บทที่ 3 ตอนที่ 9.3
「—-ตัวนักผจญภัยแต่ละคนนั้น จะเข้ากันได้ดีกับการ์ดที่มีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกัน」
ตอนดึก(ถึงแม้สภาพรอบๆจะยังสว่างจ้าอยู่ก็เถอะ) หลังจากอาหารเย็น พวกเราก็ได้รับการบรรยายเรื่องลิงค์จากอาจารย์
「ลิงค์ ถ้าจะให้พูดก็คือ เทคนิคในการผสานจิตใจเข้ากับการ์ด ดังนั้นแล้วจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าเรื่องของความชื่นชอบส่วนบุคคล และอุปนิสัยจะมีผลกระทบอย่างมากต่อลิงค์ ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของโอริเบะซัง มีความชื่นชอบส่วนตัวทำให้ลิงค์ได้ดีกับอันเดด อีกทางด้านหนึ่งในกรณีของคาโน่ซังจะเป็นเรื่องยากที่จะทำการลิงค์กับอันเดด อีกทั้งยังมีคุณลักษณะโดยกำเนิดที่ทำให้ลิงค์ได้ดีกับคุณสมบัติบางประเภทด้วย」
อย่างในกรณีของผม ตั้งแต่เป็นนักผจญภัยมาก็ใช้แต่การ์ดสาวมอน แถมด้วยโดยส่วนตัวยังชื่นชอบการ์ดสาวมอนอีก ทำให้รู้สึกว่าสามารถลิงค์แล้วเพิ่มอัตราการซิงโครได้ง่ายกว่าการ์ดเพศชาย ในทำนองเดียวกันการ์ดไร้เพศก็สามารถทำการลิงค์ได้ง่ายกว่าการ์ดเพศชายด้วย
「เมื่อลิงค์มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเนื่องจากอุปนิสัย นั่นคือคุณลักษณะโดยกำเนิด ถ้าหากว่าทำได้ดีจากความชื่นชอบส่วนตัวหรือใช้การ์ดบางใบมากเป็นพิเศษ นั่นคือคุณลักษณะที่ได้รับ」
สิ่งเหล่านี้ คุณลักษณะโดยกำเนิด เป็นอะไรที่มีมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทว่าคุณลักษณะที่ได้รับ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ หรือการใช้งานการ์ด
ตัวอย่างเช่น แม้จะเป็นผมที่เป็นนักผจญภัยซึ่งใช้การ์ดสาวมอนได้ดี แต่ถ้าเกิดมีแฟนสาวไปนอกใจแล้วได้รับจดหมายวิดีโอมา ก็อาจจะทำให้ใช้การ์ดสาวมอนได้แย่ขึ้นมาทันทีทันใดเลยก็ได้ แบบนั้นแหละ
「เพื่อที่จะค้นหาคุณลักษณะโดยกำเนิดว่าคืออะไร ถ้าหากว่าเจอการ์ดที่แม้จะไม่เคยใช้งานมาก่อนแต่กลับรู้สึกใช้งานได้คล่องอย่างน่าประหลาด นั่นก็มักจะเป็นคุณลักษณะของตัวเอง ถ้ายิ่งเริ่มใช้งานลิงค์ได้เร็วแค่ไหน ก็ยิ่งค้นหาได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากว่าไม่เจอการ์ดอื่นนอกไปจากอันที่ตัวเองชื่นชอบแล้วล่ะก็ นั่นก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าคุณลักษณะโดยกำเนิดและคุณลักษณะที่ได้รับมีความตรงกัน ซึ่งมาโร่ก็เป็นคนประเภทนี้แหละ」
พออาจารย์มองมา ผมก็ทำการพยักหน้า
ตัวผมโชคดีที่คุณลักษณะโดยกำเนิดและคุณลักษณะที่ได้รับนั้นตรงกัน ดังนั้นการที่สร้างปาร์ตี้เฉพาะแค่สาวมอนจึงไม่ใช่แค่การทำไปเพราะความหื่นอย่างเดียว
เป็นพื้นฐานมาจากหลักการที่มีเหตุผล
มีเสียงจากที่ไหนไม่รู้แว่วออกมาว่า『ไม่ใช่ว่านี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าเป็นพวกหื่นมาตั้งแต่เกิดหรอกเหรอ…..?』แต่ผมก็ทำเมินความเห็นของยัยเด็กเหลือขอไป
จะว่าไปแล้ว ตัวอันนามีคุณลักษณะโดยกำเนิดเป็นคุณธรรม ส่วนคุณลักษณะที่ได้รับคือการ์ดประเภทเทพ・วิญญาณ ตัวโอริเบะมีคุณลักษณะโดยกำเนิดเป็นความชั่วร้าย ส่วนคุณลักษณะที่ได้รับคือการ์ดประเภทอสูร・อันเดด ซึ่งทั้งคู่เองต่างก็มีคุณลักษณะโดยกำเนิดและคุณลักษณะโดยกำเนิดที่สัมพันธ์กัน
