เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 361 ใต้ร่มเงาภูเขาศักดิ์สิทธิ์
Sign in Buddha’s palm 361 ใต้ร่มเงาภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบ
ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ฉายแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนภาพที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายแสนให้เห็นต่อหน้าทุกๆ คน ทันใดนั้นก็เริ่มสั่นไหว และภาพทั้งหลายก็พังทลายลงอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา
ทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้กลายเป็นเงียบสงัด
ตั้งแต่เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบไปจนถึงเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงต่างตกตะลึงไม่อยากเชื่อ
ดาบศักดิ์สิทธิ์นี้สืบทอดต่อมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบจิ๋วหลี เหตุผลที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบสามารถครองโลกและแม้แต่ปรับแต่งรอบนอกของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ก็เพราะพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้
ดาบศักดิ์สิทธิ์นี้มีจิตวิญญาณ และด้วยความช่วยเหลือจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ทําให้สามารถดูมุม ใดๆก็ได้ภายในอาณาจักรเก่าดาบในทันที
แน่นอนว่าการทําเช่นนั้นย่อมสูญเสียทรัพยากรของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก่าดาบไปไม่น้อย แต่ตอนนี้กลับมีการปรากฏตัวของโลกภายนอกขึ้นมา เป็นธรรมดาที่เจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบจะไม่สนใจสิ่งที่ต้องสูญเสียไป
แต่สิ่งที่ทุกคนในที่แห่งนี้ไม่คาดคิดคือตอนที่ดาบศักดิ์สิทธิ์กําลังเปิดเผยรูปลักษณ์ของผู้มาเยือน มันกลับพังทลายลงอย่างกะทันหัน?
เป็นไปได้เช่นไรกัน?
ผู้อาวุโสระดับสูงทั้งหลายจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบต่างงุนงง
แต่เจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบมีท่าทางเคร่งขรึมคาดเดาอะไรบางอย่างได้บ้างแม่ไม่ชัดเจนนัก
“มันคือเคล็ดลับทางจิตวิญญาณ”
“บุคคลนี้ปิดกั้นการสอดส่องของดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วยเคล็ดลับทางจิตวิญญาณแรกกาเนิด”
เมื่อเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบกล่าวออกเช่นนี้ เขาก็หยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “หากเมื่อครู่ดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้หยุดฉายภาพเกรงว่าเราคงเจอปัญหาใหญ่กันแล้ว”
ทันทีที่กล่าวออกมา
ท่าทีของผู้อาวุโสระดับสูงคนอื่นๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็กลับกลายเป็นซีดขาวอีกครั้ง
เจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบกล่าวได้ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่เพราะภาพที่ฉายออกมาพังทลายลงอย่างกะทันหัน จิตใจของพวกเขาคงตกลงสู่ห้วงอันลึกล้ําจากดวงตานั้น ยังจะมาพูดคุยกันเหมือนอย่างตอนนี้ได้อย่างไร?
“น่ากลัวเกินไปแล้ว”
“นี่คือเคล็ดลับจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเคยกล่าวเอาไว้ใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสระดับสูงที่มีขนคิ้วขาวโพลนก็กล่าวออกมาพร้อมกับหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ เมื่อเทียบกับความสามารถของอาณาเขต เคล็ดลับทางจิตวิญญาณแรกกาเนิดนั้นมองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกัน ขนาดแค่ใช้ผ่านสื่อกลางยังสามารถสังหารผู้คนได้จากสถานที่ห่างไกลหลายพัน
แม้ว่าดวงตาของซูฉินเมื่อครู่จะไม่ได้เหนือจินตนาการปานนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าแม้แต่เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบยังหวาดกลัว ไม่ต้องรับผู้อาวุโสระดับสูงทั้งหลาย
“อย่างไรก็ตาม จากเรื่องนี้ควรจะยืนยันได้ว่าบุคคลผู้นี้เป็นเพียงเซียนเทพปฐพี่ที่พิเศษ เป็นเซียนเทพปฐพี่ที่ก้าวเดินในเส้นทางของจิตวิญญาณแรกกําเนิด” ผู้อาวุโสระดับสูงคนที่สองกล่าวออกช้าๆ
