตัวกับคนที่ไม่มีความสนใจให้อย่างตอนยูจินซัง, พอกับคนที่เปิดใจให้แล้วก็ย่นระยะเข้าประชิดตัวในทันทีทันใด ทำให้คิดว่าน่าจะมีปัญหาด้านการเข้าสังคม
ให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับผมหรือคู่หูตะวันออก-ตะวันตกที่มีคาแรคเตอร์แบบโอตาคุสายเก็บตัว
…..ทางซุซูกะเองก็ทำตัวเหมือนกำลังได้มองพวกเดียวกันอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
「ก็นะ พักเรื่องของอันนาเอาไว้ก่อนแล้วมาเฉลยสถานการณ์นี้ก่อนละกัน ในกรณีที่เลือกชั้น ถึงราคาจะแพงแต่ก็สามารถซื้อข้อมูลไปจนถึงจุดเช็คพอยท์ได้ปกติ ในอีกด้านหนึ่ง กรณีที่เลือกอันนา ความจริงก็คือการแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องโกหก อันนาเป็นพรรคพวกของผู้เข้าแข่งขันท็อปคนอื่นที่เข้ามาในเขาวงกตแห่งนี้ก่อนแต่เนิ่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อถ่วงเวลาผู้เข้าแข่งขันอื่นไว้ค่ะ」
「…..อย่างงี้นี่เอง ต่อให้จะเอาชนะได้ก็ไม่พ้นต้องมีความเหนื่อยล้า และพอถูกหลอกไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็จะเกิดความลังเลที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นอื่นไปด้วย」
「ใช่แล้วค่ะ ก็นะ ถ้าหากเป็นคนที่มีสกิลจับเท็จอยู่ล่ะก็ กับการหลอกลวงแบบนี้ก็คงจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ จะว่าไปแล้ว หลังจากนี้ในวันนี้ ก็มีแผนที่จะทำเป็นนักผจญภัยที่เสนอการต่อสู้แบบเตี๊ยมกันเพราะต้องการจะพัก 1 ชม.อย่างปลอดภัย, เสนอที่จะช่วยถ่วงเวลาผู้เข้าแข่งขันอื่นโดยให้จ่ายเป็นการ์ดแรงค์ D ก็มี…..」
「อืม เอาเถอะ คิดว่าถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้เข้าแข่งขันแล้วคงสามารถรับมือได้แหละ」
「ถ้างั้นก็…..จากนี้ไปจะทำอะไรกันดี」
โอริเบะเอามือแตะคางแล้วใช้ความคิด
「เรื่องนั้นมันก็แน่อยู่แล้วส์! มาสู้กับชั้นยังไงล่ะ!」
「เอ๋…..ทำไมล่ะ?」
「เหตุผลจริงๆก็ ไม่มีหรอก! แต่ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ถ้ารับข้อเสนอก็จะเป็นการสู้กับชั้น แต่ถ้าเป็นกรณีที่รับข้อเสนอทั้งคู่ ก็จะเป็นการต่อสู้กับทั้งชั้นและก็ซาโยะต่อเนื่องยังไงล่ะ!」
「มันก็ได้อยู่หรอกแต่…..จำนวนการ์ดนี่จะเอายังไง?」
「ฟุมุ แบบพื้นฐาน 3 ต่อ 3 ไปก็ได้ค่ะ」
「ตกลงกันได้แล้วส์สินะ! ถ้าหากว่าชั้นชนะล่ะก็ จะต้องลืมเรื่องเมื่อกี้ให้หมดเลยด้วยส์!」
「จะให้ลบความทรงจำนี่มันทำได้ซะทีไหนกัน…..」
อันนาอัญเชิญเอลฟ์กับเพกาซัสที่คุ้นเคยออกมา แล้วก็หน้าใหม่เป็นอัศวินชุดเกราะชนิดคลุมทั้งตัว
อัศวินนี้ จากที่มีปีกเปล่งแสงได้ออกมาจากด้านหลัง น่าจะเป็นเทวดานางฟ้าล่ะมั้ง
ในหมู่เทวดาเอง เผ่าพันธุ์ที่สวมชุดเกราะทั้งตัวรวมถึงใบหน้านั้นมีอยู่เพียงเผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้น
ดูนามิส(Dunamis) หรือที่รู้จักกันว่าเป็นเทวดาแห่งพลัง เป็นการ์ดแรงค์ B ที่มีสกิลแปลงอุปกรณ์
ยัยอันนา แรงค์อัพดูลลาฮานเป็นดูนามิสงั้นรึ ทั้งๆที่เมื่อวานยังเป็นแค่ดูลลาฮานอยู่แท้ๆ…..