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ทั้งคู่มีคุณลักษณะที่ตรงข้ามกันก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ ตัวคุณลักษณะของนักผจญภัยไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อมิตรภาพระหว่างพวกเธอ
ถึงแม้ว่ามันจะมีความคล้ายกับการจัดความสัมพันธ์ในบางเกมส์แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทั้งหมด
「โดยพื้นฐานแล้ว ว่ากันว่าคุณลักษณะที่มีขอบเขตแคบจะมีประสิทธิภาพมากกว่าแบบที่มีขอบเขตที่กว้าง ยกตัวอย่าง มาโร่ที่มีความแข็งแกร่งกับการ์ดสาวมอนทั้งหมด กับโอริเบะซังที่เชี่ยวชาญเฉพาะแค่อันเดด ทำให้สามารถมองเห็นจุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเองได้ดีกว่า ทว่ายังไม่มีหลักฐานแน่ชัดในเรื่องนี้ เนื่องจากมันมีความแตกต่างในพรสวรรค์ด้านลิงค์เองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เป็นความรู้สึกที่ได้จากการมองแนวโน้มในหมู่ของกองทัพและนักผจญภัยโดยรวม…..ก็ประมาณนี้แหละ」
ในตอนนั้นเองที่อาจารย์ทำสีหน้าเคร่งและใช้น้ำเสียงจริงจัง
「จนถึงตรงนี้ เป็นการพูดถึงคุณลักษณะที่เป็นความรู้พื้นฐานสำหรับทุกคน ซึ่งเจ้าคุณลักษณะนี้เองจะไปเกี่ยวข้องกับลิงค์อันเป็นจุดหมายปลายทางของนักผจญภัย」
『……………』
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของอาจารย์ทำให้แม้แต่พวกเราเองต่างก็นั่งตัวตรงและฟังอย่างตั้งใจ
จากจุดนี้ไปเป็นข้อมูลที่แม้แต่ผมเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
「ลิงค์ที่ถูกใช้โดยนักผจญภัย—-ไพรเวทลิงค์(โดยพลเรือน) คือส่วนเล็กๆของซีเคร็ทลิงค์(โดยกองทัพ) ที่ได้ถูกรั่วไหลออกมา สาเหตุที่ว่าทำไมทางกองทัพถึงอนุญาตให้ข้อมูลนี้รั่วไหลออกมาได้ก็เพราะว่าเมื่อใช้งานการ์ดไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถใช้ลิงค์นี้ได้ตามธรรมชาติ ที่จะบอกจากตรงนี้ไป『ยูนิค(Unique)ลิงค์』 เป็นเทคนิคที่ใช้งานไพรเวทลิงค์ไปจนถึงขีดจำกัด มีความใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของเพอซันนอลลิงค์มากที่สุดแล้ว」
จุดสูงสุดของเพอซันนอลลิงค์…..
「ยูนิคลิงค์นั้น เอาตามตรงคือแม้แต่ผมเองก็ยังไม่สามารถทำมันได้ เพียงแค่มีข้อมูลเกี่ยวกับมันเท่านั้น แต่ว่า…..ผลของมัน ว่ากันว่าคือลิงค์ที่『ปลุกตื่นสกิลของตัวนักผจญภัยขึ้นมาเอง』」
『!?』
คำพูดนั้นทำให้เกิดความตกใจในหมู่พวกเราขึ้นมาเล็กน้อย
「ด-เดี๋ยวก่อนนะ นั่นหมายความว่าผมจะสามารถใช้เวทฟื้นฟูอย่างพวกเร็นกะได้งั้นเหรอ?」
「แตกต่างออกไปนิดหน่อยน่ะ」
อาจารย์ส่ายหน้า
「ยูนิคลิงค์นั้น คือลิงค์ทีมอบผลที่ใกล้เคียงกับสกิลของการ์ดแก่การ์ดที่อยู่ในคุณสมบัติของตัวเอง แต่ก็มีความแตกต่างไปจากการใช้สกิลด้วยตัวเองอยู่เล็กน้อย …..ตัวอย่างเช่น ยูนิคลิงค์ที่ผมรู้มา『ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการฝึกฝนการ์ดในคุณสมบัติของตนเองอย่างมาก』หรือ『ทำให้สามารถใช้ฟูลซิงโครกับการ์ดในคุณสมบัติของตนเองได้กี่ใบก็ได้』หรือ『แบ่งปันสกิล 1 อย่างไปยังการ์ดในคุณสมบัติของตนเองทั้งหมดได้』อะไรประมาณนี้ แต่ก็นะ ผมเองก็แค่ได้ฟังมาเท่านั้น ไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไรมากหรอก แต่ดูเหมือนจะมีอยู่จำนวนมากที่มีเงื่อนไขในการทำงานล่ะนะ」