ถ้าผู้ที่มานั้นเป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจริงๆ ในเสี้ยววินาทีแรกที่ถูกแอบมอง เขาควรจะฉีกความว่างเปล่าและโผล่มาบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์เก่าดาบแห่งนี้แล้ว
“มีผิด”
“แม้ว่าเซียนเทพปฐพี่ในวิถีจิตวิญญาณแรกกําเนิดจะน่ากลัวแต่ก็ใช่จะต้านทานไม่ได้”
ผู้อาวุโสระดับสูงอีกคนกล่าวออก
หากไม่ทราบล่วงหน้าอาจจะต้องพบความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อได้พบกับเซียนเทพปฐพีวิถีจิตวิญญาณแรกกําเนิด แม้ว่าจะเป็นเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบก็ตาม แต่ยามนี้เพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคือยอดยุทธผู้เดินในวิถีจิตวิญญาณแรกกําเนิด การเตรียมพร้อมหลังจากนี้คงจะง่ายกว่าเดิมมาก
แม้เคล็ดลับจิตวิญญาณแรกกําเนิดจะแปลกประหลาดคาดเดาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพันไร้เทียมทาน
แม้แต่กระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดบางชนิดยังสังหารได้นับพันแต่สูญเสียกลับมาถึงแปดร้อย ตัวอย่างเช่น กระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิด เคล็ดหัวใจดาบที่ซูฉินลงชื่อ เข้าใช้ได้จากเกาะหมื่นดาบ มันเปลี่ยนพลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดให้กลายเป็นหัวใจแห่ง ดาบโหมกระหน่ําเข้าฟาดฟันศัตรู
ถ้าหากสามารถจัดการจิตวิญญาณแรกกําเนิดของอีกฝ่ายได้สําเร็จ ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ถ้าไม่สามารถสังหารได้ จะทําให้หัวใจแห่งดาบเสียหายส่งผลสะท้อนกลับมายังจิตวิญญาณแรกกําเนิดของซูฉินด้วย
แน่นอนว่าไม่มีอันตรายแอบแฝงในกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรก กําเนิดอย่างหุบเหวอับแสง
“หุบเหวอับแสง’ ไม่ได้ควบรวมจิตวิญญาณแรกกําเนิดของตนเองสร้างเป็นบางสิ่งบางอย่าง แต่สร้างโลกมายาของจิตวิญญาณแรกกําเนิดภายในจิตสํานึกของตนเองแล้วดึงจิตใจของผู้อื่นให้เข้ามาภายในโลกมายานี้…
ในฐานะที่เป็นทักษะทางจิตวิญญาณของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในเส้นทางจิตวิญญาณแรกกําเนิด…..แม้ว่ามันจะล้มเหลวก็จะไม่มีผลใดต่อซุฉิน
“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทิ้งไว้เบื้องหลัง เพียงแค่เราซ่อนตัวให้สูงขึ้นไป อีกไม่ว่าเคล็ดลับทางจิตวิญญาณจะทรงพลังแค่ไหน มันก็ไร้ผลกับพวกเรา” เจ้าดินแดนศักดิ์ สิทธิ์เก้าดาบพยักหน้าเล็กน้อย
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขานี้มีอยู่มายาวนานหลายหมื่นปี เมื่อห้าหมื่นปีที่แล้วผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจิ๋วหลีใช้ทรัพยากรจํานวนมากเพื่อกลั่นมันออกมา แม้ว่ามันจะไม่ได้ดีเท่ากับดาบศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบ แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดธรรมดาๆ
อาจจะไม่ถึงขั้นที่พูดได้ว่าสามารถสกัดกั้นกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้อย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็สามารถลดพลังของกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้กว่าเก้าส่วน
“ตอนนี้เราควรทําเช่นไรดี?”
“ช่องทางมิติอยู่ตรงนั้น เราจะยังรอต่อไปอีกหรือ?” ผู้อาวุโสระดับสูงอีกคนกล่าวด้วยเสียงอันหนักแน่น
หลายคนในที่แห่งนี้เป็นเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด สิ่งล่อตาล่อใจอย่างช่องทางมิตินั้นยิ่งใหญ่มากสําหรับพวกเขาเทียบได้กับความหวังที่จะก้าวเดินต่อไป
“ไม่ต้องรีบ
“ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบไม่ได้ทิ้งสมบัติล้ําค่าวิถีจิตวิญญาณแรกกําเนิดเอาไว้ หากเจ้าออกไปโดยไม่ระวัง จะมีใครในหมู่พวกเจ้าบ้างที่มีความมั่นใจว่าสามารถสกัดกั้นเคล็ดลับทางจิตวิญญาณของอีกฝ่ายได้?” เจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบเหลือบตามองผู้อาวุโสแล้วกล่าวออกเบาๆ
เมื่อผู้อาวุโสระดับสูงได้ยินสิ่งนี้ ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเชี่ยวชาญในวิถีจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้วอย่างไรเล่า?
