บทที่ 88 หวงเทียนเหยาเป็นตาแก่ที่อยู่เฉยไม่ได้
คนอื่น ๆ ที่โต๊ะอาหารต่างมองหน้ากัน พวกเขารู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง เรื่องนี้พวกเขาเคยพูดกับเหอหย่งฝูหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยฟังเลย คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะได้ผล
หลายปีมานี้ เหอหย่งฝูไม่เคยแต่งงานมีลูก ครอบครัวจึงค่อนข้างเงียบเหงา แต่เขากลับเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัวมาก ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบสามีของเหอซู่โหรว แต่เขาก็ยังคงมาทานอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน
“หมอเหอพูดถูกค่ะ พ่อ สุขภาพของคุณสำคัญที่สุด” จางเหวินฉีพูดแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
หลังจากที่เหอเจ๋อย้ายเข้ามา เธอเพิ่งค้นพบว่า สถานะลูกสาวบุญธรรมของเธอค่อนข้างสูง นอกจากจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดแล้ว ทุกคนในครอบครัวเหอไม่เคยปฏิบัติกับเธอเหมือนคนนอกเลย
เหอหย่งฝูพยักหน้าแล้วถอนหายใจ “ฉันก็ไม่มีทางเลือก คนในครอบครัวเรามีน้อยเกินไป เรื่องในบริษัทก็เยอะ ฉันก็ได้แต่เหนื่อยหน่อย”
ในคำพูดของเขาเผยให้เห็นถึงปัญหาใหญ่ที่บริษัทภาพยนตร์เหอกำลังเผชิญอยู่ นั่นก็คือเรื่องของทายาท
แม้ว่าความสามารถในทุก ๆ ด้านของจางเหวินฉีจะไม่เลว แต่เธอก็เป็นแค่ลูกสาวบุญธรรม อีกทั้งในฐานะผู้หญิง ย่อมต้องแต่งงานออกไปในวันข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้น บริษัทภาพยนตร์เหอก็อาจจะตกเป็นของคนอื่น ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าผู้ร่วมก่อตั้งที่ทุ่มเทให้กับครอบครัวเหอมานานหลายสิบปีคงไม่มีวันยอมให้เป็นเช่นนั้น
เหอซู่โหรวตาเป็นประกาย พูดแทรกขึ้นมาว่า “พี่คะ ชางเอ๋อร์ทำงานเป็นผู้ช่วยมาสามปีแล้ว ตอนแรกพี่ก็บอกว่า…”
เหอหย่งฝูไม่รอให้เธอพูดจบก็ขัดขึ้นมาทันทีพลางยิ้ม “ไม่กี่วันที่ผ่านมา ชางเอ๋อร์เพิ่งจะโดนลักพาตัวไป ให้เขาพักผ่อนสักพักค่อยว่ากัน”
เดิมทีเขาไม่ได้รู้สึกดีกับเติ้งเฉิงชางอยู่แล้ว คิดว่าคนคนนี้ชอบทำตัวโอ้อวด ไม่ใช่คนลงมือทำอะไรจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เรื่องความชอบแปลก ๆ ถูกเปิดเผยในคดีลักพาตัว ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจ แล้วจะไปให้ความสำคัญกับเขาได้อย่างไร?
ส่วนเหอเจ๋อ ผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ แอบหัวเราะอยู่ข้าง ๆ คิดในใจอย่างนึกสนุก ‘พี่เฉิงชาง ขออภัยด้วย’
พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเหอซู่โหรวก็บึ้งตึงทันที เธอจ้องมองเหอเจ๋ออย่างดุ ๆ ก่อนจะวางตะเกียบลงแล้วเดินหนีไปด้วยความโกรธ
เติ้งหมิงเจี๋ยเห็นดังนั้น จึงอธิบายด้วยรอยยิ้มฝืด ๆ ว่า “ซู่โหรวนอนไม่ค่อยหลับช่วงนี้ อารมณ์เลยไม่ค่อยดี ขอให้ทุกท่านอภัยให้เธอด้วย”
เหอหย่งฝูรู้จักนิสัยใจร้อนของน้องสาวตัวเองดีอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้ใส่ใจ ส่ายหน้าแล้วกินข้าวต่อ
เพล้ง!
