บทที่ 94 ตาของแกไปอยู่ที่ก้นหรือไง
ผมของอันธพาลทั้งสองคนตั้งขึ้นทันที หน้าซีดเป็นไก่ต้ม คว้าไม้ที่ตกอยู่แถวนั้นมากวาดหวังจะเล่นงานจุดสำคัญของเขา
แต่ท่าทางกระจอกงอกง่อยแบบนี้จะรอดพ้นสายตาเขาไปได้ยังไง เขาไวกว่านั้นเยอะ ยกมือตบลงบนหน้าของทั้งสองคนจนลงไปกองกับพื้น
ไอ้พวกนี้ทั้งความเร็วและแรงเทียบกับเขาไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ โดนเข้าไปทีหัวหมุนติ้ว คงมึนจนจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วละ
ลูกสมุนโดนซะขนาดนั้น ไอ้หัวหน้าแก๊งอย่างหม่าเถิงเลยทนไม่ไหว คว้ากระบองเหล็กเงาวับในมือแล้วคำรามเบา ๆ ว่า “ไปฆ่ามัน! ฆ่าไอ้สารเลวนี้ให้ตาย!”
ไอ้พวกนี้มันผ่านการตะบี้ตะบันมาอย่างโชกโชน ต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย ไม่สนหรอกว่าท่าทางจะเป็นยังไง ขอแค่โดนจุดสำคัญแล้วตายก็พอ
ภายนอกหม่าเถิงดูเป็นคนโง่ ๆ แต่จริง ๆ แล้วเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าใคร เห็นสภาพน่าอนาถของลูกน้องสองคนนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ใช่นักสู้กระจอก ๆ แน่
แต่ที่มันสามารถผงาดใน ‘เมืองกว่างหนาน’ ได้ขนาดนี้ มันต้องมีดีอะไรบ้างล่ะ มันแอบส่งสายตาให้ลูกน้องคนสนิทอีกสองสามคน พวกนั้นก็พยักหน้ารับรู้
การส่งสัญญาณกันอย่างลับ ๆ แบบนี้รวดเร็วจนไม่มีใครสังเกตเห็น
แม้แต่คำพูดของหม่าเถิงจะดูน่าเกรงขาม แต่จริง ๆ แล้วมันกลับเคลื่อนไหวช้าอย่างน่าประหลาด รอจนลูกน้องพุ่งเข้าใส่เขาไปหมดแล้ว ถึงค่อย ๆ ย่องไปข้างหลังอย่างเงียบ ๆ
นี่เป็นกลยุทธ์ที่เขาใช้เป็นประจำ ให้ลูกน้องล่อเป้าหมายไว้ข้างหน้า ส่วนตัวเองก็แอบซุ่มโจมตีจากข้างหลัง แม้จะเป็นวิธีการง่าย ๆ แต่ใครก็ตามที่ถูกรุมล้อมด้วยคนจำนวนมาก ย่อมต้องเกิดความตึงเครียด วิธีนี้จึงได้ผลทุกครั้ง
พวกอันธพาลเองก็รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของหัวหน้า พวกมันจึงตั้งหน้าตั้งตาล่อเป้าหมายอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการจิ้มตา ควักเป้า หรือแคะขี้มูก พวกมันงัดสารพัดวิธีสกปรกออกมาใช้
สุภาษิตมักกล่าวไว้ว่ากำปั้นสองข้างสู้สี่มือไม่ได้ เหอเจ๋อในตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับมือหลายสิบคู่ที่ยื่นเข้ามาพร้อมกัน ย่อมต้องมีบ้างที่รับมือไม่ทัน เพียงแค่ประสานหน้ากันไม่กี่ครั้ง ร่างกายของเขาก็โดนเข้าไปหลายทีแล้ว
พวกอันธพาลฮึกเหิมขึ้นมาทันที พวกมันงัดสารพัดวิธีไร้ยางอายออกมาใช้ถี่ขึ้น