ไม่สิ นั่นมันไม่สำคัญหรอก ปัญหาก็คือ การ์ดแรงค์ B ของอันนาดันมาเป็นดูนามิสเอาซะนี่
เพราะว่ามีสกิลแปลงอุปกรณ์ที่หายาก ผมจึงรู้สกิลที่ดูนามิสมีอยู่เช่นกัน
– ชุดเกราะแห่งความบริสุทธิ์และคุณธรรม : สกิลแปลงอุปกรณ์ระดับสูง, ด้วยการสวมใส่กับการ์ดใบอื่นหรือกับมาสเตอร์ สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับผู้ใช้ได้ อีกทั้งยังแบ่งปันสกิลติดตัว 1 อย่างและสกิลเรียนรู้ทั้งหมดให้ด้วย, ตัวชุดเกราะมีพลังป้องกันที่สูงต่อความชั่วร้าย อีกทั้งสามารถยกเลิกความเป็นอมตะของอันเดดได้เพียงแค่ทำการโจมตีใส่เท่านั้น
โดยพื้นฐานก็ให้ความรู้สึกเป็นขั้นที่สูงกว่าทุกอย่างของดูลลาฮาน
สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ได้ทุกทาง, มีการต้านทานสูงต่อเหล่าปีศาจตามคุณสมบัติของเทวดา, มีความสามารถยกเลิกความเป็นอมตะของอันเดดได้, แถมยังแบ่งปันสกิลเรียนรู้ที่มีและสกิลติดตัว 1 อย่างให้อีก
และสกิลติดตัวของดูนามิสที่จะมาแบ่งปันนั้นก็เห็นจะมีอยู่แค่อันเดียวคือ『ปาฏิหาริย์บนผืนดิน』
– ปาฏิหาริย์บนผืนดิน : อำนาจของดูนามิส ผู้ควบคุมปาฏิหาริย์ที่อยู่ในรูปแบบของปรากฏการณ์อันเป็นจริง, รักษาสถานะผิดปกติทั้งหมดแก่พรรคพวก, ยกเลิกสถานะผิดปกติเป็นระยะเวลาหนึ่ง, เพิ่มพลังต้านทานและความทนทานขึ้นอย่างมาก
มอนสเตอร์ประเภทเทวดานั้น ชำนาญด้านการป้องกันและการสู้กับสิ่งชั่วร้าย แต่ดูนามิสจะมีความสามารถที่เน้นย้ำไปทางด้านการป้องกันเป็นพิเศษ
…..ยัยอันนา อุดช่องโหว่ของท่าอัศวินเพกาซัสได้หมดจด ดูเหมือนว่าการล้มเหลวตอนสู้กับแม่แพะจะทิ้งรอยฝังใจเอาไว้ลึกมาก
เอาล่ะ จะทำยังไงดี
ความอมตะของเอลิซ่าถูกยกเลิก….. แต่เพราะว่าพระอาทิตย์มันยังขึ้นอยู่จึงไม่ได้สำคัญอะไร ปัญหามันอยู่ที่พลังโจมตีสุดบ้าบอของอัศวินเพกาซัสต่างหาก
เอลฟ์มีพลังต่อสู้สูงสุดที่ 920, บวกเข้ากับพลังต่อสู้ของดูนามิส 1,680 ได้เป็น 2,600 …..นอกจากนี้ยังรวมพละกำลังและความว่องไวของเพกาซัสที่มีพลังต่อสู้ 860 ซึ่งสามารถสร้างพลังทำลายพุ่งขึ้นไปได้ถึง 6 เท่าตัว
มากเกินทะลุเพดาน เป็นแนวคิดตามแบบพวกสมองกล้าม ว่าพลังมันก็คือพาวเวอร์นั่นแหละ
ต่อให้เสริมพลังป้องกันด้วยดูลลาฮาน เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังทำลายอันมากล้นของอัศวินเพกาซัสแล้วก็ไม่ต่างอะไรไปจากกระดาษ
ที่น่าจะรับมือกับมันได้ เห็นทีจะเป็นหวนคืนจิตวิญญาณของเร็นกะไม่ก็ฟูลซิงโครของยูคิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถไล่ตามเพกาซัสที่เน้นด้านพละกำลังและความว่องไวได้รึเปล่า จะว่าไปแล้ว ถ้าหากเอลฟ์เริ่มเปิดฉากยิงธนูจากบนฟ้า ยูคิก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้แล้ว
แนวทางการรับมือพื้นฐานกับคู่ต่อสู้ประเภทนี้ก็คือการโจมตีด้วยสถานะผิดปกติ แต่มันก็ถูกแก้อย่างสมบูรณ์ไปแล้ว
………………..ฟุ ผมหัวเราะเบาๆ
จะทำยังไงดี…..? คิดหาทางเอาชนะไม่ออกเลย
ถ้าหากจะมีซักทางแล้วล่ะก็…..