แจกันโบราณลวดลายสวยงามตกลงแตกกระจายบนพื้น
แม้แต่เติ้งหมิงเจี๋ยก็ยังสะดุ้ง เขากลั้นความไม่พอใจในใจ ก่อนจะพูดปลอบว่า “อย่าทำแตกเลย เสียของเปล่า ๆ เจ้าเด็กนั่นไม่เสียหายอะไรสักหน่อย”
เหอซู่โหรวโกรธจนหน้าแดงก่ำ เธอก็กำหมัดแน่นแล้วพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ “ฉันโมโหจนจะบ้าแล้ว! พี่เป็นอะไรไปกันแน่ ถึงเชื่อฟังเด็กนั่นไปซะทุกอย่าง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันทนไม่ไหวแน่”
ในใจของเติ้งหมิงเจี๋ยก็เต็มไปด้วยความโกรธเช่นกัน ที่เขาอดทนเป็นลูกเขยมาหลายปี ก็เพราะเห็นว่าเหอหย่งฝูไม่มีลูกชาย หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้ครอบครองบริษัทภาพยนตร์เหอทั้งหมด
เพื่อที่จะรวบรัดกระบวนการนี้ เขาจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อเอาใจเหอซู่โหรว คิดวิธีทุกอย่างจนในที่สุดก็หลอกล่อเธอให้วางยาพิษเหอหย่งฝูโดยที่ไม่มีใครรู้
เขาถึงขั้นกุเรื่องหาข้ออ้างเพื่อหนีไปหลบอยู่ที่อเมริกา เพื่อไม่ให้ใครนินทาลับหลัง
เห็นว่าเรื่องราวใกล้สำเร็จแล้ว แต่ไม่คิดว่าในช่วงสุดท้าย กลับมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งโผล่มาขัดขวางเรื่องดี ๆ ของเขา
“ถ้าอยากสำเร็จ ก็ต้องหาวิธีกำจัดหนามยอกอกคนนี้ให้ได้ก่อน” เขามองออกไปนอกหน้าต่าง พึมพำกับตัวเองเบา ๆ
…
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เหอเจ๋อก็ช่วยตรวจร่างกายให้เหอหย่งฝู หลังจากแน่ใจว่าทุกอย่างปกติดีแล้ว เขาก็เก็บข้าวเก็บของกลับไปที่ห้อง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปที่ร้านยาเทียนเซิ่งจู
หวงเทียนเหยาเป็นตาแก่ที่อยู่เฉยไม่ได้ หลังจากหายป่วยแล้ว เขาก็กลับมานั่งตรวจคนไข้ต่อ
หลังจากเฉียดตายมา เขาก็เปลี่ยนไปบ้าง ไม่ดื้อรั้นเหมือนแต่ก่อน บางครั้งเจอความคิดเห็นต่าง เขาก็ยังพูดจาดี ๆ ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมาก่อน
หลังจากเลิกนิสัยเสียอย่างเดียวไปแล้ว ฝีมือการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ยึดมั่นในความถูกต้อง และไม่เคยเรียกค่ารักษาแพงเกินจริงของเขาก็ยิ่งโดดเด่นขึ้น ร้านยาเทียนเซิ่งจูมีคนไข้มากกว่าเดิมหลายเท่า จนแทบรับไม่ไหว
แบบนี้ หวงจิงจิงก็เลยมาช่วยงานที่ร้าน ไม่ต้องกลับไปทำงานเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลอีก
