เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 334 วางแผน
Sign in Buddha’s palm 334 วางแผน
ด้านนอกเทือกเขาคุนหลุน
ชายชราหน้าตอบกําลังพูดคุยกับจอมยุทธคนอื่นด้วยเสียงทุ่มต่า คาดเดาความเป็นมาเป็นไปของคนทั้งห้าจากประตูเซียน
แต่นาทีถัดมา
ฟ้าดินก็พลันมืดมิดลง
เหนือฟากฟ้ามีดวงอาทิตย์ดวงโตกําลังส่องแสง แต่ในตอนนี้กลับมีดวงตะวันอีกดวงโผล่ขึ้นเคียงข้างกันบรรยากาศอันน่าสยดสยองพลันแผ่ออก สันสะเทือนฟ้าดิน
“นั่นคือ นั่นคือมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังหรือ?!”
ตํานานยุทธหลายคนที่เห็นร่างสูงเพรียวโผล่ออกมาจากดวงตะวันก็พากันสั่นสะท้าน
แม้ว่าร่างนั้นจะใบหน้าพร่ามัว เหมือนมีหมอกปกคลุม แต่พลังที่ครอบงําโลกขนาดนี้ไม่มีจอมยุทธคนใดในที่แห่งนี้จะกล้าลืมได้ลง
“ทําไมมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังถึงมาที่นี่ไวขนาดนี้?”
มีตํานานยุทธกลืนน้ําลาย รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
นับตั้งแต่มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังเหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าและพิชิตยุทธภพต่างแดนเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอีกเลยจอมยุทธจํานวนนับไม่ถ้วนที่ต้องการเข้าพบมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังทําได้เพียงรอรอบนอกเมืองฉางอัน
บางคนคาดเดาว่ามนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังน่าจะอยู่ในการปิดด่านฝึกตนและจะไม่ปรากฏบนโลกมนุษย์อีกอย่างน้อยๆก็หลายสิบปีแม้จะเป็นจอมยุทธในขอบเขตตํานานยุทธการล่าถอยเพียงครั้งหนึ่งอาจใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีเข้าไปแล้วไม่ต้องกล่าวถึงเซียนเทพปฐพีอย่างมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังเลยมิใช่หรือ?
กระนั้น ก็ยังมีจอมยุทธจํานวนมากรวมกันรออยู่นอกเมืองฉางอัน จอมยุทธเหล่านี้เหมือนกับร่อนเรไปเรื่อยรอให้ซูฉินออกจากด่านฝึกตน
อย่างไรก็ตาม
กลุ่มจอมยุทธที่อยู่นอกเทือกเขาคุนหลุน ไม่สามารถแม้แต่จะคิดฝันว่าจู่ๆ ซูฉินจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่?
“ดูเหมือนว่ามนุษย์สวรรค์ทั้งห้าจะชักนํามนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังมาที่นี่….” ชายชราหน้าตอบพยายามสงบใจ ขบคิดภายในใจอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าชายชราหน้าตอบจะไม่รู้ที่มาของเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าคนนี้ แต่ก็เป็นเวลาเพียงไม่นานนักก่อนที่มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะมาถึง ถ้าไม่มีการติดต่อกันจะเป็นไปได้หรือที่มาเร็วเช่นนี้ได้?
ขณะที่ชายชราหน้าตอบและจอมยุทธคนอื่นๆ กําลังประหลาดใจและไม่ค่อยแน่ใจนั้น
ที่ด้านบนยอดเขาคุนหลุน เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าที่กําลังจะเข้าสู่วิหารการสงครามทุกคนต่างหันมามองซูฉินด้วยสายตาเคร่งเครียด
ไอพลังที่ซูฉินเปิดเผยออกมานั้นน่ากลัวเกินไป พลังงานเลือดเนื้อทรงพลังจนน่าสยดสยองเทียบเท่าดวงตะวันขนาดมหึมา หากไม่ใช่เพราะคนจากประตูเซียนทั้งห้าเป็นเซียนเทพปฐพีและเป็นศิษย์สาวกดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีความสามารถมากมายเกรงว่าพวกเขาคงกลายเป็นฝุ่นผงภายใต้รัศมีพลังที่เหมือนกับคลื่นมหาสมทรเข้าโถมนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ก็แค่มดปลวก”
ชายร่างกํายําในหมู่คนทั้งห้าอดรนทนไม่ได้ ไอพลังพวยพุ่ง พลังปราณพุ่งสูงขึ้นกลิ่นอายจากทะเลปราณอันกว้างใหญ่ทะลักออกมาจางๆ
ในฐานะที่เป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นมรดกที่ตกทอดมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจะมาโดนซูฉินข่มโดยไร้เหตุผลได้อย่างไร?
