เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 336 หวั่น
Sign in Buddha’s palm 336 หวั่น
เซียนเทพปฐพี่ทั้งสี่คนร่วมมือกัน มันทําให้แผ่นดินแตกแยก เทือกเขาคุนหลุนทั้งหมดสั่นสะเทือนแทบจะไม่สามารถทนต่อพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้แม้แต่ตํานานยุทธที่ซ่อนตัวอยู่ห่างไกลจากเขาคุนหลุนก็ยังรู้สึกขนลุกหนังศีรษะชาวาบถอยกายกลับไปอย่างรวดเร็ว
“แข็งแกร่งมาก”
ชายชราที่มีใบหน้าผอมบางเคยรับชมการต่อสู้ระหว่างซูฉินกับเหลยเฉียนจือในเมืองฉางอันมาก่อนแต่เมื่อเทียบกับครั้งนี้ เรื่องเมื่อครั้งนั้นไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป
“นี่คือจุดสูงสุดของวิทยายุทธ ความแข็งแกร่งพวกนี้มันช่างสะเทือนฟ้าสะท้านดิน….” แม้ว่าตํานานยุทธคนอื่นๆจะดูหวาดกลัวแต่ใบหน้าของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความปรารถนา
แม้ว่าตํานานยุทธจะสามารถควบคุมพลังฟ้าดินได้ สามารถต่อสู้กับคนได้นับล้านแต่เมื่อเทียบกับเซียนเทพปฐพี่ที่สามารถใช้ทะเลปราณภายในส่วนลึกของความว่างเปล่ามันห่างชั้นกันกี่แสนเท่า? ไม่ต่างไปจากนําเด็กทารกมาเทียบกับยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง
“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังเป็นอันตรายแล้ว”
ตํานานยุทธต่างชําเลืองมองหน้ากัน ความคิดต่างๆ พากันผุดขึ้นมาในสมอง พวกเขาประเมินมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังสูงก็จริง แต่พวกเขาไม่คิดว่ามนุษย์สวรรค์อาณาจักรถึงจะสามารถหยุดยั้งการโจมตีของเซียนเทพปฐพี่ทั้งสี่ได้ง่ายดายปานนั้น
และในตอนนี้เอง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายของคนจากประตูเซียนทั้งส์ ซูฉินก็ขยับตัว
ซูฉันค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น ผลักออกเบาๆ ไปทางชายหนุ่มที่ท่าทางอ่อนแอ
หวิ่ง!!!
อากาศค่อยๆ ก่อตัวหนา สายลมสีดําพวยพุ่งออกมา ปะทะเข้ากับพายุหมุนที่แสนน่ากลัวของชายท่าทางอ่อนแอ
ฟูว!
สายลมอันมืดมิดเหมือนกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่นุ่มนวลแต่ทันทีที่เข้าปะทะกับพายุหมุนทั้งคู่ต่างส่งพลังทําลายล้างรุนแรงเพียงครู่เดียวพายุหมุนของชายท่าทางอ่อนแอก็สลายตัวไปและสายลมสีดําก็ค่อยๆพัดเข้าหาชายท่าทางอ่อนแอ
“นี่?!”
สีหน้าของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และหลบออกมาโดยไม่รีรอลมสีดําจึงพัดผ่านเข้าปะทะกับทิวเขาที่อยู่ไกลออกไป
เห็นว่าภูเขานั้นหลอมละลายด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ราวกับถูกลบทิ้งไปจนหมดสร้างความหวั่นใจให้ทุกผู้ทุกคน
“พลังยังไม่เพียงพอ”
ซูฉันเหลือบมองชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอ ส่ายหัวพร้อมกับกล่าวคํา
“เจ้า?!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ชายท่าทางอ่อนแอก็โกรธจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดกระบวนท่าไม้ตายของหุบเขาเทพพระพาย ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จากประตูเซียนกลายเป็นว่ามีพลังไม่เพียงพอเมื่ออยู่ต่อหน้าซูฉน?ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายไปในประตูเซียนจนดินแดนศักดิ์สิทธิ์หุบเขาเทพพระพายล่วงรู้เกรงว่าพวกเขาคงต้องออกตามล่าซูฉินเป็นแน่
หลังจากเอาชนะท่าไม้ตายของชายท่าทางอ่อนแอได้ด้วยทิพยอํานาจ ซูฉินก็คว้าจับความว่างเปล่าและชักมีดยาวที่มีรูปร่างแปลกๆ ออกมา มันโค้งโก่งดั่งพระจันทร์เต็มดวง
หลังจากนั้นซฉินก็กระชับมีดเทพเจ้าปีศาจในมือและฟันออกไปในอากาศ
ฉีก
ฟ้าดินกลายเป็นสีดําสนิท เห็นประกายคมมีดกะพริบวูบไหวตัดช่องว่างในอากาศพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่ม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เด็กหนุ่มชักดาบออกมามันราวกับแสงศักดิ์สิทธิ์ประกอบรวมเข้าด้วยกันฟันออกไปทางซูฉิน
ดาบสวรรค์เก่ารูปแบบ!