มันอะไรกันล่ะนั่น เว่อร์วังอะไรปานนั้น โดยเฉพาะอันสุดท้าย ถ้าเกิดทำดีๆ อีจิสของอาเธน่าก็สามารถให้เร็นกะหรือเอลิซ่าใช้งานได้ด้วยรึเปล่า? แล้วถ้าเป็นหวนคืนจิตวิญญาณไม่ก็ทำลายขีดจำกัดล่ะ? …..อย่างที่คิดว่ามันคงไม่น่าจะส่งผลได้กับสกิลอันไหนก็ได้หรอกมั้ง
「ยูนิคลิงค์นั้น กล่าวได้ว่าเป็นลิงค์ที่เป็นของเฉพาะตัวของนักผจญภัยที่ผลักดันคุณลักษณะของตนเองไปจนถึงขีดสุด ด้วยเหตุนี้แต่ละคนจึงมียูนิคลิงค์แค่ 1 อย่างเท่านั้น และรสนิยมของตัวเองก็ส่งผลกระทบด้วยอย่างมาก ได้ยินมาว่าต่อให้อยากได้ยูนิคลิงค์ก็ไม่สามารถปลุกตื่นตามที่ต้องการได้ นี่อาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมมันถึงได้ถูกแยกออกมาจากซีเคร็ทลิงค์ล่ะนะ เพราะหนึ่งในเงื่อนไขของซีเคร็ทลิงคืก็คือจะต้องทำการแบ่งปันกันไปทั้งกองทัพ」
「ยูนิคลิงค์…..พอจะเคยได้ยินอะไรแบบนี้มาอยู่บ้างแต่…..แบบว่ามันหยั่งกะเน็〇เลยนะส์คะ」
อันนาที่พูดออกมาทำให้ทุกคนหันไปมองแล้วทำหน้าแบบ『อะ ยัยนี่พูดออกมาจนได้!』
อาจารย์กระแอ่มไออย่างกระอั่กกระอ่วน
「ก-ก็นะ มันไม่ใช่เทคนิคที่สามารถเรียนรู้กันได้ทันทีทันใด แต่ก็อยากให้ทุกคนได้ลองใช้ลิงค์หลังจากที่เข้าใจถึงคุณลักษณะของตนเองอย่างเต็มที่แล้ว ยูนิคลิงค์เป็นหนึ่งในลิงค์ที่มีความทรงพลังที่สุดที่แม้แต่มืออาชีพเองก็ใช่ว่าจะมีได้ ทว่าหากปลุกตื่นขึ้นมาได้แล้ว มันจะเป็นอาวุธอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเลยทีเดียว」
แล้วก็สรุปจบการบรรยาย
「เอาล่ะ น่าจะนวดพอแล้วล่ะมั้งครับ คุณหนู」
หลังการบรรยายจบ ผมก็ออกปากถามเธอ ที่กำลังนวดไหล่ให้อยู่จนถึงตอนนี้
「ฟุมุ…..ก็นะ คราวนี้พอเท่านี้ก่อนก็ได้」
ฟู่ว~…..
พอโอริเบะอนุญาต ผมก็เอามือออกจากไหล่ของเธอ แล้วหมุนควงแขนตัวเองให้เข้าที่
แน่นอนว่าการที่ผมไปนวดไหล่ให้เธอก็เป็นเพราะว่าเธอคือผู้ชนะในการแข่งขัน
ยัยจูนิเบียวที่ต้องเสียเวลาไปในการต่อสู้กับผม หลังจากนั้นก็สามารถตามอันนาได้ทัน และดูเหมือนจะใช้คำพูดอันชาญฉลาดทำให้อีกฝ่ายเลือก『เอสเคป』แล้วต้องหยุดรอได้
ผลลัพธ์ โอริเบะก็ได้ที่หนึ่ง และด้วยสิทธิของผู้ชนะ ทำการสั่งให้ผมนวดไหล่ให้ขณะที่อาจารย์กำลังทำการบรรยาย
ในตอนแรก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเกมลงโทษ แต่ผมก็แอบดีใจอยู่ลึกๆเพราะว่าสามารถสัมผัสตัวรุ่นน้องได้อย่างถูกต้อง แต่การที่ต้องคอยนวดไหล่ให้เธออยู่เกือบหนึ่งชั่วโมงของการบรรยายแล้วมันก็เหนื่อยสุดๆเลย
「ค่อนข้างจะทำได้ดีอยู่นะคะ ครั้งต่อไปก็ฝากด้วยก็แล้วกันค่ะ」
「จะไม่มีครั้งต่อไปแล้วล่ะ」
นี่ตัดสินว่าผมจะได้ที่โหล่อีกรอบเลยเรอะ
「ใช่แล้วส์ ครั้งต่อไปรุ่นพี่จะต้องมานวดไหล่ให้ชั้นด้วยส์ล่ะ!」
「ไหล่เธอก็ไม่ไปนวดให้หรอก แต่จะให้พวกเธอซักคนมานวดไหล่ให้แทนต่างหาก」
พวกเราที่ตอบโต้กันอยู่แบบนั้น อาจารย์ก็หัวเราะออกมา
「ถ้าผมได้ลงแข่ง มาโร่เองก็จะมานวดไหล่ให้ผมด้วยงั้นสินะ น่าเสียดายจริงๆที่ผมไม่สามารถเข้าร่วมด้วยได้น่ะ」
「………………..」
อย่างที่คิดว่าถ้าอาจารย์มาร่วมแข่งด้วย จะให้พูดว่าชนะได้ก็คงจะยาก เพราะงั้นผมจึงได้แต่หันหน้าหนีแล้วเงียบเอาไว้