ทว่าพวกมันยังไม่ทันได้ใจไปกว่านี้ เหอเจ๋อคือชายผู้ผ่านการถูกกระทืบมานานกว่าสิบปี หากจะวัดกันที่ฝีมือการโดนต่อย เขาขอเป็นที่สอง คงไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่ง
เขาเลือกที่จะปกป้องจุดสำคัญอย่างเป้าและใบหน้าเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ยอมโดนหมัดที่ไม่เจ็บไม่คันไปบ้าง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ยอมโดนต่อยฟรี ๆ ทุกหมัดที่เขาโดน เขาจะเอาคืนอย่างสาสม เลือกเล่นงานจุดตายของพวกอันธพาลทีละคน
คนเราย่อมเชี่ยวชาญคนละด้าน ในช่วงแรกที่ยากลำบากที่สุด กลยุทธ์ตั้งรับอย่างมั่นคงแล้วสวนกลับของเหอเจ๋อก็เริ่มได้ผล พวกอันธพาลล้มลงไปเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลือก็เริ่มหวาดกลัว เท้าเหมือนติดกาว เคลื่อนไหวไม่ออก
หม่าเถิงที่แอบซุ่มอยู่ด้านหลัง เห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นสุดแรง เกิดเสียงดังสนั่น เขาเทน้ำหนักทั้งหมดลงบนกระบองเหล็กในมือ แล้วฟาดลงมาจากด้านหลัง
การเป็นมือดีที่แอบซุ่มโจมตีผู้อื่นมานานหลายปี ทำให้เขามีเทคนิคเฉพาะตัว มุมที่เขาเลือกโจมตีนั้น ล้วนคาดเดายาก คนทั่วไปยากที่จะป้องกันได้
เหอเจ๋อไม่ใช่คนธรรมดา เล่นงานแบบลอบโจมตีเช่นนี้ เทียบกับเฟิ่งเฟยเฟยแล้ว ช่างเหมือนเด็กเล่นขายของ
เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ตอนที่กระบองเหล็กกำลังจะฟาดลงบนศีรษะ เขาก็ก้มตัวลงอย่างรวดเร็ว แขนขวางอเป็นรูปตัวซีแล้วเหวี่ยงไปด้านหลัง ศอกกระทุ้งเข้าเป้าของนายหม่าเถิงอย่างแม่นยำ
กงกรรม กงเกวียน วนมาบรรจบ
หม่าเถิงผ่านการต่อสู้บนท้องถนนมาหลายปี ไม่รู้ว่าเคยเตะเป้าคนอื่นมานับครั้งไม่ถ้วน คราวนี้ในที่สุดก็ถึงตาตัวเองบ้าง ความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับจะฉีกกระชากวิญญาณออกมา ทำให้ใบหน้าเขาบิดเบี้ยว ร้องเสียงหลงเหมือนหมูโดนเชือด
ผู้ชายทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็รู้สึกเย็นวาบที่หว่างขาโดยไม่รู้ตัว รีบหนีบขาแน่น
ลูกน้องจงรักภักดีสองคนรีบวิ่งเข้ามาพยุงหม่าเถิงแล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “หัวหน้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
หม่าเถิงสะบัดมือตบหน้าลูกน้องไปทีหนึ่ง ตะคอกว่า “ตาของแกไปอยู่ที่ก้นหรือไง มองไม่เห็นเหรอว่าฉันเจ็บปวดขนาดนี้ ยังจะเหมือนคนไม่เป็นอะไรอีกเหรอ”
ลูกน้องคนนั้นแค่ถามออกไปโดยไม่ทันคิด ไม่นึกว่าจะโดนด่ากราด ทันใดน้นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก บ่นพึมพำว่า “หัวหน้า แล้วจะให้พวกเราทำยังไงล่ะ”
