บทที่ 214 ชื่อไห่
“ไข่มุกเม็ดเล็กอยากจะแข่งแสงกับดวงจันทร์งั้นเหรอ เด็กน้อยที่ขนยังไม่ขึ้นเต็มตัว ยังคิดจะมาต่อกรกับฉัน ช่างไม่รู้จักประมาณตัวเสียเลย”
หานสื่อพึมพำอย่างสบายใจ แล้วขมวดคิ้วพูดว่า “ได้ยินว่าในหุบเขาเพิ่งจัดงานประชุมอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าคนแก่หัวโบราณพวกนั้นกำลังวุ่นวายอะไรกันอยู่ ทำให้ฉันต้องเสียเงินอีก…”
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เลขาเปิดประตูเข้ามาแล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณหม่ารุ่ยมาแล้วครับ”
พอได้ยินชื่อนี้ ดวงตาของหานสื่อก็เป็นประกายขึ้นมาทันที จิตใจฮึกเหิมขึ้นมาในทันใด เขายิ้มแล้วพูดว่า “ก็ว่าทำไมตาขวาถึงได้กระตุกอยู่ตลอด ที่แท้ก็เทพเจ้าแห่งโชคลาภมาเยือนนี่เอง เร็วเข้า ชงชาอย่างดีที่ฉันเอากลับมาเมื่อคราวก่อนสองถ้วยแล้วนำมาเสิร์ฟด้วย”
ไม่นานนัก ชายร่างกำยำที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็เดินเข้ามา ในมือถือถุงหนังงูสีดำ พอเห็นหน้ากันก็อดบ่นไม่ได้ “ประธานหาน คุณทำอะไรลงไป ทำไมถึงได้เกิดข้อผิดพลาดใหญ่โตขนาดนี้?”
ถ้าเหอเจ๋ออยู่ในที่นี้ คงจะร้องตกใจออกมาทันที ชายหน้าแผลเป็นคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหม่ารุ่ยผู้บริหารระดับสูงของชื่อไห่นั่นเอง!
หานสื่อยิ้มพูดว่า “แค่อุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่คิดว่าจะทำให้พวกคุณต้องตื่นตระหนกถึงเพียงนี้ ขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ แต่ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว วางใจได้เลยครับ มาลองชิมชาอย่างดีที่ผมเตรียมไว้ให้คุณโดยเฉพาะก่อน”
หม่ารุ่ยยกถ้วยชาขึ้นจิบ อารมณ์ร้อนก็สงบลงบ้าง เขาพูดว่า “ประธานหานอย่าได้ตำหนิที่ผมใจร้อน เรื่องของหวงฉีซานนั้นสำคัญมาก ผมจึงอดให้ความสำคัญไม่ได้”
“ฮ่า ๆ ๆ หรือว่าพวกคุณยังไม่เชื่อใจในความสามารถของผม”
หม่ารุ่ยยิ้มกว้าง ทันใดนั้นกลิ่นอายแห่งความดุร้ายก็แผ่ออกมา เขาเอ่ยปากพูดว่า “อย่าว่ากันเลยที่ผมระแวง พูดตรง ๆ เลยก็คือปฏิบัติการแรกของชื่อไห่ก็พลาดท่าให้กับเด็กคนนี้ ดังนั้นผมจึงต้องระวังเป็นพิเศษ”
ดวงตาของหานสื่อฉายแววพึงพอใจ และพูดว่า “ในตำราพิชัยสงครามซุนวูมีคำกล่าวว่า ยุทธิศาสตร์ชั้นยอดคือการเอาชนะใจคน รองลงมาคือการโจมตีด้วยการทูต และรองลงมาอีกคือการโจมตีด้วยกำลัง การโจมตีทางร่างกายไม่ได้นับว่าเป็นอะไร ครั้งนี้ผมจะทำลายจิตใจของเขาอย่างราบคาบ การโจมตีจากครอบครัวและเพื่อน จะต้องสร้างบาดแผลลึกที่สุดให้กับเขาอย่างแน่นอน เขาจะไม่มีวันมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก”
หม่ารุ่ยฟังแล้วพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี แต่ขออภัยที่ผมต้องพูดอีกสักหน่อย หวงฉีซานมีความสำคัญอย่างมากต่อชื่อไห่ ข่าวนี้ห้ามเปิดเผยให้องค์กรอื่นรู้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”
หานสื่อหัวเราะ พูดอย่างมั่นใจว่า “พวกเราร่วมมือกันมานานแล้ว ผมเคยทำให้พวกคุณผิดหวังงั้นเหรอ”
“เมื่อประธานหานมั่นใจเช่นนี้ ผมก็จะไม่ปิดบังอะไรแล้ว” หม่ารุ่ยยื่นมือหยิบถุงดำที่อยู่ข้างเท้าขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วพูดว่า “นี่คือสิ่งที่คุณขอมา ครบทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง”
ดวงตาของหานสื่อเป็นประกายขึ้นมาทันที เขามองสิ่งของในถุงดำแล้วรู้สึกดีใจยิ่งกว่าเห็นพ่อแม่เสียอีก หัวเราะแล้วพูดว่า “ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน”
……
หลังจากที่หยางเฟิงและเฝิงซือรุ่ยออกมาจากสถานีตำรวจ ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน
หยางซยงเห็นลูกชายกลับมา ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก รีบเข้าไปกอดเขาแล้วพูดอย่างซาบซึ้งว่า “ผู้บังคับบัญชาหวังเก่งจริง ๆ กลับมาเร็วขนาดนี้เลย”
หยางเฟิงฟังแล้วงุนงง เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ถามอย่างแปลกใจว่า “ผู้บังคับบัญชาหวังอะไรกัน ประธานหานต่างหากที่ช่วยเจรจาให้พวกเราได้ออกมา”
หยางซยงแค่นเสียงหัวเราะ พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่ต้องไปฟังมันพูดเหลวไหลหรอก ตาแก่นั่นมันพูดดีอย่างเดียว แต่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะผู้บังคับบัญชาหวังช่วยไว้ เรื่องนี้คงวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว”
หยางเฟิงก็เริ่มสงสัย นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกหลอก
หยางซยงจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นทั้งหมด
หยางเฟิงยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล จึงอดถามไม่ได้ว่า “หน้าตาของชายหนุ่มคนนั้นเป็นยังไง?”