「เอาเถอะ การแข่งในวันพรุ่งนี้จะเป็นแบบไม่ยุติธรรม ที่ทางพวกเราจะทำตัวเป็นกลุ่มผู้เข้าแข่งขันที่พยายามขัดขวางรุ่นพี่ทุกวิถีทาง เพราะงั้นเลยไม่มีเกมลงโทษล่ะนะ」
「อะไรกัน เป็นงั้นหรอกเหรอ…..」
โอริเบะพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย
ผมเองก็เสียดายที่จะไม่ได้ล้างแค้น
「ก็นะ แต่ถ้าหากว่ารุ่นพี่ไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขได้ล่ะก็ จะให้มีเกมลงโทษขึ้นมาก็ได้นะคะ」
「ไอ้เงื่อนไขที่โดนแค่ฝ่ายเดียวแบบนั้นใครมันจะไปยอมกัน เว้นแต่ถ้าหากผมสามารถบรรลุเงื่อนไขขึ้นมาได้ล่ะก็ จะต้องให้มีเกมลงโทษแบบลามก ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็เอาด้วยแน่」
「แบบนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก น่าเสียดายที่คงจะไม่มีเกมลงโทษอะไรเลยนะคะ」
………………..ชิ
「ยังไงซะก่อนอื่นก็ช่วงการทบทวนของวันนี้ เอาเป็นวิธีการมองทะลุการบลัฟของอีกฝ่ายและวิธีการเอาชนะด้วยสติปัญญา ดีไหมส์ค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วทั้งชั้นและก็รุ่นพี่ต่างก็ถูกซาโยะใช้มันแล้วถูกนำส์ไปจนได้」
「อืม…..เรื่องนั้น ผมมีแผนเอาไว้แล้วล่ะ」
「โฮ่……ถ้างั้นจะคอยดูว่าวันพรุ่งนี้จะทำอะไรได้ก็แล้วกันค่ะ」
โอริเบะแสยะยิ้ม แต่เสียใจด้วยเพราะว่ามีความมั่นใจว่าสามารถที่จะอ่านแผนการเกือบทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ออกแล้ว
อันที่จริง วันนี้เองก็ไม่น่าที่จะพลาดด้วยซ้ำ
…..ถ้าหากว่าจำเกี่ยวกับสกิลอันนั้นได้แม่นแล้วล่ะก็นะ
「แล้วก็ รุ่นพี่คันนาซูกิ ช่วยทำอะไรซักอย่างเกี่ยวกับวิธีแก้คำใบ้หน่อยจะได้ไหมคะ…..? การถอดรหัสด้วยสูตรคณิตศาสตร์เพื่อให้สามารถรู้ตำแหน่งของจุดเช็คพอยท์เนี่ย มันออกจะยากไปซักหน่อย…..」
อันนาที่ไม่ค่อยเก่งเรื่องการเรียนบ่นให้กับอาจารย์ จริงอยู่ที่ผมเองก็คิดว่าคำใบ้แบบนั้นมันค่อนข้างจะมีปัญหาเหมือนกัน แล้วบางที ทางแคทไฟต์เองก็คงไม่ทำคำใบ้แบบนั้นออกมาหรอก
「อ้าวแหม นึกว่าเป็นคำใบ้ที่ดีแล้วเชียวนะ แต่ว่านั่นสินะ ถ้างั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะใช้เป็นรูปแบบการลากเส้นเชื่อมต่อ 4 จุดคำใบ้เพื่อค้นหาจุดเช็คพอยท์ก็แล้วกัน」
「วิธีการลากเส้นของโร้ดโพเนกลีฟจากมังงะโจรสลัดเรื่องหนึ่งส์สินะคะ เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย」
「…..อันที่จริง คิดว่ามีความเป็นได้สูงว่าของจริงก็คงใช้คำใบ้แบบนั้นด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว จะต้องเก็บคำใบ้ทั้ง 4 เพื่อไปให้ถึงจุดเช็คพอยท์ มีจุดเช็คพอยท์ทุกๆ 5 ชั้น ดังนั้นเขาวงกตจะมี 26 ชั้น แบบนั้นแล้วไม่ใช่ว่าพอเหมาะสำหรับการแข่งขันเลยเหรอคะ?」
「ปัญหาก็คือภารกิจส์ที่ทางผู้จัดรายการจะมอบให้สินะคะ อันนี้ไม่รู้เลยว่าคืออะไร ทำให้ไม่สามารถจำลองในการซ้อมแข่งได้ เดาว่าคงต้องให้รุ่นพี่รับมือมันด้วยตัวเองซะแล้วล่ะ」
แล้วช่วงการทบทวนก็จบลงไปเช่นนั้น เนื่องจากสงสัยว่าเหล่าการ์ดกำลังทำอะไรกันอยู่จึงมองไปรอบๆ แล้วก็ได้เจอกับพวกกลุ่มเด็กๆ กำลังจับกลุ่มกันทำอะไรบางอย่างอยู่ลับๆ
พอเข้าไปมองดูใกล้ๆ ก็ได้เห็นเร็นกะ, เมอา, อาเธน่า, เจเน็ต(อะราเดียของอาจารย์) กำลังถามปัญหาเชาว์กันอยู่
……บางทีนี่อาจจะเป็นการฝึกเพื่อรับมือกับสกิลปริศนาล่ะมั้ง?