มีเพียงสองวิธีที่จะสู้กับวิถีจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ หนึ่งคือการพึ่งพาสมบัติป้องกัน อีกวิธีคือต้านทานอย่างเต็มความสามารถ
ต้านได้ก็มีชีวิตอยู่
ต้านไม่ไหวก็ต้องตกตายจากไป
ผู้อาวุโสระดับสูงหลายคนในที่แห่งนี้ไม่มีความมั่นใจที่จะปิดกั้นดวงตาที่เป็นเสมือนโลกอันลึกล่านั้นได้ในตอนนี้
สําหรับสมบัติล้ําค่านั้น มีสมบัติล้ําค่าไม่มากเท่าไหร่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบ หากสูญหายไปเพียงอันเดียวก็นับเป็นเรื่องใหญ่จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้อาวุโสสักคนจะนําสมบัติล้ําค่าออกไปได้?
“แล้วจะต้องทําเช่นไร?”
ผู้อาวุโสระดับสูงที่มีขนคิ้วขาวกล่าวออกอย่างไม่เต็มใจ
ผู้อาวุโสที่เหลือก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ถ้าช่องทางมิติไม่ปรากฏขึ้นมาก็แล้วกันไป ในเมื่อผ่านมาห้าหมื่นปี ไม่รู้ว่ามีเซียนเทพปฐพีในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบจํานวนเท่าใดที่เสียชีวิตโดยที่ค้างอยู่ในขั้นกลับคืนต้นกําเนิด
แต่ยามนี้เมื่อช่องทางมิติปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาขึ้นมาจริงๆ ใครเล่าจะต้านทานสิ่งล่อใจนี้ ได้?
“สบายใจได้”
“บุคคลนี้ควรจะเป็นผู้ริเริ่มเดินทางมาสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบของเราเอง”
“ในตอนนั้น เราจะพึ่งพาพลังของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน คงจะได้ปะทะกับคนนอกผู้แข็งแกร่ง ที่เดินตามวิถีจิตวิญญาณแรกกําเนิดผู้นี้เสียหน่อย”
ดวงตาของเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบกะพริบไหวพร้อมกับกล่าวคํา
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบเป็นแกนหลักของทั้งอาณาจักรเก่าดาบ ทั้งยังมีมรดกของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบอยู่ เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจมันเลยแม้สักนิด
นอกช่องทางมิติ
ซฉันกําลังฟังคํากล่าวของฉนหยางสื่อ ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองไปในทิศทางหนึ่ง
“น่าสนใจ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เป็นธรรมดาที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกถูกแอบมองได้ตั้งแต่แวบแรก
เมื่อเทียบกับการสอดส่องของดวงตาเทพเจ้าปีศาจจากประตูเซียน ความรู้สึกถึงการแอบมองครั้งนี้ช่างอ่อนแอนัก
เป็นเพราะเหตุนี้เองซูฉันจึงติดตามสายตาสอดส่องนี้โดยตรง และส่งกลับคืนไปด้วยกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดหุบเหวอับแสง
เมื่อเทียบกับกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดอื่นๆ หุบเหวอับแสงนั้นแปลกประหลาดียิ่งกว่าสามารถสังหารผู้คนเพียงแค่จ้องมองช่างน่าเหลือเชื่อ
“น่าเสียดาย
“ที่สุดท้ายก็ถูกอีกฝ่ายขัดขวางกระบวนท่านี้ไปได้”
ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อยครุ่นคิดในใจเงียบๆ
อันที่จริงซูฉินก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร กระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดหุบเหวอับแสงนั้นทรงพลัง แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารกลุ่มคนที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกันกับ เขาในสถานที่ซึ่งห่างไกลนับแสนล้ําเช่นนี้
ในมุมมองของซูฉิน แม้ว่าจะไม่มีพลังอื่นมาขัดขวาง หุบเหวอับแสงก็ไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้อยู่ดีอย่างมากสุดก็ปล่อยให้จิตใจของอีกฝ่ายจมลึกอยู่ครู่หนึ่ง
“ผู้อาวุโส เกิดอะไรขึ้น” ฉุนหยางสื่อเห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าของซูฉิน และรีบกัดฟันถามออกทันที่ด้วยความกังวล
“ไม่มีอะไร”
ซูฉินส่ายศีรษะพร้อมพูดอย่างสบายๆว่า “ไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับข้าเถอะ”