ครืน!
ในขณะที่ชายร่างกําย่าระเบิดพลังออกมา มันก็ชนเข้ากับไอพลังของซูฉิน และทันใดนั้นเทือกเขาคุนหลุนก็เริ่มสั่นสะเทือน แม้แต่จอมยุทธจํานวนมากที่อยู่ห่างไกลออกมาไปก็รู้สึกเหมือนเล็อดแข็งตัวขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น ขาแข้งสั่นทําได้เพียงถอยหลังกลับไป
ปัง!!
สีหน้าของชายร่างกํายําซีดเผือด ถอยหลังกลับไปสองสามก้าว เห็นได้ชัดว่าเขาเสียเปรียบในการวัดพลังกับซูฉิน จนได้รับบาดเจ็บกลับมาเล็กน้อย
เมื่อเห็นฉากนี้ ชายหนุ่มที่ท่าทางอ่อนแอด้านข้างก็หรี่ตาลง เขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของชายร่างกาย่าดี คืออยู่ในระดับกลางของขั้นแบ่งจิตควบคู่ไปกับทักษะเคล็ดวิชามากมาย ความสา มารถก็อยู่ไม่ห่างจากขั้นแบ่งจิตระดับสูงสุดมากนั้นแต่ตอนนี้เขากลับต้องถอยกลับออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อเจอเข้ากับไอพลังของคู่ต่อสู้
“ตามที่คาด…”
ซูฉินกระโดดวูบที่ละระดับ ขึ้นไปถึงยอดเขาคุนหลุนในทันที มีวังวนที่อธิบายไม่ได้อยู่ภายในดวงตา จ้องมองไปยังเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้า
“พวกเจ้าน่าจะมาจากประตูเซียน?”ซูฉินกล่าวออกเบาๆ ด้วยอาการสงบ
แม้ว่ากลุ่มของชายร่างกําย่าทั้งห้าคนจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียวซูฉินก็ตรวจจับได้ด้วยดวงตาแห่งสัจจะว่าไม่เพียงแต่คนเหล่านี้จะเป็นเซียนเทพปฐพี่เท่านั้นแต่พลังฉีของพวกเขายังเสถียรพิเศษอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าอยู่ในขอบเขตเซียนเทพปฐพี่มาเป็นเวลานานแล้ว
ไม่ต้องกล่าวถึงยุทธภพต่างแดนหรือทวีปอื่นๆ เลย แม้ว่าจะมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครทราบเรื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่นเหลยเฉียนจือไม่นานหลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีเขาก็กลับไปนิกายเทพเจ้าสายฟ้าและถมทะเลด้วยแผ่นดินสร้างเกาะให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
“ประตูเซียน?”
ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอตกใจ แต่ก็สงบลงได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว และพูดกับซูฉินว่า “ไม่รู้ว่าสหายเต่ํามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใด?”
ในสายตาของชายท่าทางอ่อนแอ ไอพลังของซูฉินดูทรงพลังมาก ปราณเลือดพวยพุ่งไปถึงท้องฟ้าแม้แต่ในหมู่เคล็ดวิชาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังนับได้ว่าเป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดและทักษะประเภทนี้ควรจะมีเฉพาะภายในประตูเซียนเท่านั้น
ดังนั้นชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอจึงเดาว่าซูฉันควรจะมาจากประตูเซียนเช่นเดียวกัน
แม้ประตูเซียนจะเป็นโลกใบเล็ก ที่ถูกเปิดออกโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุด มันยังห่างไกลจากโลกอันยิ่งใหญ่อยู่มากทว่าก็มีกลุ่มพรรคกลุ่มนิกายน้อยใหญ่มากกว่าสิบแห่งและในหมู่กลุ่มนิกายเหล่านั้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ในจุดสูงสุด
“มิผิด”
“ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใดที่ปลูกฝังอัจฉริยะเช่นสหายเต่าขึ้นมาได้” เทพธิ์ดาไก่อินที่อยู่ถัดออกไป มองซูฉินด้วยสายตาที่ดูสง่า กล่าวคําออกมาช้าๆ
เทพธิดาไก่อินมีวิธีลับพิเศษที่สามารถคาดเดาอายุกระดูกของผู้ฝึกยุทธได้อย่างคร่าวๆโดยวัดจากกลิ่นอาย
เพียงแต่ว่าวิธีลับนี้จะถูกความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเข้ามากระทบกระเทือนได้ง่ายแต่กระนั้นเทพธิดาไม่อินก็รับรู้ได้เลาๆว่าอายุที่แท้จริงของซุฉินไม่ควรเกินห้าร้อยปี
จุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิตที่อายุไม่ถึงห้าร้อยปี……
เท่านี้ก็พอจะเทียบได้กับบุตรสวรรค์และเทพธิดาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงแล้ว
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์คือที่ใดกัน?” ซูฉินมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มาจากประตูเซียน”
คําที่กล่าวออกมา
เซียนเทพปฐพีทั้งห้ารวมถึงเทพธิดาไทอินพลันแข็งค้าง
“เจ้าคือมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังงั้นหรือ?” ชายท่าทางอ่อนแอตอบสนองอย่างรวดเร็วจ้องมองซูฉินอย่างละเอียดถี่ถ้วนและถามคําถามออกมา
“ไม่สําคัญว่าเจ้าจะเป็นมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังหรือไม่ การต่อสู้เมื่อครู่นั้นไม่นับ ข้ายังไม่พร้อม!!” ชายร่างกํายาฟื้นตัวได้แล้ว ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าจากนั้นจึงง้างมือขวาพุ่งเข้าใส่ซูฉินอย่างรุนแรง
ครืน!!