「ถ้างั้นก็คำถามคะ อะไรเอ่ยที่อยู่ตรงกลางโลก?」
อะราเดียเจเน็ตถามคำถามโดยที่กำลังถือหนังสือปัญหาเชาว์สำหรับเด็กอยู่ เร็นกะกับเมอากอดอกแล้วเริ่มใช้ความคิด
「ตรงกลางโลก…..?」
「เอ๋~? ไม่รู้เลยอะ…..ที่อยู่ตรงกลางโลกเนี่ย~…..มันอะไรเหรอ?」
ในขณะที่ทั้งคู่ต่างก็เอียงคอคิดอย่างเดียวกัน อาเธน่าก็ทำหน้ามั่นยิ้มเยาะ แล้วเริ่มตอบ
「หึหึ ของแค่นี้ สำหรับอาเธน่าเทพธิดาแห่งปัญญาแล้วนับว่าง่ายมาก ที่อยู่ตรงกลางโลกนั้นก็เหมือนกับสะดือของมนุษย์ พูดอีกนัยหนึ่งแล้วนั้นจะต้องหมายความถึงหินแอร์ส (Ayers Rock)* ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าคือสะดือของโลก หินแอร์สแต่เดิมทีคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอะบอริจินที่ถูกเรียกว่าอุลูรู(Uluru) ต้นกำเนิดของมันมาจากการที่พวกเขาเหล่านั้นเชื่อว่าหินแอร์สก็คือไข่ของงูสายรุ้งที่พวกเขานับถือ หรือก็คือที่อยู่ตรงกลางโลกคืองูสายรุ้ง หรือไข่ของมันไงล่ะ! เป็นไงบ้าง? ถูกใช่ไหมล่ะ?」
「ไม่ใช่ซักนิด คิดมากเกินไปแล้วนะ」
「!? บ-บ้าน่า…..」
ขณะที่อาเธน่ากำลังรู้สึกอึ้งอย่างสุดๆ เร็นกะก็-แปะ-ปรบมือเข้ากันแล้วทำการตอบ
「อะ เข้าใจแล้ว ยุง(蚊/ka)ยังไงล่ะ เซ, คา, อิ (世界= Sekai=โลก) เพราะงั้นที่อยู่ตรงกลางก็คือยุงล่ะ」
「ถูกต้อง」
「โย้ช!」
「น-นี่จะบอกว่าคำตอบเด็กๆแบบนั้นคือคำตอบที่ถูกต้องอย่างงั้นเหรอ!?」
「ก็นี่มันปริศนาสำหรับเด็กนะ…..」
ยัยอาเธน่านี่ ถึงจะเป็นผู้รอบรู้ทุกอย่างแต่ก็ดูจะหัวแข็งอยู่นะเนี่ย
「อา~ ทำไมถึงไม่เข้าใจอะไรเลยล่ะ! เน่เน่ เอาอันต่อไปมาเลย! เดี๋ยวเมอาจะตอบอันต่อไปให้ได้เลยคอยดู!」
「รับทราบ ถ้างั้น คำถามต่อไป」
แล้วในขณะที่กำลังเฝ้าดูการแข่งตอบปริศนาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่นั้นเอง
『…..จะว่าไปแล้ว ชั้นเองก็รู้คำตอบน้า มาสเตอร์ เข้าใจได้ทันทีเลย สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ?』
จากซุซูกะที่กำลังนั่งอยู่ตรงพื้นห่างออกไปประมาณ 10 ม.จากกลุ่ม ได้รับลิงค์มาเช่นนั้น
ซุซูกะ…..นี่หล่อน ไปเข้าร่วมทำกิจกรรมอยู่ในใจห่างๆอยู่แบบนั้นเนี่ยนะ…..
เข้ากับทุกคนได้ไม่เก่งเหมือนอย่างเคยเลย…..
ก็นะ ไอ้การที่จะเข้าไปกลมกลืนท่ามกลางกลุ่มเด็กโลลิได้มันก็ออกจะเป็นอะไรที่ท้าทายพอตัว
ถ้างั้นก็แค่ไปพูดคุยกับคนอื่นๆ…..แต่ขณะที่คิดแบบนั้นแล้วลองมองไปรอบๆ ก็เห็นยูคิกำลังคุยอยู่กับโอริเบะและเหล่าการ์ดของเธอ ด้านเอลิซ่าเองก็กำลังคุยกับอันนาและเหล่าการ์ดของเธอเช่นกัน
ด้านอาจารย์ก็ไปห้องน้ำ มองไม่เห็นตัวที่ไหนเลย
นี่มัน…..! ยัยซุซูกะถูกลอยแพโดดเดี่ยวอย่างสมบูรณ์…..!
