บทที่ 235 การกลับมาอย่างเต็มกำลัง
ชายชราผอมแห้งผมขาวโพลนนั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าเต็มไปด้วยจุดด่างดำตามวัย กำลังใช้แขนทั้งสองข้างหมุนล้อรถเข็นออกมาจากในบ้าน
การเคลื่อนไหวของเขาไม่รวดเร็วนัก แต่แขนกลับมั่นคงมาก ทุกครั้งที่ออกแรงไม่มีอาการสั่นเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นหลักฐานว่าเขาไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เห็นภายนอก
หวังชงปล่อยมือแล้วคำนับชายชราบนรถเข็น พูดว่า “ลุงเฟิง อย่าได้ถือสาเลยนะครับ”
ลุงเฟิงโบกมือ พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ให้เธอนั่งเถอะ เก้าอี้ทำมาก็เพื่อให้คนนั่งอยู่แล้ว เพียงแต่ฉันเคลื่อนไหวไม่สะดวก จึงไม่ได้ทำความสะอาด ถึงเวลาพวกเธอคงจะขำเยาะเอาได้”
หวังชงเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก พูดตรงประเด็นว่า “ลุงเฟิง สองคนนี้มาซื้อสมุนไพร ที่ร้านผมไม่มีของ จึงพามาที่นี่ครับ”
ลุงเฟิงเห็นเขาก็เดาได้แล้ว จึงถามว่า “จะซื้อยาอะไร บอกมาให้ฉันฟังหน่อย”
หวังชงหยิบรายการที่เขียนไว้ก่อนหน้าออกมา แล้วอ่านขึ้น
ลุงเฟิงหรี่ตาพิงรถเข็น ฟังจบแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง เงยหน้ามองไปที่ประตูทางเข้าที่เหอเจ๋อยืนอยู่ แล้วพูดว่า “ยาพวกนี้หลากหลายเกินไป มีหลายอย่างที่นี่ก็ไม่มีของพร้อมส่ง ถ้าจะรวบรวมให้ครบทั้งหมด คงต้องใช้เวลาประมาณสามวัน ส่วนราคาก็สิบสองล้านหยวนก็แล้วกัน”
โจวอู่หังที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ได้ยินตัวเลขนี้ ก็อดอ้าปากค้างไม่ได้ หวังชงยิ่งไม่ปิดบังความร้อนรนในดวงตา เขาทำงานมาหลายปี ก็ยังไม่เคยทำเงินได้ถึงเศษเสี้ยวของครั้งนี้
เหอเจ๋อคำนวณในใจเงียบ ๆ จากประสบการณ์ซื้อยาปรุงผลโลหิตครั้งก่อน ราคาที่อีกฝ่ายเสนอมานั้นไม่ถือว่าถูก หลายอย่างแพงกว่าราคาที่ตระกูลจางให้มาถึงสองส่วน
น่าเสียดายที่ครั้งที่แล้วเขาฆ่าหมอยา แม้จนถึงตอนนี้ตระกูลจางก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร แต่ถ้าเขาไปหาพวกนั้นเอง ก็อาจถูกมองว่าเป็นการเดินเข้ากับดัก ดังนั้นแพงหน่อยก็ต้องจำใจยอมรับ
อย่างไรก็เป็นเงินของซากาตะ ทาคาโยชิทั้งนั้น จ่ายไปก็ไม่เจ็บใจอะไร
เหอเจ๋อปลอบใจตัวเองแล้วถามคำถามที่สนใจที่สุด
“รับรองได้ไหมว่าจะมีครบ?”
“น่าจะไม่มีปัญหา เพียงแต่บางอย่างอาจมีจำนวนน้อยหน่อย”
“ตกลง”
เหอเจ๋อตัดสินใจทันที จริง ๆ แล้วก่อนมาวันนี้เขาไม่ได้คิดว่าจะหาซื้อได้ครบในครั้งเดียว ผลลัพธ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดคิดแล้ว
แม้ว่าราคาจะแพงไปหน่อย แต่ของดีต้องใช้เงิน เงินที่ควรจ่ายก็ต้องจ่าย
ลุงเฟิงดูเหมือนไม่คาดคิดว่าคนหนุ่มตรงหน้าจะตกลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ใบหน้าเหี่ยวย่นแสดงรอยยิ้มที่ดูไม่สวยงามนัก “ตกลงตามนี้ อีกสามวันเราจะแลกเปลี่ยนเงินและสินค้าพร้อมกัน”
หลังจากออกจากร้านเก่า ๆ นั้น เหอเจ๋อ ครุ่นคิดอย่างมีนัยสำคัญ เหลือบมองหวังชงที่ยังคงตื่นเต้น แล้วถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “ลุงเฟิงนี่มีที่มาอย่างไรเหรอ ผมต้องการของมากมายขนาดนั้น แต่เขาก็หามาได้”
หวังชงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ตอบว่า “มังกรซ่อนตัว ลุงเฟิงมีเส้นสายถึงสวรรค์เลยนะ อย่างน้อยจากที่ผมได้ยินคนแก่ในตลาดเล่า ถ้าคุณมีเงินพอ ไม่มีอะไรที่เขาหามาไม่ได้”
“อย่างนี้นี่เอง” เหอเจ๋อพลางพึมพำอย่างครุ่นคิด