ฟ้าดินสะท้าน หมัดของชายร่างกําย่าผสานเข้ากับทะเลปราณ ทันใดนั้นทะเลปราณอันไร้ที่สิ้นสุดก็ท่วมทะลักเข้าใส่ซูฉิน
“สหายเตําหมานโหยวลงมือเต็มที่เลยงั้นหรือ?” เด็กหนุ่มที่เห็นฉากนี้ ก็หันไปมองทั้งสามคนที่เหลือมีความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้า
การต่อสู้ระหว่างเซียนเทพปฐพีนั้น เว้นแต่จะต้องการต่อสู้ชี้วัดเป็นตาย จะไม่ปล่อยพลังจากทะเลปราณออกมาเป็นอันขาด
ท้ายที่สุดแล้วทะเลปราณนั้นกว้างใหญ่เกินไป และการใช้พลังของมันก็เป็นภาระสําหรับเซียนเทพปฐพีอยู่ไม่น้อย
“ดีกว่าเหลยเฉียนจือ”
ซูฉินแสดงความเห็นขณะที่มองไปยังหมัดของชายร่างกาย่า
หมัดของชายร่างกําย่าผู้นี้ทรงพลังจริงๆ และมีพลังของทะเลปราณร่วมด้วย แม้ว่าจะเป็นส่วนเล็กๆ ของทะเลปราณก็ตาม แต่สําหรับคนอื่นๆพลังเท่านี้มันอาจจะสูงส่งเสียดฟ้าเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม
ในสายตาของซูฉิน หมัดของชายร่างกําย่าผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเหลยเฉียนลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซฉินเหยียดมือขวาออกไป แล้วสะบัดนวหนึ่งครั้ง ไอพลังไร้ลักษณ์ควบแน่นพุ่งทะลวงอากาศเข้าหาชายร่างกําย่อย่างเงียบๆ
ฉีก!
ท่าทีของชายร่างกายเปลี่ยนไปมาก หมัดขวาที่เขาส่งออกไปเริ่มสั่นไหว ร่างของเขาถลากลับไปอย่างแรงในที่สุดก็หยุดลงด้วยความรู้สึกที่ไม่ยินยอมมองดูซูฉินด้วยความหวาดกลัว
เทพธิดาไท่อนสังเกตเห็นว่ามือขวาของชายร่างกําย่าสั่นเทาเล็กน้อย
เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ชายผู้ทรงพลังอย่างหมานโหยวที่อยู่ในระดับกลางของขั้นแบ่งจิตก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว ต้องรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่การปะทะกันด้วยไอพลังเหมือนครั้งก่อนแต่หมานโหยวก็ยังพ่ายแพ้แม้จะโจมตีสุดกําลัง!
“ถึงเจ้าจะไม่ใช่สมาชิกประตูเซียน แต่เนื่องจากเจ้ารู้จักประตูเซียน เจ้าต้องรู้ว่าประตูเซียนคือสิ่งใดการที่เจ้าลงมือเช่นนี้ไม่กลัวว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องหลังข้าจะมาคิดบัญชีงั้นหรือ?”