…..ก็เหมือนอย่างทุกทีนี่หว่า
『ซุซูกะ เดี๋ยวจะไปวนหาอันนากับโอริเบะนะ…..ถ้าว่างล่ะก็จะมาด้วยกันกับผมไหม?』
『…..คนพวกนั้น ยังไม่ค่อยรู้จักดีเท่าไหร่เลยไม่รู้ว่าจะคุยอะไรด้วยดี แถมยังดูเปล่งประกายยังไงๆอยู่ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่….』
อืม ทางด้านนี้รักษายังไงก็ไม่หายแน่ๆ
ผมในฐานะมาสเตอร์แล้ว อยากจะให้เธอยืนได้ด้วยขาของตัวเธอเองอยู่หรอก ยังไงก่อนอื่นก็ไปหาทางอันนาก่อนละกัน(เพราะน่ารำคาญก็เลยปล่อยทิ้งเอาไว้)
ขณะที่เมินต่อสายตาของซุซูกะที่ทำตัวราวกับลูกหมาที่ถูกทิ้ง ก็มุ่งตรงไปทางอันนา ก็ได้เห็นเอลิซ่ากำลังพูดคุยอยู่กับเอลฟ์ทาเนีย และเพกาซัสดันเจี้ยนเทโอ
「โย่ว เป็นการรวมตัวที่หาดูยากน่ะนี่ กำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ?」
「อะ รุ่นพี่ ดูเหมือนเอลิซ่าซังอยากจะถามอะไรบางอย่างน่ะคะ」
「เยส, มาสเตอร์ อยากจะถามเกี่ยวกับการโจมตี 3 ประสานที่ขึ้นขี่เพกาซัสที่ได้เห็นเมื่อครั้งก่อนค่ะ」
「อ่อ…..」
ไอ้ที่สามารถไล่ต้อนแม่แพะได้อันนั้นน่ะเหรอ…..จำได้ละ
「จริงด้วยสินะ นั่นมันเป็นการคอมโบที่ดีไปเลย แล้วทำได้ยังไงเหรอ?」
「อืม…..เพราะพรุ่งนี้จะต้องสู้กับรุ่นพี่แล้วเลยไม่ค่อยอยากจะเผยไพ่ในมือออกมาซักเท่าไหร่แต่…..」
ผมเองก็รู้สึกสงสัยจึงถามไป ส่วนอันนาแม้จะลังเลแต่สุดท้ายแล้วก็ทำการบอกมา
「เอาเถอะ หน้าที่ของประธานชมรมก็คือการชี้นำสมาชิกนั่นล่ะนะ นั่นก็คือการผสานของสวมอุปกรณ์ของอามูโด้, สกิลสัตว์พาหนะของดันเจี้ยนเทโอ, และสกิลขี่สัตว์ของทาเนียยังไงส์ละคะ」
พอพูดมาแล้ว อันนาก็โชว์สมาร์ทโฟนของเธอให้ดูรายละเอียดเกี่ยวกับสกิลที่จำเป็น
ชุดเกราะผู้วายชนม์…..อันนี้ผมรู้อยู่แล้วก็ข้ามไปเลยละกัน ที่สำคัญก็คือทักษะติดตัวของเพกาซัส『ม้าสวรรค์สะเทินฟ้า』กับทักษะเรียนรู้ของเอลฟ์『แม้แต่ม้าที่ควบเร็วก็ต้องมีลงแส้』*
– ม้าสวรรค์สะเทินฟ้า : สามารถวิ่งไปบนท้องฟ้าได้อย่างอิสระราวกับว่ากำลังวิ่งอยู่บนพื้นดิน, ด้วยการเคลื่อนที่ไปอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งและความว่องไวจะเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยแลกเปลี่ยนกับพลังกายที่ใช้ เมื่อเพิ่มขึ้นถึงสูงสุด(2 เท่า) ด้วยการวิ่งเป็นเส้นตรงจะสามารถใช้งาน『ผู้นำพาซึ่งฟ้าร้องและอัศนี』ได้, ประกอบด้วยสกิลการบินความเร็วสูง・สัตว์พาหนะ
(สัตว์พาหนะ : สามารถเพิ่มค่าสเตตัสพลังโจมตีและความว่องไวให้แก่ผู้ขี่ที่มีสกิลขี่สัตว์ได้)
(ผู้นำพาซึ่งฟ้าร้องและอัศนี : ในการโจมตี 1 ครั้งเท่านั้น สามารถเพิ่มค่าสเตตัสขึ้น 3 เท่าและปลดปล่อยการโจมตีด้วยการพุ่งเข้าใส่)
– แม้แต่ม้าที่ควบเร็วก็ต้องมีลงแส้ : สามารถลดพลังกายของการ์ดที่มีสกิลสัตว์พาหนะ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและความว่องไวของการ์ดนั้นขึ้น 2 เท่าได้ ทว่าจะเป็นการสร้างภาระอย่างหนักแก่สัตว์พาหนะ, สกิลขั้นสูงของสกิลขี่สัตว์
「ก็นะ ยังมีสกิลอื่นๆที่เสริมพลังอยู่อีกหลายๆอย่าง แต่ที่เป็นหลักเลยคือ 3 อย่างส์นี้แหละค่ะ」
อืม…..ดูเหมือนว่าจะพุ่งเป้าไปที่การเสริมความแข็งแกร่งในพลังโจมตีและความว่องไวสินะ