เป็นกระบวนท่าสังหารที่สืบทอดมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาดาบสวรรค์
เป็นที่รู้กันในฐานะกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดในประตูเซียน เมื่อดาบสวรรค์เก่ารูปแบบถูกฟาดฟันออกไป เพียงพอที่จะสังหารเซียนเทพปฐพีได้เลย
แม้ว่าเด็กหนุ่มจะยังห่างไกลจากความสามารถที่จะใช้กระบวนท่ารูปแบบที่เก้าเขาก็ยังสามารถใช้กระบวนท่ารูปแบบที่สามได้ซึ่งเซียนเทพปฐพีธรรมดาๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับคมดาบนี้ยังไม่กล้าเข้ารับตรงๆ
อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าสายตาของเด็กหนุ่ม ใบมีดสีดําสนิทที่ซูฉินตวัดออกมาส่งๆก็ตัดเข้าที่จุดบกพร่องของดาบสวรรค์เก่ารูปแบบในทันทีทันใดนั้นประกายดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือเด็กหนุ่มก็ส่งเสียงออกมา เหมือนโดนทะลวงเข้าไปถึงเจ็ดนิ้วประกายแสงพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไอพลังตกฮวบลงไปทันที
“วิชาดาบยังไม่ดี ไปเรียนรู้มาอีกสักร้อยปี!”
ซูฉกล่าวออกอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก
เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินสิ่งนี้ เขามองดาบยาวในมือของตนเองด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดกระบวนท่าสังหารที่สืบทอดมาจากภูเขาดาบสวรรค์อันสง่างามกลับถูกประเมินว่าความชํานาญนั้นยังไม่ดี
ตึงตึงตึง!
ในเวลานั้นเอง ชายร่างกํายํา หมานโหยว จู่ๆ ก็ขยายตัวออกอย่างรวดเร็วกลายเป็นยักษ์ขนาดย่อมสูงถึงห้าเมตร วิ่งเข้าหาซูฉินพร้อมกับเสียงกึกก้อง!
ดูเหมือนเขาคุนหลุนทั้งหมดกําลังสั่นสะท้าน ในขณะนี้ชายร่างกายมีพลังมหาศาลปราณเลือดอันน่าสยดสยองกระจายไปทั่วทุกมุมราวกับน้ําทะเลซัดสาด
ซูฉินเหยียดแขนซ้ายออก กํามือเป็นหมัด หวดเข้าใส่คู่ต่อสู้เบาๆ ไม่แม้แต่จะหันไปมองชายผู้
นั้น
ปัง!
ขณะเดียวกับที่เสียงของชายร่างยักษ์ย่ากระแทกพื้นดินกําปั้นของซูฉินก็ปะทะเข้ากับหน้าอกของหมานโหยวอย่างแรงทันใดนั้นใบหน้าของชายร่างกํายําหมานโหยวก็ซีดเผือดปราณเลือดที่แผ่ขยายออกไปทุกทิศทางพลันสลายหายไปอย่างรวดเร็วทั้งร่างถลากลับไปหลายก้าวในที่สุดก็ล้มลงไปกับพื้น
“เจ้า?!”
ชายร่างกายนั้นพยายามอดทนอาการเลือดลมปั่นป่วนเอาไว้ จ้องไปที่ซูฉันราวกับเห็นภูตผี
“ร่างกายช่างเทอะทะและเปราะบางนัก”
สายตาของซูฉินหันเหไปทางชายคนสุดท้าย
คนผู้นี้เป็นชายชราที่มีคิ้วสีขาว ในตอนนี้เปลือกตาพับปิดลง ดูเหมือนจะไม่เคลื่อนไหวแต่ซูฉินรู้สึกได้ว่าพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดขนาดใหญ่กําลังก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในอากาศ
ช่วงเวลาต่อมา
พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็รวมตัวกลายเป็นรูปค้อนสีดํา ตัดผ่านระยะทางพันเมตรในทันทีพุ่งเข้าสู่กึ่งกลางหว่างคิ้วของซูฉิน
ท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิด!
