เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 328 ไร้พ่ายในรอบหมื่นปี
Sign in Buddha’s palm 328 ไร้พ่ายในรอบหมื่นปี
“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังปราบสมบัติล้ําค่าของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้แล้ว…” ภายในหัวของตํานานยุทธขั้นสูงสุดว่างเปล่าขณะจ้องมองไปยังซูฉิน ซึ่งยืนอยู่เหนือฟากฟ้าพร้อมกับระฆังโบราณที่ลอยอยู่บนมือขวา
แม้ว่าระฆังโบราณนี้จะมีขนาดเท่าฝ่ามือ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับระฆังเทพสายฟ้าใบเก่าที่มีขนาดหลายเมตร อย่างไรก็ตาม รัศมีอันเก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่แผ่ออกมานั้นไม่ได้แตกต่างไปจากสมบัติล้ําค่าระฆังเทพสายฟ้าอันเก่าเลย
“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้เช่นไร……”
มีบรรพชนหลายคนบ่นพึมพําอยู่กับตนเอง
แม้ว่าพวกเขาคาดเดาทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว แต่อย่างมากสุดก็เดากันไว้ว่ามนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะหนีจากพลังของสมบัติล้ําค่าไปได้
ส่วนการปราบปรามสมบัติล้ําค่านั้น ไม่มีอยู่ในหัวเลย
สมบัติล้ําค่าคือสิ่งใด? สมบัติชิ้นนี้เป็นอาวุธวิเศษที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทิ้งกลิ่นอายและรอยประทับเอาไว้ แม้จะไม่สามารถเทียบกับสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดสรรสร้างอย่างอุตสาหะได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เซียนเทพปฐพีธรรมดาจะสามารถรับมือได้
แต่บัดนี้?
ซูฉินมีพลังยิ่งใหญ่เทียมฟ้า ปราบสมบัติล้ําค่าระฆังเทพสายฟ้าของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้ นับเป็นเรื่องราวน่าตกใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่สิ้นสุดยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีจนถึงปัจจุบันนานนับหมื่นปี เรื่องราวเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หลายพันปีในดินแดนโพ้นทะเล มีเซียนเทพปฐพี่จํานวนมากพยายามโจมตีนิกายใหญ่ แต่ก็ พวกเขาก็ล้วนหวั่นเกรงไอพลังของสมบัติล้ําค่าโดยไม่มีข้อยกเว้น จะสามารถปราบสมบัติล้ําค่าด้วยมือเปล่าอย่างที่ฉันทําได้อย่างไร?
“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังไม่ถือว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอีกต่อไป……” บรรพชนสํานักผู้วิเศษถอนหายใจออกมาเล็กน้อย มองดูร่างที่ยืนอยู่บนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าซึ่งเปรียบประดุจเทพมาร ใบหน้าของเขาพลันแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก
“ท่านบรรพชน ทําไมท่านจึงบอกว่ามนุษย์สวรรค์ไม่ถือว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอีกต่อไปเล่า?” ศิษย์สํานักผู้วิเศษกล่าวถามด้วยความงงงวย “ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังสมควรจะไร้เทียมทานแล้วไม่ใช่หรือ?”
“การจะบอกว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกคงเป็นการไม่ไว้หน้ามนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังเกินไป” บรรพชนสํานักผู้วิเศษเหลือบมองศิษย์สาวก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวต่อไปว่า “ในช่วงหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีใครสามารถนํามาเทียบกับมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังได้… ”
บรรพชนสํานักผู้วิเศษกล่าวคํา
ใบหน้าของบรรพชนคนอื่นๆ ในที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนไป
ช่วงหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมา
ไม่มีใครสามารถนํามาเทียบกับมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังได้
บรรพชนสํานักผู้วิเศษได้ประเมินว่าซูฉินนั้นสูงเกินเอื้อมถึง
รู้หรือไม่ว่าการเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนั้นง่ายดายมากหาเป็นเช่นซูฉิน ทําให้นิกายใหญ่ทั้งหลายยอมจํานนก็เพียงพอแล้ว แต่การเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในรอบหมื่นปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เป็นหนึ่ง
ไม่มีสอง
ในฐานะที่เป็นเซียนเทพปฐพี หากพวกเขาไม่ได้ต่อสู้กันเอง ใครจะบอกได้บ้างว่าผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน?