หยางซยงคิดสักครู่แล้วตอบว่า “ตัวสูง หน้าตาหล่อเหลาดี แม้จะดูไม่ค่อยแข็งแรง แต่ทั้งตัวล้วนเป็นกล้ามเนื้อ คนแบบนี้แหละที่ยากจะเอาชนะที่สุด”
หยางเฟิงรู้สึกไม่ดีขึ้นมาในใจ แต่ก็หวังว่าจะไม่ใช่คนนั้น จึงเปิดโทรศัพท์ค้นหาคำสำคัญสักพัก แล้วพบรูปภาพหนึ่ง จึงส่งให้หยางซยงดู แล้วถามว่า “ใช่คนนี้หรือเปล่า?”
หยางซยงพิจารณาอย่างละเอียดแล้วยิ้มตอบว่า “ใช่แล้ว แม้จะมีความแตกต่างเล็กน้อย แต่ฉันมั่นใจว่าเป็นเขา”
หยางเฟิงรู้สึกหน้ามืด เกือบจะเป็นลม
เมื่อเห็นสีหน้าลูกชายผิดปกติ หยางซยงรีบถามว่า “เป็นอะไรไป มีอะไรไม่ชอบมาพากลเหรอ?”
หยางเฟิงหน้าเศร้าบอกว่า “พ่อ นี่มันเหอเจ๋อ มันนี่แหละที่เป็นคนจับผมเข้าคุก!”
“อะไรนะ!”
หยางซยงอ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
หยางเฟิงทำหน้าเหมือนคนสิ้นหวัง พูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “ที่สำคัญคือ ถ้าประธานหานรู้เข้า เขาต้องจัดการพวกเราแน่ ๆ แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ”
นึกถึงภาพการลงโทษคนทรยศที่เคยเห็นมา เขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาตามแผ่นหลังทันที
หยางซยงผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เจอเรื่องใหญ่มาเยอะ จึงสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น…เราฆ่าปิดปากมันซะเลยเป็นไง!”
เขาทำมือเป็นรูปมีดฟันลงไป
หยางเฟิงแสดงท่าทีสนใจ แต่แล้วก็ส่ายหน้าพูดว่า “เหอเจ๋อไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย เขาเป็นคุณชายของบริษัทภาพยนต์เหอ ถึงเหอหย่งฝูจะดูเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด แต่เขาเจ้าเล่ห์มาก ถ้าเราทำให้เขาโกรธ พวกเราคงแย่แน่”
พอแผนแรกไม่สำเร็จ หยางซยงก็คิดแผนใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เราก็โยนความผิดให้คนอื่นไปเลยเป็นไง”
“พ่อหมายความว่ายังไง?”
“ฮ่า ๆ ๆ เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเถอะ รับรองว่าครั้งนี้พวกเราจะรอดพ้น บางทีอาจจะได้ความดีความชอบ ได้รางวัลด้วยก็ได้”
……
หลังจากทะเลาะกับครอบครัว เหอเจ๋อย่อมไม่สามารถกลับไปที่บ้านหลังใหญ่ของตระกูลเหอได้ชั่วคราว เขาจึงตัดสินใจกลับไปอยู่อะพาร์ตเมนต์ที่เคยเช่าอยู่กับกวนหลิง อย่างน้อยก็มีที่พักพิงชั่วคราว
เมื่อมองดูห้องที่ถูกทำความสะอาดจนสะอาดเอี่ยม เขารู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง ที่นี่เองที่เขาเคยบีบคั้นสามีภรรยาตระกูลเติ้ง ใครจะคิดว่าวันนี้จะมาถึงตัวเขาเองที่ต้องลำบาก
กวนหลิงเห็นเขาจ้องมองห้องเขม็งโดยไม่พูดอะไร ใบหน้าสวยของเธอแดงระเรื่อขึ้นมา เธอพูดอย่างไม่มั่นใจว่า “เอ่อ… เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนมาเช่าห้อง ฉันเลยทำความสะอาดสักหน่อย อย่าเข้าใจผิดนะ”
MANGA DISCUSSION