ในตอนนี้ชายชราที่มีคิ้วสีขาวได้ใช้กระบวนท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกาเนิดออกมา
รู้หรือไม่ว่าทั้งท่าไม้ตายของชายท่าทางอ่อนแอ หรือแม้แต่ของเด็กหนุ่มล้วนเป็นกระบวนท่าสังหารทางกายภาพ ถึงแม้ว่าจะแข็งแกร่งแต่ก็ปิดกั้นได้ง่าย
แต่ท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นต่างออกไป
จิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นมองไม่เห็น ไร้รูปร่าง และท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิดสามารถทะลุผ่านสสารต่างๆ บนโลกได้อย่างง่ายดาย
หากต้องการสกัดกั้นกระบวนท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิด นอกเหนือจากการป้องกันด้วยอาวุธจิตวิญญาณแล้วก็สามารถพึ่งพาได้เพียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดของตนเองเข้าต่อต้านเท่านั้น
ทนได้ก็รอด
ทนไม่ไหวก็ตาย
ฟิว!
เห็นค้อนไร้ลักษณ์สีดําที่ดูแปลกประหลาดเจาะเข้าไปในกึ่งกลางระหว่างคิ้วของซุฉินทะลวงเข้าไปภายใน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ค้อนจะทะลวงต่อไปได้ มันก็ถูกทุบทําลายด้วยองค์ยูไลทองคําที่นั่งอยู่ในส่วนลึกระหว่างคิ้วของซูฉิน
หลังจากนั้นไม่นาน
มีเค้าความเหลือเชื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายชราคิ้วขาว
“เคล็ดโจมตีด้วยจิตวิญญาณแรกกาเนิดนั้นก็มีข้อดี” ซูฉินเงยหน้าขึ้นมองชายชราคิ้วขาวพยักหน้าชื่นชมแต่สุดท้ายก็ส่ายศีรษะพร้อมกับกล่าวว่า
“แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า มันไร้ประโยชน์……”
กระบวนท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นมีชื่อเสียงในด้านความพิสดารมาโดยตลอดแม้แต่เซียนเทพปฐพี่ขั้นสถิตเทพก็ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิด
ท้ายที่สุดแล้ว ท่าสังหารประเภทนี้ก็เพิกเฉยต่อการป้องกันส่วนใหญ่ และมุ่งเป้าไปที่จิตวิญญาณแรกกําเนิดเท่านั้นไม่มีวิธีอื่นใดที่จะใช้ต่อต้าน นอกจากความแข็งแกร่งของตนเอง
อย่างไรก็ตาม
สําหรับซูฉินนั้น กระบวนท่าไม้ตายที่ทําให้เซียนเทพปฐพี่ทั้งหลายต้องหวาดกลัวกลับไร้ค่าที่สุด
องค์ยูไลทองคําในส่วนลึกระหว่างคิ้วของซูฉิน นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงมรดกฝ่ามือยูไลแล้วยังส่งผ่านความรู้มาให้ซูฉินพร้อมทั้งป้องกันผลจากการโจมตีทางจิตวิญญาณทั้งหมดด้วย
“นี่ จบแล้วหรือ?” ด้านนอกเขาคุนหลุน จอมยุทธจํานวนมากที่เต็มไปด้วยความกังวลพลันเบิกตากว้างไม่อยากจะเชื่อ
ในตอนแรกพวกเขารู้สึกถึงพลังอันท่วมท้นของเซียนเทพปฐพี่ทั้งสี่ที่ร่วมมือกันและในเวลาเพียงชั่วครู่พลังเหล่านั้นก็หายไปอย่างกะทันหันราวกับถูกบีบบังคับด้วยใครบางคน
เมื่อเทียบกับจอมยุทธด้านนอกเขาคุนหลุนที่กําลังงุนงง
เซียนเทพปฐพี่ทั้งสี่จากประตูเซียนต่างเกิดคลื่นลมพัดกระโชกอยู่ในหัวใจ
ซูฉินเอาชนะกระบวนท่าไม้ตายของเซียนเทพปฐพี่ทั้งสามได้ด้วยฝ่ามือ มีดและหมัดในท้ายที่สุดก็ยังต้านท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้อย่างง่ายดายในชั่วพริบตาเดียวราวกับมันเป็นเพียงสายลมอ่อนโยนที่พัดมากระทบใบหน้าน่าหวาดกลัวยิ่ง
โดยเฉพาะชายชราคิ้วขาว ท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเขานั้นแม้แต่เซียนเทพปฐพีในขั้นกลับคืนต้นกําเนิดที่ไม่เข้าใจความลึกซึ้งของมันก็อาจจะหลบหนีไปไม่ได้เสียด้วยซ้ำแต่เมื่อเป็นซูฉิน เขากลับปิดกั้นมันได้อย่างสบายๆ?
“ความสามารถของประตูเซียนเป็นเช่นนี้สินะ?”
