บทที่ 98 สมุดเล่มเล็กของอาจารย์
“แต่ละคนมีความคิดเรื่องความสุขแตกต่างกัน ผมคิดว่าผมพูดชัดเจนแล้วนะ” เหอเจ๋อกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ท่าทีแน่วแน่
เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว หวังหนานรู้ชัดว่าครั้งนี้เธอมาเสียเที่ยว เธอเหลือบมองกวนหลิงที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อีกสามวันก็ถึงวันขึ้นศาล หวังว่าตอนนั้นพวกคุณจะยังปลอดภัยดีอยู่”
…
ครั้งนี้ กวนหลิงเหนื่อยจนถึงขีดสุด หลับยาวตั้งแต่บ่ายจนถึงเที่ยงวันของอีกวัน จนถูกปลุกด้วยกลิ่นหอมหวนที่ลอยมาแตะจมูก
พอดีกับที่เหอเจ๋อกำลังเดินถือจานอาหารออกมาจากครัว เห็นว่าเธอตื่นแล้วจึงพูดแซวว่า “หลับเป็นตายจริง ๆ เลยนะ ถ้าฉันแอบพาตัวเธอไปขายที่แอฟริกา เธอก็คงไม่รู้เรื่องสินะ”
กวนหลิงเบะปากยื่นเล็บขู่ฟ่อ ๆ “ถ้าอย่างนั้นคุณยายคนนี้ก็จะฆ่าฟันให้เกลี้ยงแล้วออกมาจากแอฟริกา กลับมาคิดบัญชีกับนายแน่”
พูดจบก็ทำท่าทางฟันดาบฟาดฟันไปมา
โครกคราก!
แต่ในตอนนี้ ท้องที่หิวโซมาทั้งวันทั้งคืนก็ร้องประท้วงขึ้นมาอย่างไม่ยอมร่วมมือด้วย
เหอเจ๋อแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าลำบากใจของกวนหลิง เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เธอรีบมากินข้าวเถอะ คนเราขาดข้าวไม่ได้ กินอิ่มก่อนค่อยว่ากัน”
กวนหลิงนั่งลง เหอเจ๋อทำอาหารอร่อย เธอเคยกินแล้วจึงไม่ต้องกังวลเรื่องรสชาติ เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังกินข้าวเสร็จ เหอเจ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเล่าเรื่องที่หวังหนานมาหาให้กวนหลิงฟัง
กวนหลิงฟังจบ สีหน้าดูเคร่งขรึม เธอพูดอย่างเสียใจว่า “ขอโทษด้วยนะ เรื่องนี้ทำให้นายต้องมาเดือดร้อน พวกมันทั้งสามตระกูลคงไม่ยอมง่าย ๆ แน่ คงต้องมาแก้แค้น”
“ถ้าศัตรูมา เราก็รับมือ ปัญหามีไว้ให้แก้ ฟ้าถล่มยังมีคนสูงกว่าค้ำอยู่” ท่าทางมองโลกในแง่ดีและผ่อนคลายของเหอเจ๋อทำให้กวนหลิงคลายคิ้วที่ขมวดมุ่นลงเล็กน้อย เธอพูดว่า “ยังไงซะตอนนี้ก็มีนายที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้อยู่แล้ว ถ้าพวกมันจะมาแบบตรง ๆ คงไม่เป็นผลหรอก…”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาของเธอเป็นประกาย ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ เธอพูดจาหว่านล้อมว่า “ในเมื่อตอนนี้พวกเราก็ถูกเพ่งเล็งแล้ว กำจัดให้สิ้นซากไปเลยดีไหม”
“เธอหมายความว่าไง”
กวนหลิงตบโต๊ะดังปัง พูดอย่างองอาจว่า “ที่แก๊งสามพิษอาละวาดมานานหลายปีได้ ก็เพราะมีคนหนุนหลังอยู่ต่างหาก เท่าที่ฉันรู้ ประวัติของทั้งสามตระกูลนี้ก็ไม่ค่อยสะอาด ถึงแม้ครั้งนี้เราจะเอาผิดแก๊งสามพิษได้ แต่นั่นก็แค่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่กี่ปี พวกมันก็ออกมาก่อเรื่องวุ่นวายอีก ไม่สู้เรากำจัดที่ต้นตอไปเลยดีกว่า จัดการทั้งสามตระกูลให้สิ้นซากไปเลย”
เหอเจ๋อได้ฟังก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างเซ็ง ๆ ว่า “สรุปก็คือ เธอกำลังจะลากฉันไปเป็นเบี้ยอีกแล้วสินะ”
กวนหลิงทำสีหน้าองอาจกล้าหาญแล้วพูดว่า “ที่นายทำแบบนี้ ก็เพื่อคนที่เมืองกว่างหนาน ไม่ใช่เพื่อตัวฉัน”
“ว้าว เกือบจะเชื่อแล้วไหมล่ะ”
“เชื่อก็ดีสิ จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ฉันครุ่นคิดมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีอำนาจ จึงไม่ได้ลงมือ ทำได้แค่เฝ้ามอง มา ฉันให้ดูบางอย่าง”
กวนหลิงค้นหาจากกองหนังสือเล่มใหญ่ หยิบสมุดเล่มเล็กออกมาเล่มหนึ่ง
เหอเจ๋อรับมาดูอย่างพิจารณา ถามอย่างเคลือบแคลง “นี่มันบัญชีรึเปล่า”
“ใช่แล้ว ตาดีนี่” กวนหลิงชมอย่างไม่จริงใจ จากนั้นก็ชี้ไปที่สมุดบัญชี อธิบายว่า “นี่คือสมุดของอาจารย์ที่สอนงานฉันตอนที่ฉันเพิ่งเรียนจบแล้วเข้าทำงานที่หนังสือพิมพ์กว่างหนานรายวันมอบให้ฉัน”
เธอพูดด้วยแววตาแดงก่ำ “หลังจากแอบยัดสมุดเล่มนี้ให้ฉัน ไม่ถึงอาทิตย์ อาจารย์ก็กระโดดตึกฆ่าตัวตาย ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ ไม่งั้นนายคิดว่าทำไมฉันถึงกินอิ่มนอนหลับสบาย แล้วไปหาเรื่องแก๊งสามเกลอแห่งกว่างหนาน ดูให้ชัด ๆ เลย บริษัทของที่บ้านพวกมันไม่ใช่จะจัดการง่าย ๆ หรอกนะ”
เหอเจ๋อไม่คิดว่าสมุดเล่มเล็กที่ดูไม่น่าสนใจเล่มนี้จะมีเรื่องราวซับซ้อนซ่อนอยู่เบื้องหลัง
เขาเลิกดูแคลน แล้วเริ่มอ่านอย่างจริงจังทีละคำ
ปรากฏว่าในหน้าหลัง ๆ ของสมุดบัญชีเริ่มมีการบันทึกตัวเลขที่ไม่ชัดเจน บางส่วนก็เขียนขึ้นแบบลวก ๆ ไม่ปะติดปะต่อกันเลย
เขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว แล้วก็ตาโตด้วยความตกใจ “พวกนั้นเลี่ยงภาษีเหรอ?”
