บทที่ 90 กวนหลิงขอความช่วยเหลือ
“ไร้สาระ เทคโนโลยีมันก้าวหน้าไปทุกวัน ยุคสมัยก็เปลี่ยนแปลงไป ถ้ายังยึดติดอยู่กับของเก่า ๆ ไม่ยอมปล่อยมือ วันหนึ่งแพทย์แผนตะวันตกจะเข้ามาแทนที่พวกเราก็ได้”
เหอเจ๋อพูดจนปากคอแห้งผาก จึงยกแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นดื่มอึกใหญ่ เตรียมจะเทศนาสั่งสอนเจ้าหัวแข็งตรงหน้าต่อ แต่พอกำลังวางแก้วลง โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นเสียก่อน
เขาหยิบขึ้นมาดู เห็นชื่อกวนหลิงโชว์หราอยู่บนหน้าจอ นับตั้งแต่ย้ายออกจากตึกเก้าชั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย การโทรมาแบบนี้ คงมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่าง
เขาคิดในใจพลางกดรับสาย
“ฉันถูกขังอยู่ที่คาราโอเกะชายฝั่ง ช่วยฉันด้วย!”
สิ้นเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างร้อนรน สายก็ตัดไปโดยที่เขาไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร
เหอเจ๋อตกใจสุดขีด รีบลุกขึ้นยืนทันที แล้ววิ่งออกไปข้างนอก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” หวงจิงจิงวิ่งตามออกไปพร้อมกับถาม
“เพื่อนฉันเจอเรื่องเดือดร้อนนิดหน่อย ฉันต้องรีบไปช่วย” เหอเจ๋อที่วิ่งไปถึงหน้าประตูร้องบอกโดยไม่หันกลับมามอง
…
ภายในร้านคาราโอเกะหรูริมชายหาด ท่ามกลางความเงียบสงัดของโถงทางเดินยาวในยามที่ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน เสียงฝีเท้าโกลาหลและเสียงตะคอกโกรธเกรี้ยวอย่างลับ ๆ ลอยมาแต่ไกล
กวนหลิงซ่อนตัวอยู่ตรงมุมที่ลับตา เธอเก็บโทรศัพท์มือถืออย่างเงียบเชียบ ก่อนจะตั้งใจฟังเสียงฝีเท้ารอบข้างอย่างระมัดระวัง
“พวกแกไปค้นทางนั้น ส่วนที่เหลืออีกสามคนตามฉันมาทางนี้ ต้องละเอียดรอบคอบ ห้ามให้ผู้หญิงคนนั้นหนีไปได้เด็ดขาด”
สิ้นเสียงคำสั่งอันเร่งรีบ เสียงฝีเท้าอันวุ่นวายค่อย ๆ เลือนหายไป
กวนหลิงที่ซ่อนตัวอยู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ยังไม่ทันจะได้พักหายใจ ใบหน้าเหี้ยมเกรียมก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“หึ ๆ ยัยตัวแสบ คิดไม่ถึงล่ะสิว่าข้างบนจะมีกล้อง”
จูเทียนหลินชี้นิ้วไปที่กล้องขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่บนผนังอย่างสะใจ ก่อนจะยิ้มเยาะและตบหน้าเธออย่างแรง
“แกกล้าดียังไงมาแอบถ่ายฉัน แถมยังทำลายเรื่องดี ๆ ของฉันตั้งหลายครั้ง คราวนี้ฉันจะฆ่าแก”
เพียะ!
เสียงตบดังก้อง กวนหลิงรู้สึกถึงรอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจน ความร้อนใจทำให้เธอนึกถึงท่าทางของเหอเจ๋อ เธอจึงเตะผ่าหมากของจูเทียนหลินอย่างแรง
หน้าของจูเทียนหลินพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีลูกไม้แบบนี้ เพราะไม่ได้เตรียมตัวไว้เลย ทำให้โดนเล่นงานจุดสำคัญเข้าอย่างจัง
โชคดีที่ตอนนั้นเอง รปภ. ได้ยินเสียงร้องโหยหวน จึงรีบรุดเข้ามาและจับกวนหลิงที่กำลังจะฉวยโอกาสหนีไปได้
“คุณชายจู คุณไม่เป็นไรนะครับ” หัวหน้ารปภ. เฝิงเหล่ยพยุงจูเทียนหลินขึ้นจากพื้นแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
จูเทียนหลินกุมเป้ากางเกงตัวเองไว้ จ้องกวนหลิงตาขวาง พูดด้วยความโกรธสุดขีดว่า “ลากผู้หญิงคนนี้กลับไป! ฉันจะสั่งสอนมันเอง!”