เวลานับหมื่นปีที่ผ่านพ้นไปในต่างดินแดน เซียนเทพปฐพี่นับสิบได้ถือกําเนิดขึ้น ซึ่งทุก คนล้วนน่าทิ้งอย่างแท้จริง หากไม่ถูกจํากัดด้วยสภาพแวดล้อมที่กระแสปราณฉีเงียบงัน อาจจะมีความหวังในการทะลวงสู่ขอบเขตของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด
เมื่อต้องเจอกับขุมอานาจที่น่าทึ่งในยุคต่างๆเหล่านี้ ใครจะกล้าอวดอ้างว่าคงกระพันไร้เทียมทาน?
แม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะเหนือกว่าเซียนเทพปฐพีเหล่านั้นจริงๆ ตราบใดที่ไม่เกิดการต่อสู้ขึ้นจริงและเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างหมดจด ก็ไม่นับว่าเขานั้นไร้เทียมทาน
แต่ในเวลานี้ บรรพชนสํานักผู้วิเศษกลับพูดออกมาจากกันบึงของหัวใจว่าซูฉินนั้นไร้เทียมทานในรอบหมื่นปี
เพราะเวลาหมื่นปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีเซียนเทพปฐพี่คนใดที่ปราบสมบัติล้ําค่าได้สําเร็จ แต่ตอนนี้ซูฉินกลับทํามันได้ นั่นพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของซูฉิน
ถ้านี่ไม่เรียกว่าไร้เทียมทานในรอบหมื่นปี
จะมีใครอื่นอีกที่สมควรเป็นผู้ไร้เทียมทานในรอบหมื่นปี?
เหล่าบรรพชนเงยหน้าขึ้นมองซูฉินด้วยดวงตาที่ซับซ้อน เต็มไปด้วยความกลัว ความสงสัย ความตื่นตระหนก แต่ทุกคนล้วนมีความครั่นคร้ามหวั่นเกรงอยู่ในดวงตากันทั้งนั้น
พี่บ!
ซูฉินค่อยๆ ลดระดับลง ปลายเท้าแตะลงบนเกาะเทพเจ้าสายฟ้า
“นี่คือสมบัติล้ําค่างั้นรึ?” ซฉินจ้องไปที่ระฆังโบราณซึ่งลอยอยู่บนฝ่ามือ ใบหน้าดูเคร่งขรึมเล็กน้อย
ในการปราบสมบัติล้ําค่าชิ้นนี้ ซูฉินแทบจะกระตุ้นภาพดวงตะวันขนาดมหึมาจนถึงขีดสุด เกือบแปลงเป็นร่างลวงตาของอีกาทองคําสามขา สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านเปลวเพลิงแล้ว ด้วยเหตุนี้พลังของร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําจึงถูกใช้ไปอย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อระฆังเทพสายฟ้าถูกระงับไป ร่างกายของซูฉินก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําเปรียบเสมือนดวงตะวันที่แท้จริง เริ่มดูดซับแสงแดดและความร้อน จากทั่วทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง พลังงานธาตุไฟจํานวนมหาศาลพุ่งเข้ามาชั่วขณะหนึ่ง จอมยุทธต่างแดนทั้งหลายก็พลันเห็นแสงจากบนฟ้ามืดมิดลง
ร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําเป็นร่างกายที่กลั่นขึ้นมาใหม่หลังจากสําเร็จภาพดวงตะวันฯ ระดับเล็ก ด้วยความช่วยเหลือจากแก่นพลังของอีกาทองคําซึ่งโคจรอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะใช้พลังงานไปมากเพียงใด ตราบเท่าที่ได้รับแสงแดด ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
“นิกายเทพเจ้าสายฟ้าไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงของสมบัติล้ําค่าออกมา ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ถูกข้าสะกดลงง่ายดายเพียงนี้”
ซูฉินมองดูระฆังเทพสายฟ้าที่ลอยอยู่บนฝ่ามืออย่างพินิจพิเคราะห์ ขบคิดในใจเงียบๆ
ตอนนี้ ถึงแม้เขาจะมองดูระฆังเทพสายฟ้าเพียงชั่วครู ซูฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่บรรจุอยู่ภายในตัวระฆัง
หากพลังนี้มีเซียนเทพปฐพี่คอยควบคุม มันมbแกร่งกว่าที่เหลยตู้ฝ่าทําได้เป็นสิบเท่าเลยหรือ?