หลังจากไม่กี่วินาทีแห่งการครุ่นคิด ผมก็เรียกกลับเร็นกะ, เมอา, ซุซูกะ และเหลือไว้แค่เพียงยูคิ, เอลิซ่า, อาเธน่า ทั้ง 3 ใบ
「เห…..เลือกการ์ดอาเธน่างั้นเหรอส์คะ ดูเหมือนจะมีสกิลด้านลบอย่างมากส์อยู่แต่ ก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะทำได้มากแค่ไหน …..แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่เหลือเร็นกะจังเอาไว้สินะคะ」
「………………..」
「เห……….」
พอผมไม่ตอบกลับ อันนาเองก็เหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วความเงียบก็ทวีความรุนแรงขึ้น
โอริเบะที่เห็นพวกเราเป็นแบบนั้นจึงพูดขึ้น
「ฟุมุ ดูเหมือนว่าจะหาโอกาศเริ่มกันไม่ได้สินะคะ ถ้างั้นชั้นจะส่งสัญญาณให้เองละกัน」
『………………..』
「———-เริ่มได้!」
『!』
ทันทีที่พวกเราได้ยินเสียง 『ร』ต่างฝ่ายต่างก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน
เริ่มจากยูคิทีโน้มตัวลงแล้วหายตัวไปในทันที ในเวลาเดียวกันเอลิซ่าก็ใช้งานโล่แห่งการอุทิศตน และอาเธน่าอันเชิญไนกี
อีกด้านหนึ่ง อันนาสวมใส่ดูนามิส ให้เอลฟ์ยิงโจมตีใส่ผม เพื่อหวังโจมตีโดยตรง
ชุดเกราะสีเงินของดูนามิส ป้องกันการโจมตีของยูคิที่ไปโผล่ด้านหลังอันนาด้วยความเร็วสูงจากการใช้วิชาร่นระยะ โล่แห่งการอุทิศตนของเอลิซ่าก็สามารถป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมด
…..ชิ อย่างที่คิดว่าถูกอ่านออกสินะ
「…..ฟุ ตามคาดว่าเล็งโจมตีด้วยความเร็วสูงสินะคะ ก็นะข้อเสียเพียงอย่างเดียวของอัศวินเพกาซัสสุดยอดไร้เทียมทานที่ชั้นคิดขึ้นมาก็คือ มันจะทิ้งให้มาสเตอร์ไร้ซึ่งการป้องกันในการต่อสู้แบบ 3 ต่อ 3 นั่นแหละส์ แน่นอนว่ารุ่นพี่จะต้องมองมันออกแน่นอนส์ ถ้าหากว่าเป็นแบบ 4 ต่อ 4 ล่ะก็คงต้อนรับรุ่นพี่ด้วยสมาชิกที่สมบูรณ์แบบได้ แต่ก็น่าเสียดายส์จริงๆ」
อันนารู้สึกถึงการเดอะลิ้นเบาๆของผม ทำการพูดพร้อมกับมีสีหน้ามั่นสุดๆ
หึ พูดเอาตามใจชอบไปเถอะ อย่างน้อยๆ เท่านี้ก็สามารถจัดการ 1 ส่วนของการโจมตี 3 ประสานได้แล้ว…..กลับกันแล้ว เอลฟ์ก็ได้ขึ้นขี่เพกาซัสแล้วทะยานไปบนท้องฟ้า