ซูฉันมองเซียนเทพปฐพีทั้งสี่ที่กําลังตกตะลึง เอ่ยออกด้วยน้ําเสียงผิดหวัง
ตั้งแต่ได้รู้เรื่องราวของประตูเซียน ซูฉินก็สนใจโลกภายในประตูเซียนเป็นอย่างมากท้ายที่สุดประตูเซียนก็สืบทอดมรดกมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุด ภูมิหลังของพวกเขาอยู่ห่างไกลจากโลกที่กระแสปราณฉีเงียบงันไปหลายขุม
เป็นเพราะเหตุนี้เอง ซูฉินจึงจงใจปล่อยให้เซียนเทพปฐพี่ทั้งสี่ลงมือ เพราะอยากเห็นวิถีพลังจากประตูเซียน
แต่สุดท้ายมันก็ทําให้ซูฉินผิดหวัง
ยกเว้นท่าไม้ตายของชายชราคิ้วขาว กระบวนท่าไม้ตายของอีกสามคนไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
“ความสามารถของสหายเต่ยากหยั่งถึงจริงๆ”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ต้องขอกลับไปยังประตูเซียนก่อนแล้ว”
ดวงตาของเด็กหนุ่มสั่นไหว ในที่สุดเขาก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลายก้าวด้วยความระมัดระวัง
ซูฉินปิดกั้นการโจมตีสุดกําลังจากทั้งสี่คนได้หมด และความแข็งแกร่งนั้นเหนือกว่าพวกเขามากเด็กหนุ่มคาดเดาว่าซูฉันอาจจะเข้าสู่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดเรียบร้อยแล้ว
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ในใจของคนทั้งสี่มีแต่อยากจะถอยกลับไป
แม้ว่าพวกเขาจะยังมีไม้ตายที่ยังไม่ได้ใช้ แต่เมื่อพวกเขาเจอคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด แม้จะมีไพ่ลับมากมายก็คงจะสู้ไม่ได้แล้วจะโจมตีต่อไปทําไม?
“นึกอยากจะมาก็มา อยากไปก็ไปแบบนี้ช่างหยาบคายเหลือเกิน”
ซูฉินหัวเราะเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ ก้าวขาออกไป กระซิบเบาๆ ว่า “หมื่นสายฟ้าฉุดกระชาก!”
ครัน
ท้องฟ้ามืดครึมในทันใด เมฆดําปกคลุมท้องฟ้าอย่างหนาแน่น สายฟ้าสีม่วงแล่นกระจายไปทั่วทําให้เกิดบรรยากาศคุกคามที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
หมื่นสายฟ้าฉุดกระชากเป็นท่าไม้ตายประเภทสายฟ้าที่ซูฉันได้รับตอนที่ลงชื่อเข้าใช้ในเกาะเทพเจ้าสายฟ้าในช่วงปีที่ผ่านมา เมื่อรวมเข้ากับห้าหมัดเทพเจ้าสายฟ้า มันก็กลายเป็นมีพลังทําลายล้างโลกหล้า
“นี่ สายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?”
เมื่อเห็นฉากนี้ ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอก็ขนลุกซู่ หนังศีรษะชาวาบในทันที
หากเป็นสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าสักเส้นสองเส้น เขาอาจจะไม่กลัว หรือสักสิบยี่สิบเส้น เขาก็สามารถฝืนทนต้านทานได้ แต่ตอนนี้สายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ควบแน่นอยู่บนท้องฟ้านั้นมีกี่ร้อยสายกัน?
เปรี้ยง
ช่วงเวลาต่อมา
สายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็ผ่าลงมาที่ละสาย และยอดเขาคุนหลุนก็กลายเป็นทะเลสายฟ้าสีม่วง
ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอและชายร่างกาย่าหน้าซีดเซียว รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างเสริมพลังอาณาเขตก็แทบจะไม่สามารถต้านทานพลังของสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้
แต่กระนั้นเซียนเทพปฐพี่ทั้งสี่ก็ยังล่าถอยไปได้เรื่อยๆ โดยที่อาณาเขตของพวกเขาพากันหดตัวลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสายฟ้าที่โหมกระหน่ําฟาดผ่าลงมา ในที่สุดรัศมีพลังที่ครอบคลุมทั่วร่างก็หดลงเหลือเพียงระยะสามเมตร
ในตอนนี้เอง
ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอค่ารามออกด้วยเสียงทุ่มต่า “เทพธิดาไก่อินถ้าเจ้าไม่ลงมือตอนนี้จะรอไปจนถึงเมื่อไหร่?”
เมื่อชายท่าทางอ่อนแอพูดจบ
ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ
หญิงสาวในชุดผ้าโปร่งบางเบาดูเย็นชา ค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ
เป็นเทพธิดาไก่อินที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ด้านข้าง แต่ไม่ได้ลงมือทําอะไรเลย
ทันทีที่เทพธิดาไก่อินตวัดนิ้วออกไป พลังของแสงจันทร์อันไร้ขอบเขตก็พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องเข้าปิดกั้นสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างรวดเร็ว