ส่วนด้านในระฆังโบราณนี้ แน่นอนว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเหลยตู้ฝ่าได้หายไปตั้งแต่ปtทะกับซุฉินแล้ว ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณแรกกําเนิดล้วนสลายหายไปหมด
“น่าเสียดายนัก”
“ข้าทําได้เพียงสะกดสมบัติล้ําค่าชิ้นนี้เอาไว้ ส่วนการใช้งานจริงๆ จําเป็นจะต้องลบรอยประทับออกไปก่อน”
ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา
สมบัติล้ําค่านี้ได้รับการปรับแต่งโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แม้จะเป็นการปรับแต่งอย่างลวกๆ ก็pyงทิ้งรอยประทับเอาไว้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของรอยประทับ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บุคคลอื่นจะเข้าถึงสมบัติล้ําค่านี้
นิกายเทพเจ้าสายฟ้าอยู่มาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด คนรุ่นก่อนได้รับมอบระฆังเทพสายฟ้ามาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดผู้หนึ่ง และส่งต่อมาจนถึงทุกวันนี้
เป็นเช่นเดียวกับสํานักเอกะวิถีและสํานักผู้วิเศษ
“เซียนเทพปฐพี่คนอื่นๆ แม้แต่เซียนเทพปฐพี่ขั้นสถิตเทพระดับสูงสุด หากอยากจะก่าจัดรอยประทับออกไปจากสมบัติล้ําค่า มันก็ต้องใช้เวลาปรับแต่งอย่างช้าๆนับร้อยปี แต่ข้านั้นแตกต่างออกไป”
“เพียงแค่ปลกทิพยอานาจธาตุไฟอันที่สองขึ้นมาได้ ก็คงพอจะปรับแต่งรอยประทับภายในสมบัติล้ําค่านี้ได้”
ใบหน้าของซูฉินดูครุ่นคิด
ท้ายที่สุดผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่ทิ้งระฆังเทพสายฟ้านี้เอาไว้อาจจะตกตายไปนานแล้ว รอยประทับที่ทิ้งไว้จะสามารถสกัดกั้นการปรับแต่งด้วยทิพยอํานาจธาตุไฟได้อย่างไร?
แน่นอนว่ามองไปทั่วทั้งปฐพีนี้ แม้จะเป็นยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉี คงมีแต่ซูฉินเท่านั้นที่มีความมั่นใจว่าจะกระทําได้
ท้ายที่สุดการปรับแต่งรอยประทับด้วยทิพยอํานาจนั้น แม้จะเป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็ตาม นับเป็นการกระทําที่สิ้นเปลืองอย่างยิ่ง เฉพาะซูฉินซึ่งมีระบบลงชื่อเข้าใช้ จึงทําให้ได้รับทิพยอํานาจที่ทรงพลังมา
เมื่อซูฉินได้รับระฆังเทพสายฟ้ามา เขาก็เตรียมจะนํามันไปตรวจสอบในอนาคต
บรรพชนสํานักผู้วิเศษกลายเป็นเส้นแสงพุ่งเข้ามาหาซูฉิน โค้งคํานับพร้อมกับกล่าวออกอย่างสดุดีว่า
“เจ้าสํานักผู้วิเศษลําดับที่สามสิบหก ขอแสดงความยินดีกับมนุษย์สวรรค์ที่ปราบสมบัติล้ําค่าได้ กลายเป็นผู้ไร้เทียมทานแห่งยุค”
บรรพชนสํานักผู้วิเศษเคยเป็นเจ้าสํานักผู้วิเศษคนที่สามสิบหก เขามีฐานการบ่มเพาะถึงระดับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี แต่ในยามนี้กลับคารวะซูฉินราวกับเป็นข้ารับใช้
ซูฉินสามารถสะกดสมบัติล้ําค่าของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้ ย่อมสามารถสะกดสมบัติล้ําค่าของสํานักผู้วิเศษได้เช่นกัน หากซูฉินต้องการปราบนิกายที่ถือครองสมบัติล้ําค่า แล้วพวกตนไปยั่วยุซูฉิน ชะตากรรมของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าคงเป็นบทเรียนได้อย่างดี
โดยมีบรรพชนสํานักผู้วิเศษเป็นผู้น่า
ในไม่ช้า บรรพชนคนที่สอง คนที่สาม และคนที่สี่จากนิกายใหญ่ต่างก็บินตรงเข้ามาคารวะซูฉินด้วยความเคารพ
“ขอแสดงความยินดีกับมนุษย์สวรรค์ที่ปราบปรามสมบัติล้ําค่าได้ กลายเป็นผู้ไร้เทียมทานแห่ง
ยุค!!!”