ขณะที่กำลังจ้องไปที่เอลฟ์ซึ่งกำลังรัวโจมตีจากบนท้องฟ้าใส่ทางนี้ราวกับห่าฝน ผมก็พูด
「ไนกี เอามงกุฏแห่งลอเรลให้กับเอลิซ่าเลย」
「มูมู!? ทำไมเจ้าถึงได้มาสั่งการไนกีที่เป็นวงศ์วานของเรากันล่ะ?」
อาเธน่าทำแก้มป่องให้กับคำพูดของผม
ดูเหมือนว่าจะหงุดหงิดที่ไปออกคำสั่งข้ามหัวผู้บังคับบัญชาอย่างเธอ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับเรื่องแบบนั้นเลยนะ ขณะที่คิดอยู่ในใจแบบนั้น ก็ทำการก้มหัวให้กับเธอที่มีความเย่อหยิ่งของเทพอยู่
「อ-อา ขอโทษด้วย อาเธน่า ช่วยบอกไนกีให้ใช้งานมงกุฏแห่งลอเรลทีจะได้รึเปล่า?」
「ถึงแม้จะสูญเสียพลังไปแต่ก็ไม่ยอมให้มาทำการดูหมิ่นเทพธิดาอย่างเราหรอกนะ! …..ไนกี จัดการซะ」
「รับทราบแล้วค่ะ….. ท่านอาเธน่าที่ไม่ดูบรรยากาศแม้แต่จะอยู่ท่ามกลางสนามรบนี่ช่างน่ารักเหลือเกิน แฮ่กแฮ่ก」
ไนกีที่พูดอะไรบางอย่างขณะหายใจแรง ทำการอำนวยพรให้แก่เอลิซ่าที่กำลังใช้โล่แห่งการอุทิศตนรับมือกับห่าฝนธนู
มงกุฏที่สร้างขึ้นจากใบลอเรลได้เปล่งแสง ลอยลงมาสวมบนศรีษะของผีดูดเลือดสาวแสนสวย เกิดเป็นแสงอำนวยพรจางๆโอบล้อมไปทั่วร่าง
นี่เป็นการเพิ่มสเตตัสของเอลิซ่าขึ้นอย่างมาก อีกทั้งยังยกระดับของสกิลขึ้น 1 ขั้น เป็นไปได้ที่จะทำการแรงค์อัพขึ้นมาชั่วคราว ที่แรงค์อัพขึ้นมาก็คือ เวทมนตร์สนับสนุนขั้นกลาง
ทันทีทันใด เอลิซ่าใช้งานเวทมนตร์สนับสนุนขั้นสูง โพรเทคชั่น มันคือเวทมนตร์ป้องกัน ที่สามารถป้องกันการโจมตีขั้นกลางได้อย่างสมบูรณ์ หรือลดความเสียหายจากเวทมนตร์โจมตีขั้นสูงได้อย่างมาก
เพียงเท่านี้ ก็สามารถลดแรงกดดันจากการโจมตีที่โล่แห่งการอุทิศตนของเธอจะสามารถดูดซับเอาไว้ได้อย่างมาก
นอกจากนั้น ไนกียังพลัดกันร่ายโพรเทคชั่นให้ อุดช่องว่างจากระยะเวลาการร่ายของกันและกัน
เท่านี้ การป้องกันของทางฝั่งเราก็สมบูรณ์…..แต่ว่า ก็ได้แค่จนกว่าเพกาซัสจะทำการอุ่นเครื่องเสร็จเท่านั้น
ก่อนจะถึงตอนนั้น ยูคิจำเป็นจะต้องจัดการกับการป้องกันของดูนามิสให้ได้