ถึงแม้กวนหลิงจะพยายามขัดขืนสุดกำลัง แต่รปภ. ห้าหกคนล้วนเป็นชายฉกรรจ์ พวกเขาช่วยกันลากเธอไปยังห้องคาราโอเกะหรูหราที่ซ่อนอยู่
“เหล่าจู แกไปลากผู้หญิงคนนี้มาจากไหนวะ” ในห้องที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่ สวีอี้ไฉกำลังนวดท้องพลุ้ย ๆ ของตัวเอง พูดด้วยสายตาพร่าเลือน
หลังจากที่จูเทียนหลินเข้ามาในห้อง เขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบบุหรี่ที่ผสมยาเสพติดบนโต๊ะมาจุดสูบอย่างแรง ใบหน้าพลันเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ความเจ็บปวดแปลบปลาบที่เป้ากางเกงก็ลดลงไปมาก
จากนั้นเขาจึงพูดอย่างลำพองใจว่า “ทางเดินไปห้องน้ำน่ะ ฉันเคยแอบติดกล้องรูเข็มไว้ที่นั่น คิดว่าจะแอบดูสาวสวย ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าซะหน่อย ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะได้ใช้ประโยชน์แบบนี้”
“ฮ่า ๆ ๆ แกนี่มันโรคจิตจริง ๆ ว่ะ แต่ฉันชอบ! เดี๋ยวส่งคลิปที่แกอัดไว้มาให้ฉันดูบ้างล่ะ” ซูอี้ไฉเบิกตากลมโต พูดอย่างเจ้าเล่ห์
ส่วนเหอโฮ่วฮวานั้น เนื่องจากเคยแต่งงานแล้ว จึงค่อนข้างสุขุม เขาเคาะโต๊ะเบา ๆ พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เรื่องนี้พวกเราอย่าได้ประมาทเชียวนะ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกเรามีหวังได้ซวยกันหมดแน่”
จูเทียนหลินเลิกคิ้ว เขาดูดบุหรี่เดินเข้าไปใกล้ ๆ กวนหลิง แล้วพ่นควันใส่หน้าเธอ
“แค่ก แค่ก…”
ปกติกวนหลิงไม่สูบบุหรี่ เธอได้กลิ่นควันบุหรี่แล้วรู้สึกแสบจมูกจนไอออกมา
จูเทียนหลินหัวเราะลั่น เขาเอื้อมมือไปจับผมของกวนหลิงแล้วด่าว่า “อีสารเลว ส่งวิดีโอที่แกแอบถ่ายพวกเรามา!”
กวนหลิงเจ็บปวด ใบหน้าเหยเก เธอขบฟันแน่น พูดอย่างดื้อรั้นว่า “อย่าแม้แต่จะคิด พวกแกสามคนชั่วช้า ทำชั่วเป็นประจำ แถมยังมั่วสุมเสพยาเสพติดอีก ถ้าฉันเผยแพร่วิดีโอนี้ออกไป พวกแกก็เตรียมตัวติดคุกได้เลย!”
ทั้งสามคนตกใจและโกรธ พวกเขาเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่เคยขาดแคลน แม้แต่ผู้หญิงก็เบื่อจะเล่นแล้ว เมื่อวานพวกเขาได้ยินข่าวลือมา เลยไปซื้อผงที่ว่ากันว่า “ดีกว่ายาเทพ” จากพวกนักเลงข้างถนน พวกเขามวนผงนั้นสูบกับบุหรี่ ใครจะไปคิดว่าจะบังเอิญเจอกับกวนหลิงที่ตามหาหลักฐานการกระทำผิดของพวกเขาอยู่
ทุกวันนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องมีหลักฐาน กวนหลิงจำเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อนได้ขึ้นใจ เธอจึงแอบเอาไมโครโฟนจิ๋วที่พกติดตัวสอดเข้าไปในห้องผ่านช่องใต้ประตู จากนั้นเธอก็แอบอยู่ในห้องน้ำหญิง รอจนพวกเขาออกจากห้องไปแล้วถึงค่อยออกมาหาไมโครโฟน
ทุกอย่างราบรื่นดี ไมโครโฟนบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้อย่างชัดเจน
แต่กวนหลิงไม่คาดคิดว่า ตอนที่เธอกำลังจะจากไป จูเทียนหลินจะกลับมาอีกครั้ง ที่แท้เขารีบร้อนออกไปจนลืมโทรศัพท์ไว้ จึงกลับมาเอา
ทั้งคู่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน พอจูเทียนหลินเห็นกล้องในมือเธอ เขาก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ก่อนหน้านี้จึงเกิดขึ้น
สวีอี้ไฉมองกวนหลิงด้วยสายตาลุกวาว ก่อนจะเอ่ยปากพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ในเมื่อไม่ยอมเอาออกมา งั้นพวกเราก็หาเอาเองก็แล้วกัน”
จูเทียนหลินตบขาเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “ถูกต้อง! แกชอบสะกดรอยตามถ่ายรูปฉันนักไม่ใช่หรือไง วันนี้ฉันจะแก้ผ้าแกแล้วถ่ายรูปให้หนำใจไปเลย!”
พูดจบ เขาก็จับผมของกวนหลิงไว้ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็พยายามจะกระชากเสื้อของเธอ
สุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า ‘แม้แต่หมาจนตรอกก็ยังกระโดดข้ามกำแพง แม้แต่กระต่ายเมื่อจนมุมก็ยังหันมาต่อสู้’ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหญิงแกร่งอย่างกวนหลิงที่ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ ในจังหวะที่จูเทียนหลินเอื้อมมือมา เธอก็เร็วกว่า สวนกลับด้วยการกัดเข้าที่ข้อมือของเขาอย่างแรง
ในยามคับขัน พลังกัดของมนุษย์นั้นช่างน่ากลัว รอยเขี้ยวปรากฏขึ้นบนข้อมือของจูเทียนหลิน เลือดสีแดงสดไหลรินลงมาอย่างชัดเจน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทุกคนถึงกับตะลึง ทำอะไรไม่ถูก กวนหลิงฉวยโอกาสนี้วิ่งหนีออกไปทางประตู
“จับผู้หญิงคนนั้นไว้! จับมันไว้!” จูเทียนหลินตะโกนลั่นด้วยความเจ็บปวด
รปภ.ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะจึงรีบเข้ามาบล็อกประตูไว้ ก่อนจะลากตัวกวนหลิงกลับเข้ามา
“แม่งเอ๊ย! แกเป็นหมาหรือไง” จูเทียนหลินสบถ ขณะที่ใช้มืออีกข้างกุมข้อมือที่เลือดไหลไม่หยุด ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของกวนหลิงอย่างแรง
MANGA DISCUSSION