จอมยุทธต่างแดนจํานวนมากไม่กล้าเข้ามาใกล้ซูฉินมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงทําได้เพียงยืนอยู่ที่เดิมแล้วโค้งคารวะซูฉินจากระยะไกล ตะโกนออกมาดังลั่น
ชั่วพริบตา ภายใต้ผืนฟ้าผืนดินนี้ จอมยุทธต่างดินแดนจํานวนหนึ่งได้คุกเข่าลงกับพื้น คารวะบูชาราวกับเจอเทพเซียนให้ความเคารพอย่างสูงยิ่ง
จอมยุทธต่างแดนเหล่านี้ล้วนมีความคิดที่ชัดเจนในจิตใจ ไม่ว่าพวกเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่หลังจากวันนี้ วันคืนที่นิกายใหญ่จะได้อยู่ในจุดสูงสุดอาจหายไปตลอดกาล และจะมีมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังที่ยิ่งใหญ่เหนือกว่านิกายใหญ่ทั้งหลาย กลายเป็นจ้าวพิภพ
ซูฉินผู้ที่ได้รับการคารวะจากจอมยุทธต่างดินแดนจํานวนนับไม่ถ้วน ไม่ได้แสดงอาการใดออกมา เพียงโบกมือแล้วพูดว่า “ทุกคนจงลุกขึ้นแล้วกลับไปเถอะ”
ไม่ว่าเมื่อใด ซูฉินก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นคือรากฐาน หากไม่ใช่เพราะเขาปราบสมบัติล้ําค่าและทําลายนิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้ ในตอนนี้จอมยุทธต่างดินแดนก็คงยังไม่รู้ตัวว่าพวกตนอยู่ในจุดไหน จะมาเคารพบูชาซูฉินอย่างตอนนี้ได้อย่างไร?
“พวกเจ้าก็ออกไปด้วย”
“แผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่เป็นของอาณาจักรถัง”
“นิกายใหญ่ของพวกเจ้าสามารถเข้าไปภายในได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของราชวงศ์ถัง” ซูฉินกวาดตามองบรรพชนนิกายใหญ่ทั้งหลาย
“รับคําสั่งมนุษย์สวรรค์
เมื่อบรรพชนสํานักผู้วิเศษได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกยินดียิ่งและรีบคารวะอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ซูฉินพูดหมายความว่าเขาจะไม่ขัดขวางการเข้าสู่แผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ ของนิกายใหญ่
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าโอกาสส่วนใหญ่ในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ จะตกอยู่ในกํามือของซูฉิน แต่นิกายใหญ่ของพวกเขาก็จะได้ดื่มน้ําซุปที่เหลือเช่นกัน ซึ่งดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
บางที่หากซูฉินเห็นคุณค่าของพวกเขาในอนาคต อาจจะได้ของรางวัลอะไรบ้าง ซึ่งอาจจะทําให้ความรุ่งเรื่องนั้นทะยานขึ้นสู่ฟ้าก็เป็นได้
“ในเมื่อพวกเจ้าเข้าใจทุกสิ่งแล้ว ก็เชิญออกไปได้”
ซุฉินกล่าวออกเบาๆ
เขาไม่สนว่าศิษย์นิกายใหญ่จะเข้ามาในอาณาจักรถังหรือไม่ ท้ายที่สุดอาณาจักรถังก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับกระแสปราณที่ฟื้นฟูให้ได้อย่างรวดเร็ว วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือให้นิกายใหญ่เหล่านี้เข้ามา
การอนุญาตให้นิกายใหญ่ทั้งหลายเข้าร่วมกับอาณาจักรถัง และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น จึงจะทําให้อาณาจักรถังแข็งแกร่งขึ้นได้เร็วที่สุด
“ขอรับ”
เหล่าบรรพชนมองหน้ากันและออกจากเกาะเทพเจ้าสายฟ้าไปในทันที
จนกระทั่งทุกคนออกมาจากเกาะเทพเจ้าสายฟ้าจนหมด ซูฉินก็มองเข้าไปยังใจกลางเกาะเทพเจ้าสายฟ้า
“นิกายเทพเจ้าสายฟ้าสืบทอดมรดกมานับหมื่นปี ไม่ว่าจะเป็นรากฐานหรือสิ่งอื่นๆ ก็ย่อมยอดเยี่ยมกว่าพรรคหมื่นดาบมาก”
“ด้วยเหตุนี้ เต๋สะสม ที่กักเก็บเอาไว้คงจะมากเพียงพอ”
ความหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ซูฉินไม่เคยลืมว่านอกจากจะวางแผนมาคิดบัญชีกับนิกายเทพเจ้าสายฟ้าแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งคือการมาลงชื่อเข้าใช้เพื่อรับของรางวัลจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าแห่งนี้
แม้แต่พรรคหมื่นดาบซึ่งสืบทอดมรดกมาสี่พันกว่าปียังให้ผลประโยชน์มากมายแก่ซูฉิน นิกายเทพเจ้าสายฟ้ามีหรือจะไม่ให้มากยิ่งกว่า?
“โอกาสสําหรับการลงชื่อเข้าใช้ทั้งหมดในช่วงนี้ จะต้องเอามาใช้ที่นี่”
ซฉินขบคิดอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินเข้าไปในส่วนลึกของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า