ในส่วนของยูคินั้น กำลังเข้าต่อสู้อย่างดุเดือดทั้งรุกและรับกับอันนาที่สวมดูนามิสอยู่
「นู!? ทำไมไลแคนโทรปแรงค์ C ถึงสามารถสู้กับดูนามิสแรงค์ B ได้อย่างทัดเทียมกันล่ะ!? ต่อให้อัตราการซิงโครจะยังไม่สูงมากก็เถอะ แต่ก็ทำการซิงโครเผื่อเอาไว้ส์อยู่นะ! อย่างที่คิดเลยว่าการ์ดของรุ่นพี่มันแปลกจริงๆด้วย!」
เห็นได้ชัดว่าอันนากำลังร้อนรน แต่ดาบที่ฟาดฟันอยู่นั้นก็ทั้งเฉียบคมและหนักหน่วง
สกิลแปลงอุปกรณ์ขั้นสูงนั้น ไม่เพียงสามารถลบจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดเจนของการที่มาสเตอร์ต้องมาอยู่บนสนามรบได้เท่านั้น แต่ขึ้นกับสกิลเรียนรู้ มันสามารถเปลี่ยนมาสเตอร์ให้กลายเป็นนักรบชั้นยอดได้อีกด้วย
นอกจากนี้ อันนายังฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็กๆ การจะเจาะทะลวงการป้องกันของเธอที่เชี่ยวชาญการป้องกันตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ด้านยูคิเองก็ใช้วิชาแยกร่างเพื่อหลอกล่อ, ใช้วิชาดิน วิชาน้ำ ทำการโจมตีทีเผลอจากใต้ดินและใต้น้ำ พยายามทำให้อันนาสับสน แต่ก็ไม่สามารถฝ่าทะลวงการป้องกันอันแข็งแกร่งนั้นเข้าไปได้เลย
พอมองไปบนฟ้า การเคลื่อนไหวของเพกาซัสก็ค่อยๆรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งพลังและความหนักหน่วงของลูกธนูก็มากขึ้นตาม….. ดูเหมือนว่าจะเหลือเวลาอีกนิดเดียวก่อนที่จะสะสมพลังได้เต็มที่
พอสะสมพลังได้เต็มที่แล้ว อันนาก็คงจะเสนอให้ทำการยอมแพ้
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จำต้องยอมรับมัน ไม่ควรที่จะดื้อต่อไปจนการ์ดลอส ซึ่งถือเป็นมารยาทของการจำลองการต่อสู้
ก่อนที่จะเป็นแบบนั้น จำเป็นต้องหาทางทำลายการป้องกันของอันนาให้ได้
ช่วยไม่ได้….. ถึงจะดูน่าสงสัยอยู่นิดหน่อย แต่คงต้องใช้ฟูลซิงโคร…..
『ยูคิ แปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าแล้วใช้การตื่นขึ้นของสัญชาตญาณ』
『รับทราบฮะ』
เท่านี้ หวังว่าจะไม่ถูกสังเกตุเห็นพลังโจมตีที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกตินะ…..