“เหอเจ๋อ นายมาแล้ว เข้ามาข้างในก่อนสิ!” หวงเหยียนที่กำลังตรวจคนไข้อยู่ พอเห็นเหอเจ๋อ เขาก็รีบกล่าวทักทายอย่างกระตือรือร้น
“ไม่เป็นไร นายทำงานไปเถอะ ฉันมาหาอาจารย์หวง มีเรื่องเล็กน้อย”
เหอเจ๋อเหลือบมองไปที่ประตู เห็นผู้ป่วยหลายคนกำลังเข้าแถวรอตรวจอยู่ ก็โบกมือส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องเกรงใจ
หวงเหยียนชี้นิ้วไปที่ห้องด้านหลังแล้วกล่าวว่า “งั้นนายไปที่นั่นเลย อาจารย์อยู่ในนั้น”
เหอเจ๋อมาที่นี่หลายครั้งแล้ว จึงไม่ถือตัวเป็นคนนอก เดินตรงเข้าไปข้างในทันที
หวงจิงจิงกำลังตากสมุนไพรอยู่ในลานบ้าน แพทย์แผนจีนนั้นต่างจากแพทย์ตะวันตก ยาสมุนไพรมากมายไม่สามารถรับประทานได้โดยตรง จำเป็นต้องผ่านกระบวนการมากมายที่ซับซ้อน
เมื่อเห็นเหอเจ๋อเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว สายตาของเธอก็บ่งบอกถึงความเขินอาย หันหน้าไปอีกทาง แสร้งทำเป็นไม่เห็น
เหอเจ๋อรู้สึกดีใจอย่างมาก ช่วงนี้ได้พบเจอกับเย่ซวง สาวแกร่งที่มีอาวุธร้ายกาจติดตัวอยู่ตลอด พอมาเจอสาวขี้อาย สไตล์สดใสบริสุทธิ์แบบนี้ ก็เหมือนกับคนที่กินเนื้อเป็นอาหารประจำ พอได้มาเจอผักกาดขาวจานน้อย ๆ ก็อดใจไม่ไหวที่จะลิ้มลอง
“จิงจิง ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เธอยิ่งสวยขึ้นนะ”
ถึงแม้จะรู้ว่านี่เป็นเพียงคำพูดทักทายธรรมดา แต่หวงจิงจิงก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างถ่อมตนว่า “ขอบคุณค่ะ คุณปู่สุขภาพแข็งแรงขึ้น อารมณ์ดีขึ้น ผิวพรรณเลยดูดีขึ้นด้วยมั้งคะ”
เหอเจ๋อมองกลอกไปมา แสร้งทำเป็นเหมือนนึกขึ้นได้ พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันจำได้ว่าครั้งที่แล้วเหมือนจะเคยพูดไว้ว่า ถ้าฉันรักษาหายแล้ว…”
เขาจงใจกวนประสาท พูดไปครึ่งหนึ่งก็หยุด
หวงจิงจิงนึกถึงคำพูดที่เคยลั่นวาจาไว้ตอนนั้นว่าจะแต่งงานกับเขา ก็รู้สึกเขินอายจนแทบจะมุดดินหนี ก้มหน้าลง เสียงเบาเหมือนเสียงยุงบิน “เรื่อง… เรื่องนี้ฉันว่าเรามาคุยกันอีกทีดีกว่า…”
เหอเจ๋อแสร้งทำเป็นโกรธ “เธออย่าบอกนะว่าจะกลับคำ?”
หวงจิงจิงตกใจ รีบอธิบาย “ไม่ใช่นะคะ สิ่งที่ฉันสัญญาไว้ฉันจะไม่คืนคำหรอกค่ะ แค่เวลาอาจจะกระชั้นไปหน่อย…”
“งั้นแปลว่าเธอก็เต็มใจสินะ”
หวงจิงจิงกัดฟันแน่น แก้มแดงราวกับจะหยดเลือด ความเขินอายทำให้เธอพูดไม่ออก
เหอเจ๋อเห็นแบบนั้นก็อดขำในใจไม่ได้ รู้สึกโล่งสบาย ความคับข้องใจที่โดนแกล้งมาหลายครั้งก็หายเป็นปลิดทิ้ง
MANGA DISCUSSION