อย่างงี้นี่เอง ถึงจะบอกว่าเป็นมาตรการเอาไว้รับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้แก่คู่ต่อสู้ที่มีระดับสูงกว่า
ค่อนข้างจะบอบบางไปหน่อย แต่ถ้าไม่โดนโจมตีก็ไม่มีปัญหา! สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเช่นนั้นอย่างแรงกล้า ในอีกด้านหนึ่ง ดูจะแพ้ทางให้กับการโจมตีเป็นวงกว้างกับการโจมตีต่อต้านอากาศยาน …..แต่นั่นมันก็เป็นจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว
「แล้ว เอลิซ่าอยากจะถามอะไรงั้นเหรอ? หรือว่าอยากจะเรียนรู้สกิลขี่สัตว์หรืออะไรทำนองนั้นงั้นเหรอ?」
「เยส, มาสเตอร์ สกิลขี่สัตว์ก็ดี แต่สกิลสัตว์พาหนะเองก็ต้องการจะเรียนรู้ด้วยเช่นกันค่ะ」
「สัตว์พาหนะด้วย…..?」
ผมเผลอคิดไปแว่บนึงโดยเป็นตัวเองกำลังขี่หลังเอลิซ่าที่กำลังคลาน 4 ขา แต่ก็ทำการสลัดความคิดนั้นทิ้งไปทันที รู้สึกเหมือนว่าได้ไปแง้มเปิดประตูสู่โลกต้องห้ามเข้าให้
「เยส, มาสเตอร์ ชั้นเองก็สามารถแปลงกายเป็นหมาป่าได้ ดังนั้นจึงคิดว่าน่าจะสามารถแบกมาสเตอร์ไว้บนหลังได้เช่นเดียวกันกับที่ยูคิทำเมื่อก่อนค่ะ」
เอลิซ่าทำการเปลี่ยนเพียงแค่มือขวาของเธอให้กลายเป็นหัวของหมาป่า แล้วทำให้มันเห่า-โฮ่งโฮ่ง-ออกมา
「อ-โอ้…..อย่างงี้นี่เอง งั้นเหรอ มันก็น่าจะเป็นไปได้อยู่ล่ะนะ…..แต่ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ มันน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าถ้าจะให้ดราโกเน็ตเรียนรู้สกิลสัตว์พาหนะ แล้วเอลิซ่าเรียนรู้แค่สกิลขี่สัตว์นะ」
「เยส, มาสเตอร์ เช่นนั้นแล้วจะทุ่มความพยายามไปกับแนวทางนั้นก็แล้วกันค่ะ….. ถึงแม้ว่าจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยก็ตามที」
ผ-ผิดหวังอะไรงั้นเหรอ…..?
-ตึกตัก-ขณะที่กำลังรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น ก็ทำการมุ่งหน้าไปทางยูคิกับพวกโอริเบะ
「โย่ว ยูคิ, ซาโยะ…..แล้วก็ซึ๊ตจิ」
「มาสเตอร์」「รุ่นพี่เหรอคะ」
「โอ้! คิทากาว่าโดโน! มีอะไรให้ข้าน้อยได้รับใช้งั้นเหรอคะ?」
「ไม่หรอก ก็แค่สงสัยว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่น่ะ」
「…..จ-จริงๆแล้ว」
ยูคิเกาหัวด้วยความเขินอายแล้วทำการตอบ
「กำลังคุยกันเรื่องที่ว่าทำยังไงถึงจะให้มาสเตอร์ขึ้นขี่เดินทางไปรอบๆเหมือนอย่างเมื่อก่อนได้น่ะฮะ」
「เอ๋ ทางนี้ก็ด้วย…..?」
ผมที่ดูตกใจ ทำให้ยูคิเอียงคอสงสัย
「หืม? ทางนี้ก็ด้วย เหรอฮะ?」
「อา ไม่หรอก เรื่องของทางนี้น่ะ …..แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ทำไมถึงมาปรึกษาซาโยะล่ะ?」
ผมคิดว่าถ้าเธอมาปรึกษาผมตรงๆมันก็น่าจะดีกว่า แต่พอผมถามออกไป ยูคิก็ทำท่ากระอั่กกระอ่วนเล็กน้อย
「อา ก็คือ…..เพราะมาสเตอร์ขึ้นขี่ดราโกเน็ตซังอยู่แล้วช่วงนี้ แล้วนี่ก็เป็นแค่ความต้องการส่วนตัวของผม….. ที่มาปรึกษากับโอริเบะซังก็เพราะได้ยินมาว่า ถึงซึ๊ตจิซังจะกลายเป็นโจโรงุโมะไปแล้วก็ยังเป็นสัตว์พาหนะให้กับเธออยู่เหมือนเดิมฮะ」
「ยูคิ…..ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นไปหรอกนะ…..แต่ว่า ซาโยะยังขี่ซึ๊ตจิอยู่งั้นเหรอเนี่ย」
「อุมุ ชั้นไม่เหมือนกับรุ่นพี่ที่เป็นพวกหลายใจคอยเปลี่ยนคู่หูไปเรื่อยๆหรอกนะคะ」
เปรียบเทียบแบบนั้นได้ด้วยเรอะ…..?