“ฉลาดมาก! ไม่ใช่แค่นั้น พวกนั้นยังปลอมแปลงบัญชีด้วย ฉันว่าของบางอย่างก็น่าจะได้มาไม่ถูกต้อง เพียงแต่ข้อมูลในสมุดบัญชีเล่มนี้มันน้อยเกินไป ไม่พอที่จะเอาผิดพวกนั้นได้หรอก ฉันเลยตามจูเทียนหลินไป หวังว่าจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง แต่ดันไปเจอเรื่องชู้สาวของเขาเข้าโดยบังเอิญ”
คำพูดของกวนหลิงทำให้เหอเจ๋อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
บ้านของเหอโฮ่วฮวาทำธุรกิจเครื่องประดับ พ่อของสวีอี้ไฉเป็นเจ้าของเหมือง ส่วนบ้านของจูเทียนหลินเปิดตลาดขายของเก่า
ทั้งสามอย่างนี้ดูเผิน ๆ เหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ถ้าลองพิจารณาดูดี ๆ ก็จะพบความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
การตอบสนองของทั้งสามครอบครัวนั้นรวดเร็วกว่าที่ทั้งสองคิดไว้มาก ขณะที่ทั้งคู่นั่งคิดหาวิธีขยายผลอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น
กวนหลิงหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นเบอร์จากสำนักพิมพ์จึงกดรับสาย
“หัวหน้า มีอะไรเหรอคะ?”
“เสี่ยวกวน ช่วงนี้เธอไม่ค่อยตั้งใจทำงาน แถมยังลางานบ่อย ๆ อีก ดูท่าทางไม่ทุ่มเทกับงานเลยนะ”
“หัวหน้าพูดแบบนี้มันใจร้ายไปหน่อยนะ ช่วงนี้ฉันลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล จะเรียกว่าลางานได้ยังไง” กวนหลิงโต้กลับด้วยความไม่พอใจ
หัวหน้าหัวเราะแห้ง ๆ เลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องสำคัญ พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เรื่องนี้ฉันก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นะ แต่ประธานได้ตัดสินใจพักงานเธอไว้ก่อนสิ้นเดือนมารับเงินเดือนได้เลย”
ตู๊ด!
สายถูกตัดไป เสียงตู๊ด ๆ ดังมาจากโทรศัพท์ กวนหลิงกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น ใบหน้าถมึงทึงถึงขีดสุด
แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงจังหวะเหมาะ มันคือการแก้แค้นของทั้งสามตระกูลอย่างแน่นอน
ภายในห้องเงียบลงทันที เหอเจ๋อได้ยินบทสนทนาทางโทรศัพท์เช่นกัน เขาถามอย่างลองเชิงว่า “แล้วเรื่องสัมภาษณ์ต่อไปล่ะ?”
ตอนนี้เรื่องนี้ไม่ถูกขัดขวางจากหลาย ๆ ฝ่าย ส่วนใหญ่ต้องยกความดีความชอบให้กับการเปิดโปงของสื่อ หากปราศจากเครื่องรางป้องกันตัวนี้ เกรงว่าอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอย่างตอนที่หวงจิงจิงถูกลักพาตัวไป
“เรื่องนั้นไม่เป็นไร” กวนหลิงวิเคราะห์อย่างใจเย็น “มันก็แค่เรื่องงาน ฉันทำงานในวงการสื่อมานานหลายปี รู้จักคนมากมาย ขอให้เพื่อนฝูงช่วยเหลือก็ไม่เห็นจะเป็นไร อีกอย่างฉันก็รู้จักนิสัยของพวกนั้นดี พวกนั้นไม่มีทางยอมแพ้กับการขุดคุ้ยข่าวอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล”
หลังจากฟังจบ เหอเจ๋อรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย การกระทำของฝ่ายตรงข้ามรวดเร็วมาก เกินความคาดหมายอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินพวกนั้นต่ำไปจริง ๆ
MANGA DISCUSSION