เด็กหนุ่มจ้องมองไปที่ซูฉินมีความกลัวเล็กๆ ปรากฏขึ้น
ซูฉินเอาชนะหมานโหยวได้เพียงขยับกาย อย่างน้อยความแข็งแกร่งต้องอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิตบางทีอาจจะขึ้นไปแตะขั้นกลับคืนต้นกําเนิดแล้วก็เป็นได้
แม้ว่าเด็กหนุ่มและคนอื่นๆ จะมีไฟลับที่ได้มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนและคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าชายร่างกําย่าแต่ก็ไม่ได้อยากยั่วยุผู้ที่แข็งแกร่งเช่นซูฉิน
ท้ายที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉินในปัจจุบัน แม้พวกเขาจะรวมพลังกันและใช้ไพ่ลับออกไปมันก็คงพอจะเอาชนะซูฉินได้แต่เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะปราบหรือสังหารซูฉิน
ในกรณีที่ซูฉินหนีไป แล้วหลังจากที่เข้าไปภายในวิหารการสงคราม ซูฉินกลับบุกเข้ามาอีกมันคงจะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
“สหายเต่ทรงพลังอย่างแท้จริง แม้ว่าจะไม่ใช่สมาชิกประตูเซียน ก็มีสิทธิ์ที่จะสํารวจวิหารการ
ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอที่ยืนอยู่ด้านข้างพยายามปันรอยยิ้มขึ้นมาและพูดคุยกับซูฉินอย่างช้าๆ
“มีโอกาสมากมายในวิหารการสงคราม และมีแม้กระทั่งสมบัติที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทิ้งเอาไว้หากเจ้าสนใจ เจ้าสามารถร่วมกับพวกเราเพื่อเข้าไปภายในได้” ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอกล่าวออกด้วยรอยยิ้มอันสดใส
เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาก็สว่างสดใส
เหตุผลที่ทั้งสี่คนไม่ร่วมมือกันปราบซูฉินในทันที่เป็นเพราะกังวลว่าซูฉันจะหลบหนีแต่ถ้าซูฉิน
ลับมิใช่หรือ?
ขณะที่อยู่ภายในวิหารการสงคราม ซูฉินจะทําอะไรพวกเขาได้?
เมื่อคิดได้ดังนี้ ชายที่ดูเหมือนเด็กหนุ่มก็พูดขึ้นด้วยสีหน้ายินดีว่า “ถูกต้องแล้วสหายเต่คงไม่กระจ่างแจ้งแก่ใจว่าวิหารการสงครามคือสิ่งใดมันเป็นสิ่งที่เหล่าเซียนเทพปฐพี่ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีต่างปรารถนาหากสหายเต่ได้รับสมบัติที่อยู่ภายในไปก็อาจจะทะลวงขอบเขตขึ้น ไปเป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็เป็นได้……”
เพียงเท่านั้น
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะพูดจบ ซูฉินก็พูดแทรกขึ้นมา
“ข้ารู้จักวิหารการสงครามดี” ซูฉินมีรอยยิ้มบนใบหน้า มองไปยังวิหารขนาดใหญ่เบื้องหน้าเซียนเทพปฐพีทั้งห้า แล้วจึงกล่าวออกอย่างสบายๆ “ในครั้งนี้ข้าก็มาเพราะมันนี่แหละ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของซูฉิน ยังไม่ทันที่เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าจะได้ตอบสนองเขาก็โบกมือไปที่วิหารการสงครามที่สง่างามและยิ่งใหญ่
ทันทีหลังจากนั้น
ท่ามกลางแววตาเหลือเชื่อของเซียนเทพปฐพีทั้งห้า
วิหารการสงครามแต่เดิมที่มั่นคงไม่หวั่นไหว พลันเปล่งแสงสว่างไสว หดตัวลงในทันทีสุดท้ายก็กลายเป็นกระแสแสงตกลงมาบนมือของซูฉิน
“นี่?”
เซียนเทพปฐพีทั้งห้ตกตะลึง
พวกเขาใช้เวลาหนึ่งปีในการค้นหาไปทั่วทั้งโลก ก่อนที่จะยืนยันที่ตั้งของวิหารการสงครามได้จากนั้นพวกเขาจึงท่องเข้าไปในส่วนลึกของความว่างเปล่าใช้ทักษะลับนําพาวิหารการสงครามออกมา…
สุดท้าย หลังจากที่เตรียมใจเอาไว้ว่าจะได้รับโอกาสดีๆ ในตอนที่เข้าไปภายในวิหารการสงคราม…
แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็น วิหารการสงครามนั้นพุ่งเข้าหาฝ่ามือของซูฉินโดยสมัครใจ?