「พักเรื่องล้อเล่นไว้ก่อน…..จากที่ได้ยินมาก็คือ สาเหตุที่ไม่ได้ขี่ยูคิซังเป็นสัตว์พาหนะอีกแล้ว ก็เพราะว่าพอกลายร่างก็เป็นมนุษย์หมาป่าที่ยืน 2 ขา ทำให้รู้สึกไม่สบายใจที่จะขี่สินะคะ ถ้าอย่างนั้นเรื่องมันก็ง่ายๆ ก็แค่ทำให้สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าเต็มตัวได้ก็เท่านั้นเองค่ะ」
「หืม? นั่นมันเป็นไปได้ด้วยงั้นเหรอ?」
แอปสารานุกรมสกิลเองก็ไม่ได้มีอะไรเขียนไว้แบบนั้นเลย แม้แต่ในการแข่งมอนโคโลเองก็ยังไม่เคยเห็นไลแคนโทรปที่แปลงร่างเป็นหมาป่าเต็มตัวได้มาก่อนด้วย
「เป็นไปได้ค่ะ แค่เพราะว่าการเดิน 2 ขามันเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างคล่องแคล่วมากกว่า การแปลงร่างเป็นแบบ 4 ขาจึงไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก เพราะงั้นจึงไม่ได้ถูกใช้งานกัน แต่รูปแบบนั้นมันก็ยังคงมีอยู่ แค่อาจจะต้องมีการฝึกฝนนิดหน่อยก็เท่านั้นเองค่ะ」
เป็นงั้นเองหรอกเหรอ…..
「ถ้าหากว่ามีปัญหาในการฝึกล่ะก็ อาจจะเป็นเรื่องดีที่จะมุ่งเป้าเรียนรู้สกิลสัตว์พาหนะ มันจะมีความสามารถในการปรับแต่งร่างกายให้เหมาะแก่การแบกรับคนหรือการ์ดเอาไว้บนหลังได้ อันที่จริงแล้ว ซึ๊ตจิของชั้นเองหลังจากได้รับสกิลสัตว์พาหนะมา ก็สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างของกระดูกได้นิดหน่อยด้วย ถ้าหากเป็นไลแคนโทรปที่มีรูปแบบของหมาป่าหลับไหลอยู่แล้วล่ะก็ น่าจะสามารถนำรูปแบบนั้นออกมาได้ง่ายกว่าค่ะ」
อย่างงี้นี่เอง…..ถ้าหากสามารถเรียนรู้สกิลสัตว์พาหนะได้ล่ะก็ จะสามารถสร้างความเข้ากันได้กับสกิลขี่สัตว์ที่เอลิซ่าตั้งเป้าจะเรียนรู้ อาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้
「แต่ว่า จะเรียนรู้สกิลสัตว์พาหนะได้ยังไงล่ะ?」
「เรื่องนั้นก็แค่ทำการขึ้นขี่ไปเรื่อยๆล่ะมั้งค่ะ」
ขี่ไปเรื่อยๆ…..ให้ขึ้นขี่มันก็ออกจะลำบาก แต่ก็อยากจะได้สกิลสัตว์พาหนะ…..
ผมกับยูคิแลกเปลี่ยนสายตากัน
「ยังไงซะก่อนอื่นก็เริ่มฝึกแปลงร่างหมาป่าก่อนละกัน」
「…..ฮะ」
แล้วทำการยิ้มแห้งๆให้
【Tips】คุณลักษณะโดยกำเนิดกับคุณลักษณะที่ได้รับ
นักผจญภัยแต่ละคนนั้น จะมีคุณลักษณะที่เข้ากันได้ดีอยู่ สิ่งนี้ เพราะว่าลิงค์คือเทคนิคในการเชื่อมต่อจิตใจ ความชื่นชอบส่วนบุคคลและอุปนิสัยของมาสเตอร์จึงมีผลกระทบต่อมัน
สิ่งเหล่านี้ ถ้าหากว่าเป็นคุณลักษณะที่เข้ากันได้ดีจากสิ่งที่เป็นมาแต่กำเนิดอย่างเช่นพื้นฐานทางกายภาพ นั่นก็คือคุณลักษณะโดยกำเนิด แต่ถ้าหากเป็นคุณลักษณะที่เข้ากันได้ดีจากความชื่นชอบส่วนตัวหรือความต้องการใช้การ์ดบางใบแล้วล่ะก็ นั่นก็คือคุณลักษณะที่ได้รับ
ตัวคุณลักษณะโดยกำเนิดกับคุณลักษณะที่ได้รับ มีผลต่อความราบรื่นในการลิงค์และการพัฒนาของการ์ด ในขณะที่อย่างแรกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่อย่างหลังสามารถเปลี่ยนแปลง(หรือดัดแปลง)ไปได้จากการเปลี่ยนไปในรสนิยม
สิ่งที่รออยู่ถัดไปหลังจากที่มาสเตอร์ได้บรรลุในคุณลักษณะพิเศษแล้วก็คือ ตัวตนของลิงค์เฉพาะตัวมาสเตอร์เอง
ข้อมูลเพิ่มเติม
หินแอร์ส / Ayers Rock / Uluru
https://www.traveloka.com/th-th/explore/destination/uluru-ayers-rock/353405
แม้แต่ม้าที่ควบเร็วก็ต้องมีลงแส้ / 走り馬にも鞭
สำนวนญี่ปุ่น, แม้แต่ม้าที่วิ่งเร็วอยู่แล้วก็ยังลงแส้ให้วิ่งเร็วขึ้นได้ หมายถึง การให้กำลังใจแก่ผู้ที่พยายามทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่อย่างเต็มที่
https://imidas.jp/proverb/detail/X-02-C-26-3-0011.html
MANGA DISCUSSION