บทที่ 208 เบาะแสแรกปรากฏ (1)
เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง โรงงานผลิตยาก็เงียบสงบลง เสียงกริ่งดังขึ้นในคฤหาสน์หรูหราที่เงียบสงัด
ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมดูเหมือนเศรษฐีรับโทรศัพท์ เขาฟังรายงานจากโทรศัพท์อย่างตั้งใจ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดเสียงเรียบว่า “ดำเนินการตามแผนเดิมที่วางไว้”
เสียงในโทรศัพท์ตอบรับ แล้วพูดอย่างลังเลต่อว่า “เอ่อ…คุณหนูออกไปกับเหอเจ๋อแล้วครับ”
“อะไรนะ!”
ชายวัยกลางคนที่มีชื่อเสียงว่าไม่แสดงอาการตกใจแม้ภูเขาถล่มตรงหน้า ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เขาด่าออกมาว่า “พวกแกทำงานกันยังไง แม้แต่คุณหนูก็ดูแลไม่ได้! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอแม้แต่นิดเดียว ต่อให้พวกแกตัดหัวตัวเองมาชดใช้ก็ไม่พอ!”
เสียงจากปลายสายสั่นเครือ พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า “แต่คุณหนูใช้ยาสลบ พวกเราทำอะไรไม่ได้จริง ๆ ครับ”
ชายวัยกลางคนเงียบไปครู่หนึ่ง ถอนหายใจแล้วพูดว่า “พวกแกทำตามแผนเดิมไปก่อน เรื่องนี้ฉันจะรับผิดชอบเอง ฉันจะหาทางให้เขาออกไปเอง”
หลังจากวางสาย ชายวัยกลางคนนั่งลงบนโซฟาครุ่นคิด พึมพำว่า “ปล่อยให้พวกเขาสองคนได้พบกัน ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้ายกันแน่”
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่อง พืชพรรณที่หลับใหลตลอดคืนตื่นขึ้นมา เมืองที่เงียบสงบก็เริ่มคึกคักขึ้นมาด้วย
แม้ร่างกายของเหอเจ๋อจะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเพียงเนื้อหนังไม่ใช่เหล็กกล้า หลังจากวุ่นวายจนดึกดื่น พลังงานก็ถูกใช้ไปมาก เขาหลับยาวจนสายแล้วค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พอลืมตาขึ้นก็เห็นร่างที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ จึงถามอย่างแปลกใจ “ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
จางเหวินฉีเงยหน้าขึ้นนวดคอที่ปวดเมื่อย เธอหาวแล้วพูดว่า “นายกลับมาดึกมาก แถมยังพาเด็กผู้หญิงกลับมาด้วย ฉันก็เลยมาหานายเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์น่ะ”
เหอเจ๋อรู้สึกปวดหัวกับการมาโดยไม่ได้รับเชิญแบบนี้ เขาคว้าเสื้อมาสวมแล้วเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนคร่าว ๆ
“ยาหวงฉี? ทำลายโรงงานผลิตยา?” จางเหวินฉีตาโต ไม่คิดว่าแค่นอนหลับไปคืนเดียวจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ ฟังดูเหมือนความฝันเลย
เหอเจ๋อยักไหล่พูดว่า “ผมตั้งใจจะส่งเธอไปอยู่ที่ร้านยาเทียนเซิ่งจู คราวก่อนผู้เฒ่าหวงยังบ่นกับผมว่าร้านขาดคน คราวนี้ตาแก่นั่นต้องขอบคุณผมให้ดี ๆ แล้วล่ะ”
จางเหวินฉีกลอกตาไปมา พูดเสียงหวานว่า “น้องชายที่รัก เราคุยกันหน่อยได้ไหม?”
เหอเจ๋อขนลุก รีบพูดว่า “พี่ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก มีอะไรก็พูดตรง ๆ เลย”
จางเหวินฉีหัวเราะคิกคัก ไม่ปิดบังอีกต่อไป “ฉันเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นหน้าตาก็ดี บุคลิกก็ใช้ได้ แค่แต่งตัวนิดหน่อย รับรองว่าเป็นดาราแถวหน้าได้แน่”
เหอเจ๋อฟังแล้วหน้าดำ พูดอึกอักว่า “เรื่องนี้ต้องดูความต้องการของโจวอู่หังเองด้วย ถ้าเธอไม่อยากทำ เราก็บังคับไม่ได้”
“ฮ่า ๆ ๆ ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนไม่อยากเป็นดาราดังหรอก” จางเหวินฉียิ้มอย่างมั่นใจ พูดอย่างไม่ใส่ใจ
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงอันโหดร้ายก็ได้ให้บทเรียนแก่เธออย่างรวดเร็ว
“เธอบอกว่าไม่ต้องการงั้นเหรอ?” จางเหวินฉีถามด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “เธอไม่อยากได้ยินเสียงเรียกของแฟนคลับในทุกที่ที่ไปเหรอ ไม่อยากได้รับสายตาชื่นชมจากทุกคนเหรอ?”