「อาาาาาา——วู้ววววว!」
「!? แปลงร่างมนุษย์หมาป่าส์เอาตรงนี้เนี่ยนะ…..!」
ร่างกายของยูคิขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้อันนาส่งเสียงอย่างร้อนรน
「ถ้างั้นทางนี้เองก็เอาด้วย!」
ด้วยคำประกาศนั้น ขนนกแห่งแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้โปรยปรายลงมายังการ์ดของอันนา
…..ใช้ปาฏิหาริย์บนผืนดินเพิ่มพลังป้องกันแล้วสินะ
「ฟุฟุ เท่านี้ก็ไม่ถูกจัดการได้ง่ายๆ-…..!?」
ก่อนที่อันนาจะพูดจบ กำปั้นของยูคิก็ซัดเข้าไปที่ท้องของเธอ…..หรืออันที่จริง ด้วยความแตกต่างด้านขนาดแล้ว เป็นการโจมตีเข้าใส่ทั้งร่าง
ขนาดของยูคิที่เป็นมนุษย์หมาป่าไปแล้วนั้น สูงเกินกว่า 4 ม.ไปจนเกือบ 5 ม. ใหญ่กว่าไลแคนโทรปปกติถึง 1 เท่าตัว
กำปั้นที่มาจากร่างอันมหึมานั้น ไม่ใช่การโจมตีจุดเดียวอีกต่อไป แต่เป็นการโจมตีวงกว้างไปแล้ว
แต่กระนั้น การโจมตีที่ออกมาก็ยังเฉียบคมและรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับขนาดอันมหึมา
「…..!? !?!?!?」
อันนาไม่สามารถใช้สายตามองตามการโจมตีได้ทัน เพิ่งจะรู้สึกตัวถึงการโจมตีหลังจากที่โดนเข้าแล้ว แต่การตอบสนองที่ได้มีแค่ความสับสน
ยูคิวิ่งไล่ตามอันนาที่กลิ้งราวกับลูกฟุตบอล ขว้าตัวแล้วจับยัดเข้าใส่กรามขนาดใหญ่
『…..ยอมแพ้ซะเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ จะเคี้ยวไปจนกว่าดูนามิสจะลอสเลย』
「หะ!? อะ…..!?」
ถึงอันนาจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่ก็ดูเหมือนจะสับสนและยังไม่สามารถตามสถานการณ์ได้ทัน
…..คิดมาอยู่ได้ซักพักละว่า คุณหนูผมแดงคนนี้มีนิสัยเผยช่องโหว่ออกมาในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
ช่วยไม่ได้ คงต้องขู่ไปซักหน่อย
ผมให้ยูคิใส่แรงเพิ่มไปที่กราม ให้เขี้ยวที่ราวกับใบดาบเจาะเข้าไปในเกราะ
พอชุดเกราะสีเงิน-เปรี๊ยะเปรี๊ยะ-เกิดรอยร้าว อันนาก็ส่งเสียงร้อง
「ฮี๊…..!? ช-ชุดเกราะราคา 500 ล้านมัน…..!?」
สิ่งแรกที่ตกใจคือเรื่องนั้นเรอะ? เอาเถอะ ก็เข้าใจความรู้สึกอยู่หรอก…..
ถึงจุดนี้ โอริเบะที่เฝ้าดูอยู่ก็เข้ามาห้าม
「พอแค่นั้นแหละ! การต่อสู้ครั้งนี้ รุ่นพี่เป็นฝ่ายชนะ! …..ได้สินะ อันนา?」
「…..อ-อืม」
อันนาที่ยังอึ้งไม่หาย พยักหน้ารับ ผมจึงปล่อยเธอลงไปที่พื้น
พอเธอถอดอุปกรณ์ของดูนามิสแล้ว ก็หมดแรงล้มลงไปกองบนแอ่งน้ำทะเล
「เอ๋~…..!? หมายความว่ายังไงกัน? ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ…..?」
อันนาพึมพำกับตัวเอง
「ไม่ว่าจะมองยังไงก็คำนวณตัวเลขออกมาไม่ใช่แน่ส์ๆนี่นา? ไลแคนโทรปมีพลังต่อสู้ 800 ต่อให้รุ่นพี่ใช้ฟูลซิงโคร อย่างมากก็ราวๆ 1,600 ดูนามิสมีพลังต่อสู้ตอนนี้ที่ 1,680 กับอีกนิดส์หน่อย ไม่น่าจะมีความแตกต่างด้านพลังต่อสู้ อันที่จริงชั้นที่ซิงโครน่าจะได้เปรียบกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ….. ต่อให้จะเพิ่มสเตตัสจากแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่ากับการตื่นขึ้นของสัญชาตญาณ ความต่างของมันก็น่าจะหักล้างไปได้ส่วนหนึ่งด้วยพลังป้องกันที่เพิ่มขึ้นของปาฏิหาริย์บนผืนดิน น่าแปลก….. ไม่ว่าจะมองยังไง ความแตกต่างของพลังต่อสู้มันไม่น่าจะมากพอที่จะถูกซัดอยู่ฝ่ายเดียวได้เลย…..」
「………………..」
การวิเคราะห์ของอันนา ทำให้ผมต้องใช้แรงที่มีทั้งหมดเพื่อทำให้หน้านิ่งไม่เกิดการกระตุก
เฉียบมาก…..อันที่จริงแล้ว สงสัยว่ามันคงผิดปกติมากเกินไปล่ะมั้ง?