เขากำลังจะถามต่ออีกสองสามประโยค ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น เขาสะดุ้งเล็กน้อย แต่เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นเบอร์ เขาก็โล่งอก โบกมือให้คนทั้งสองเดินไปก่อน ส่วนตัวเองหาที่เงียบ ๆ แล้วรับสาย
“ผู้เฒ่าหวง ทำไมถึงนึกจะโทรหาผมล่ะ มีอะไรจะสั่งสอนหรือไง”
หวงเทียนเหยากลอกตาที่ปลายสาย เขาแก่จนเจนโลก จะไม่ได้ยินน้ำเสียงเย้ยหยันแฝงอยู่ได้อย่างไร จึงพูดอย่างไม่พอใจว่า [สั่งสอนอะไรกัน ฉันไม่กล้าหรอก เจ้าหนูนี่ตอนนี้ประสบความสำเร็จแล้ว ทั้งวงการแพทย์แผนจีน ตอนนี้ชื่อของนายโด่งดังไปทั่ว ยาบำรุงไป๋เฉ่ากลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ว่ากันว่าช่วยกู้วงการแพทย์แผนจีนแล้ว]
“ไม่กล้ารับคำชมหรอกครับ ไม่กล้าจริง ๆ ล้วนแต่เป็นคำพูดของพวกตามกระแสทั้งนั้น ถ้าพูดถึงระดับความสามารถ ผมยังห่างไกลจากอาจารย์อีกมาก” เหอเจ๋อไม่รู้ว่าตาเฒ่านี่คิดอะไรอยู่ ไม่กล้าตอบรับ จึงถือโอกาสประจบเสียเลย
หวงเทียนเหยาดูเหมือนจะพอใจมาก ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาพบว่า เหอเจ๋อไม่ได้หลงตัวเองลืมตัว หินก้อนใหญ่ในใจจึงตกลงไป เขาจึงพูดอย่างอวดอ้างความแก่ว่า [อย่าหาว่าตาแก่คนนี้พูดมากเลยนะ ในฐานะผู้อาวุโส ฉันขอเตือนนายด้วยประสบการณ์ชีวิตอันมากมาย การมุ่งมั่นพยายามนั้นถูกต้องแล้ว แต่บางครั้งถ้าก้าวยาวเกินไป ก็อาจจะเจ็บตัวได้]
“ผมรู้ตัวดีครับ ช่วงนี้ผมกำลังคิดจะไปหาอาจารย์พอดีเลย ผมมีของอย่างหนึ่งในมือ รับรองว่าอาจารย์ต้องสนใจแน่”
[เฮ้อ เจ้าหนูนี่เรียนรู้ที่จะหยอกล้อคนแก่อย่างฉันแล้วสินะ น่าเสียดายที่ตอนนี้ฉันตัดขาดจากกิเลศแล้ว นายจะเอาอะไรมาก็ไม่มีประโยชน์หรอก]
“โธ่ แกล้งเก่งจริง ๆ งั้นผมจะบอกใบ้ให้หน่อย เป็นเรื่องเกี่ยวกับ HIV บางทีมันอาจจะไม่ใช่โรคที่รักษาไม่ได้…”
ตึง!
เหอเจ๋อพูดได้ครึ่งเดียว ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นจากในหูโทรศัพท์ ตามด้วยเสียงของหวงจิงจิงที่ฟังดูตกใจเล็กน้อย
[คุณปู่เป็นอะไรไหมคะ ทำไมอยู่ ๆ ถึงตกจากเก้าอี้ล่ะ]
เหอเจ๋อหัวเราะในใจ รีบวางสาย แล้วบล็อคเบอร์นั้นทันที ทำให้หวงเทียนเหยาโวยวายลั่น จนไม่ได้กินข้าวกลางวัน
เหอเจ๋อแก้แค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ รู้สึกสะใจ ฮัมเพลงเบา ๆ เดินย้อนกลับไปที่ร้านของหวังชง เตรียมจะเอาของแล้วไป แต่พอเดินมาถึงหน้าประตู เขาก็ได้ยินเสียงประหลาด
“ฉันจ่ายเงินแล้ว ตอนนี้มันเป็นของฉัน ก่อนหน้านี้เธอไปไหนมา ถอยไปอีกก้าว ในเมื่อเธอเห็นแล้วทำไมไม่จ่ายเงินล่ะ กฎมาก่อนได้ก่อนเธอไม่รู้หรือไง อย่ามาพูดเหลวไหลที่นี่ รีบไปให้พ้น ฉันยังยุ่งอยู่”
โจวอู่หังหน้าซีดด้วยความโกรธ เหมือนแมวตัวน้อยที่ถูกเหยียบหาง ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน เธอพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “คุณนี่ช่างไม่มีเหตุผลเลย อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะ คุณหยิบมันออกมาจากห่อที่ฉันจัดเตรียมไว้แล้ว นี่ถือว่าเป็นการขโมย”
“ขโมย?”
หญิงวัยกลางคนรูปร่างเตี้ย หัวเราะเยาะอย่างดูถูก ชูแหวนหยกในมือขึ้น พูดเสียงแหลมว่า “รู้จักของชิ้นนี้ไหม เธอคิดว่าฉันซื้ออะไรไม่ได้หรือไงถึงต้องมาขโมย เด็กน้อย ฉันไม่อยากเสียเวลากับเธอ ปิงปิงรอฉันอยู่ รีบหลีกไป ไม่งั้นอย่าโทษว่าฉันไม่สุภาพนะ”
โจวอู่หังยังคงดื้อดึง เธอกอดอก ยืนขวางประตูอย่างดื้อดึง แล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ถ้าไม่คืนหญ้าหิ่งห้อยให้ฉัน วันนี้คุณอย่าคิดจะออกไปไหน”
“เธอกล้าดียังไงมาขัดคำสั่งฉัน!” หญิงอ้วนโกรธจัด ความโกรธพลุ่งพล่านในใจ ความชั่วร้ายผุดขึ้นมาในความคิด เธอยกแขนขึ้นและตบเข้าที่หน้าโจวอู่หังอย่างแรง
MANGA DISCUSSION