หม่าเถิงตัวสั่นเทาไปทั้งตัว ไม่ได้คิดอะไร พูดออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “ยังยืนโง่อยู่ได้ทำไม โดนคนอื่นเล่นงาน ก็ต้องแจ้งตำรวจสิวะ”
“แจ้งตำรวจงั้นเหรอ”
พวกอันธพาลรอบข้างต่างงุนงง สบตากันด้วยแววตาประหลาด ราวกับ… กำลังมองเด็กปัญญาอ่อน
ลูกน้องคนสนิทชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า “แต่พอตำรวจมา พวกเรานั่นแหละจะโดนรวบก่อน”
“…” หม่าเถิงถึงกับพูดไม่ออก
เขาเพิ่งรู้สึกตัว ตอนนั้นขาดสติจนลืมไปว่าตัวเองเป็นอันธพาล
จะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ตามตรอกซอกซอยต่างก็มีคำขวัญ “มีเรื่องเดือดร้อนให้ตามตำรวจ” เขาเองที่ได้รับอิทธิพลโดยไม่รู้ตัว พอตกใจก็เลยหลุดปากพูดออกไปโดยไม่ทันคิด
แบบนี้มันน่าอายชะมัด โดนซ้อมแท้ ๆ ดันจะไปแจ้งความ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
หม่าเถิงอับอายเกินกว่าจะอยู่ต่อ เขาถูกพยุงขึ้นรถตู้โดยไม่แม้แต่จะเอ่ยลา จากนั้นก็รีบเผ่นแน่บ
เหอโฮ่วฮวามองจนตาค้าง แต่พอได้ยินคำว่าแจ้งความ เขาก็สะดุ้งสุดตัว บนรถยังมี ‘ของดี’ ที่แอบซื้อมาอีกเพียบ ถ้าโดนตำรวจค้นเจอ เขาคงต้องไป ‘ท่องเที่ยว’ ในคุกยาว
ใช้ไม้แข็งมาชนไม่ได้ ก็ต้องใช้ไม้อ่อน
เขาแสร้งยิ้มอบอุ่น พยายามทำตัวเป็นมิตร พูดว่า “น้องชาย พวกเราก็เป็นหนุ่ม ๆ เหมือนกัน มีอะไรค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันดีกว่า ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลย”
“ใครเป็นหนุ่มเป็นสาวอย่างแก” เหอเจ๋อเบ้ปาก พูดว่า “ฉันคือดอกไม้ของชาติ เสาหลักแห่งอนาคต ส่วนแกอย่างมากก็แค่ไส้เดือนตัวอ้วนเท่านั้น”
เหอโฮ่วฮวาพูดไม่ออก สีหน้าเปลี่ยนเป็นพัลวัน หลายปีมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน
“คนเรายามอยู่ใต้กำแพง ย่อมต้องก้มหัว แม้แต่ซุนหงอคงยังเคยเลี้ยงม้ามาก่อน ช่วงนี้ฉันจะปล่อยให้แกอวดดีไปก่อน รอให้ผ่านเรื่องนี้ไปก่อนเถิด ฉันจะสั่งสอนแกให้เข็ด”
เหอโฮ่วฮวาปลอบใจตัวเองอยู่ในใจ พยายามอย่างยิ่งที่จะกดความโกรธในใจ บังคับรอยยิ้มที่น่าเกลียดออกมา พูดว่า “น้องชาย นายนี่ช่างพูดเล่นจริง ๆ”
“ฉันไม่เคยล้อเล่น”
เหอโฮ่วฮวาเกือบจะอาเจียนเป็นเลือด เขาจ้องมองเหอเจ๋ออย่างเจ็บแค้น อยู่มานานหลายปี ไม่เคยเจอใครหน้ากระทืบแบบนี้มาก่อน
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนี้ พูดต่อไปว่า “จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เราอย่าทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กให้เป็นเรื่องเล็กลงเลย ฉันให้นายหนึ่งล้าน เราตกลงกันเองแบบนี้ดีไหม”
MANGA DISCUSSION