「หมายความว่ายังไงส์กันคะ? มีลูกเล่นอะไรอยู่งั้นส์เหรอ?」
「ห-แหม ลูกเล่นอะไรกัน ไม่มีหรอก?」
「หยุดพูดแบบนั้นเลยค่ะ! จะว่าไปแล้ว แม้แต่เร็นกะจังที่มีหวนคืนจิตวิญญาณเองก็ด้วย จะแข็งแกร่งเกินไปรึเปล่า? นี่หรือว่า…..ไปรู้เงื่อนไขการได้สกิลอะไรมาอีกงั้นเหรอส์คะ?」
อุ แย่ล่ะ ลามไปเร็นกะด้วยแล้ว!
「ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรจริงๆ …..การไปไล่ตามเรื่องการ์ดของคนอื่นมันเสียมารยาทไม่ใช่เหรอ?」
「…..ถ้าไม่ใช่การ์ดแล้วล่ะก็ เป็นลิงค์ใหม่งั้นเหรอคะ? จะว่าไป ในการสู้ครั้งนั้นก็ลืมถามเลยแต่ ในตอนนั้นรุ่นพี่ รู้ตำแหน่งของผู้ใช้หมาล่าเนื้อที่ถูกกลืนเข้าไปในตัวแม่แพะภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้ยังไงส์? คงไม่ใช่เพราะว่าบังเอิญ ทะลวงท้องแล้วไปเจอผู้ใช้หมาล่าเนื้อพอดีหรอกนะคะ? 」
「อุ…..!」
สงสัยว่าจะเก็บงำความสงสัยลางๆมาจนถึงตอนนี้ ความสงสัยของอันนาจึงแผ่ขยายไม่หยุดและไล่ตามอย่างไม่ลดละ
แต่ไม่ว่าจะเพอร์เฟคลิงค์ก็ดี หรือทำลายขีดจำกัดของพวกเร็นกะก็ดี เป็นความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้ ไม่ว่ายังไงก็พูดไม่ได้
อาจจะเพราะรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นผ่านทางสีหน้าของผม อันนาจึงเปลี่ยนแนวการรุก
「…..แน่นอนว่าไม่ได้ให้พูดออกมาฟรีๆ สัญญาว่าจะจ่ายรางวัลที่เหมาะสมกับข้อมูลให้เองค่ะ」
「ก็บอกว่าไม่มีอะไรยังไงล่ะ เรื่องของผู้ใช้หมาล่าเนื้อก็ด้วย แค่บังเอิญเท่านั้นแหละ」
「…..ถ-ถ้าแค่นิดหน่อยล่ะก็ จ-…..จะเอาเป็นรางวัลลามกส์ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ?」
「!?」
รุกด้วยการยั่วยวนยังไงเรอะ!?
ความมุ่งมั่นที่มีอันแข็งราวกับหินผา รู้สึกได้ว่ามันเกิดรอยร้าวที่เล็กมากๆขึ้นมา
แต่ว่า ของแค่นี้มันไม่ได้ผลหรอก ไม่สามารถยอมรับได้
ทำลายขีดจำกัดยังเป็นสกิลที่ไม่เข้าใจดีนัก เพอร์เฟคลิงค์เองก็เป็นไพ่ตายของผม
อย่างน้อยๆ รางวัลมันจะต้องเป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องลามกนิดหน่อย ต้องเอาเป็นเรื่องลากมกแบบจัดเต็มไปเลย…..
「—-พอแค่นั้นแหละ อันนา」
แล้วตอนนั้นเอง โอริเบะก็ได้เข้ามาห้ามไว้
「ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรร์สกิลก็ดี หรือเรื่องเพอร์ซัลนอลลิงค์ก็ดี ถึงแม้ว่าจะเป็นพรรคพวกแต่การไปบีบบังคับให้เผยออกมาหมดก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี ยิ่งไปใช้ร่างกายเข้าแลกด้วยแล้ว มีหวังโดนรุ่นพี่บังคับทำกิจกรรมโรคจิตไปทั้งวันแน่ๆ」
「อุ…..จริงด้วย รุ่นพี่ก็ดูโรคจิตจริงส์ๆ」
พออันนาชำเลืองมาทางนี้ก็เกิดขยาดขึ้นมา ไม่มีหลักฐานแล้วยังมากล่าวหากันเลื่อนลอยอีก…..! ผมประท้วง
ให้ตายสิ ก่อนจะพูดอะไรออกมาก็ไปดูประวัติการค้นหาของผมซะก่อนเถอะ ถ้าได้เห็นแล้วล่ะก็ เอาเถอะ ช่วยไม่ได้…..