โจวอู่หังพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์สอนฉันให้ทำสิ่งที่มีความหมายต่อสังคม ฉันไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของอาจารย์ได้”
“เสียงร้องเพลงและรูปลักษณ์ของเธอสามารถทำให้คนส่วนใหญ่มีความสุข นั่นไม่ใช่สิ่งที่มีความหมายหรอกเหรอ?”
“แต่มันต่างอะไรกับการแสดงละครลิง”
จางเหวินฉีมักมีไหวพริบในการโต้เถียง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เหอเจ๋อเห็นเธอจนมุมอย่างหาได้ยาก จึงหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
“หัวเราะบ้าอะไร ปัญหาที่นายสร้างขึ้นมาก็แก้เองสิ!” จางเหวินฉีจ้องเขาอย่างดุดัน พูดทิ้งท้ายอย่างโกรธ ๆ แล้วเดินจากไปอย่างหงุดหงิด
เหอเจ๋อส่ายหัว มองโจวอู่หังที่ยังง่วงงุน แล้วพูดว่า “เธอพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งเปิดร้านขายยา เธอก็รู้เรื่องการแพทย์บ้าง ไปช่วยเขาทำงานสิ อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน”
โจวอู่หังทำปากยื่น ส่ายหัว พูดอย่างดุดันว่า “ฉัน… เด็กสาวอย่างฉันต้องทำเรื่องที่มันยิ่งใหญ่สิ จะไปทำงานรับจ้างได้ยังไง”
“ทำเรื่องยิ่งใหญ่ เช่นอะไรล่ะ?”
“เช่น…”
โจวอู่หังชะงักไป ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างหงอย ๆ ราวกับลูกโป่งที่แฟบลง “ฉันกำลังคิดแผนอยู่นี่ไง ถ้าคิดออกแล้วจะบอกคุณเอง”
“คิดแผน? แล้วจะใช้เวลานานแค่ไหนล่ะ หนึ่งเดือนหรือครึ่งปี?” เหอเจ๋อแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
โจวอู่หังโกรธ พูดอย่างโมโหว่า “อย่ามาดูถูกฉันนะ ภายในหนึ่งอาทิตย์ฉันจะทำให้คุณได้เห็นแผนของฉันแน่”
เหอเจ๋อพูดอย่างตรงไปตรงมา “ได้ งั้นเรามาตบมือสัญญากัน พูดแล้วต้องทำ ใครผิดคำพูดคนนั้นเป็นหมา!”
“ตกลง!”
โจวอู่หังยื่นมือออกไปตบมือกับเขา จากนั้นก็หาว พูดอย่างขี้เกียจว่า “ฉันง่วงมาก จะกลับไปนอนต่อ อย่ามารบกวนฉันถ้าไม่มีธุระ”
“ได้ครับ คุณหนูพักผ่อนเถอะ ถ้าหิวก็ไปที่ห้องครัวได้เลยนะครับ” เหอเจ๋อพูดประชด
“ฉันรู้แล้ว ไปได้แล้ว”
เหอเจ๋อ “……”
จางเหวินฉีที่เพิ่งลงมาจากชั้นบนเพื่อทานอาหารเช้า ได้ยินเสียงร้องโหยหวน เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเข้าใจ พลางส่ายหน้าพูดว่า “เด็กสมัยนี้ ช่างเต็มไปด้วยพลังจริง ๆ”
เหอเจ๋อจัดการสั่งสอนเด็กสาวจนพอใจ แล้วไปที่ห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้า
ด้วยความสำเร็จของรายการ ‘การผจญภัยสุดหรรษา’ ที่ออกอากาศในช่วงที่ผ่านมา บริษัทภาพยนต์เหอก็เติบโตเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างรวดเร็ว และได้ใช้โอกาสนี้เริ่มขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศแล้ว
เหอหย่งฝูยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ เมื่อวานทำงานจนดึกดื่น แล้วนอนค้างที่บริษัทโดยไม่ได้กลับบ้าน เมื่อเห็นโต๊ะอาหารเช้าที่ว่างเปล่า เหอเจ๋อก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้
หลังทานอาหารเสร็จ เขาไม่ได้อยู่เฉย แต่หารถสีดำคันหนึ่งที่ดูไม่โดดเด่นนัก แล้วมาที่สถานีตำรวจ
ที่สถานีตำรวจ เขาพบกับโอวเทียนเหิงที่นั่งหาวอยู่
“เป็นยังไงบ้างครับ สอบสวนได้อะไรบ้างไหม?” เขาถามอย่างร้อนใจทันทีที่เจอกัน
โอวเทียนเหิงที่ทำงานมาทั้งคืนดูเหนื่อยล้า เอามือทั้งสองข้างมาอังไอร้อนแล้วนวดหน้าตัวเอง ยิ้มอย่างขมขื่นพลางพูดว่า “คุณลองดูเองก็แล้วกัน”
MANGA DISCUSSION