「ก็ตามนั้นแหละ ตอนนี้ยอมแพ้ไปก่อนเถอะ」
「…..รับทราบค่ะ」
อันนาพยักหน้าให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ผมเองก็มีความรู้สึกผสมปนเป โล่งอกมันก็ใช่ แต่รู้สึกเหมือนจะพลาดโอกาศอันแสนสำคัญบางอย่างไปด้วย…..
โอริเบะหมุนตัวแล้วหัวมามองทางนี้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่ชวนให้นึกถึงสัตว์นักล่า
「เอาล่ะ รุ่นพี่」
「อ-อะไรเหรอ…..?」
「เรื่องมันออกนอกเส้นทางไปนิดหน่อย แต่มาดำเนินการซ้อมแข่งกันต่อเถอะค่ะ อะไรกันนี่ ก่อนที่จะสามารถพักหายใจหลังจากที่รอดจากการสู้กับอันนามาได้ พรรคพวกของเธอนั้นก็รีบมายังที่เกิดเหตุกันอย่างรวดเร็ว เอาล่ะ จะทำยังไงดีคะ?」
พอพูดจบ โอริเบะก็อัญเชิญซึ๊ตจิกับโฮโนอิคาซึจิโนโอคามิออกมา
สัญญาณของการต่อสู้ต่อเนื่องทำเอาใบหน้าของผมต้องกระตุกเลยทีเดียว
【Tips】สถานการณ์การเข้าห้องน้ำภายในเขาวงกต
ขยะในเขาวงกตนั้น จะไม่หายไปจนกว่ามนุษย์หรือสิ่งอื่นใดมาเก็บกวาดไป ด้วยเหตุนี้ จึงถือว่าเป็นมารยาทที่ดีสำหรับนักผจญภัยที่จะเก็บกวาดขยะของตนเอง ทว่าก็มีบางอย่างที่ไม่สามารถเก็บกวาดได้ หรือก็คือ อุจจาระ
ในพื้นที่ปลอดภัยแต่ละชั้น จะมีห้องน้ำชั่วคราวที่กองกำลังป้องกันตัวเองวางทิ้งเอาไว้ในตอนที่เข้ามาทำการสำรวจเขาวงกต สิ่งนี้คืออุปกรณ์เวทอันยอดเยี่ยมที่สามารถชำระล้างของเสียได้ในทันที แต่ถ้าหากต้องเข้าห้องน้ำที่ภายนอกพื้นที่ปลอดภัยแล้วล่ะก็ นักผจญภัยนั้นจำเป็นต้องเก็บกวาดของเสียของตนเอง
นักผจญภัยมือสมัครเล่นมักเลือกที่จะกลั้นเอาไว้จนกว่าจะถึงพื้นที่ปลอดภัย แต่ในกรณีเลวร้ายที่สุดก็จะทำการขุดหลุมแล้วฝังกลบ การพกติดตัวห้องน้ำเคลื่อนที่ก็ถือเป็นมารยาทที่ดีเช่นกัน
เหล่านักผจญภัยมืออาชีพและกึ่งมืออาชีพที่มีฐานะทางการเงินดี แทบทั้งหมดจะพกเอาห้องน้ำส่วนตัวไปด้วยเสมอ
นอกจากนั้นแล้ว เขาวงกตที่ต่างประเทศส่วนใหญ่จะไม่มีห้องน้ำชั่วคราวในพื้นที่ปลอดภัยกัน เพราะแบบนั้นเรื่องสุขภาพอนามัยจึงพูดได้ว่าเป็นอะไรที่นรกมาก
MANGA DISCUSSION