บทที่ 85 การที่เราสามคนอยู่ด้วยกันก็อาจจะดี
ยิ่งสู้ไปนานเท่าไหร่ ยิ่งเห็นได้ชัดว่าระดับพลังของเย่เฉินเหนือกว่าทั้งสองคนมาก เขาจึงค่อย ๆ เอาชนะได้อย่างรวดเร็ว
เฉินจิ้งหมิ่นหน้าซีดเผือด เมื่อมาถึงขั้นนี้ เธอก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรอีกต่อไป เธอจ้องมองไปที่ซุนไห่หมิงที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน แล้วถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมโรคของเย่หงเทาถึงหายเป็นปลิดทิ้ง แล้วยังมีเย่เฉินที่ดูแข็งแกร่งขึ้นอีก?”
ซุนไห่หมิงก็ตื่นตระหนกเช่นกัน ตอนนี้เขากับตระกูลเฉินก็เหมือนกับตั๊กแตนอยู่บนเส้นด้ายเส้นเดียวกัน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ความคิดที่ไม่น่าเชื่อก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
เฉินจิ้งหมิ่นเห็นเขามีท่าทีอึกอัก จึงพูดอย่างร้อนใจว่า “จะอ้ำอึ้งอะไรอีกล่ะ แกเป็นผู้ชายหรือเปล่า? มีอะไรก็พูดออกมา”
ซุนไห่หมิงพูดอย่างลังเล “เมื่อคืนฉันได้เจอเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่บ้านตระกูลเย่ ฝีมือการแพทย์ของเขาไม่เลว…”
“หรือว่าเขาจะเป็นคนรักษาเย่เฉินกับเย่หงเทา?” เฉินจิ้งหมิ่นขัดจังหวะด้วยความหงุดหงิด เธอถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “เขาชื่ออะไร เป็นคนของตระกูลเย่หรือเปล่า?”
“ไม่ใช่” ซุนไห่หมิงพยายามนึกอยู่นาน ก่อนจะพูดอย่างไม่แน่ใจว่า “เหมือนจะแซ่เหอ ชื่อว่า เหอ… เหอเจ๋อ ใช่แล้ว! ชื่อนี้แหละ”
หลังจากฟังจบ เฉินจิ้งหมิ่นก็ขมวดคิ้ว เธอพึมพำกับตัวเองว่า “ทำไมชื่อนี้ถึงฟังดูคุ้น ๆ”
เลขานุการที่อยู่ด้านหลังรีบเตือนว่า “คุณหนูคะ คนที่ทำแผนลอบสังหารเย่ซวงของคุณหนูล้มเหลวเมื่อคราวที่แล้วก็ชื่อนี้ค่ะ”
เฉินจิ้งหมิ่นเพิ่งรู้สึกตัว เธอขบกรามแน่นพูดว่า “ไอ้สารเลวนี่ แค่ทำเรื่องฉันล่มไม่พอยังจะมาหาเรื่องฉันอีก รนหาที่ตายนัก!”
ตอนนี้ ซุนไห่หมิงก็เหมือนแมวที่โดนเหยียบหาง ร้องลั่นออกมาทันที “ออกมาแล้ว! ก็มันนั่นแหละ!”
ส่วนเหอเจ๋อหลังจากที่พักอยู่ในห้องใต้ดินอยู่พักหนึ่ง เขาก็ฟื้นพลังมาได้บ้างแล้ว จึงอยากขึ้นไปดูว่าพอจะมีอะไรช่วยได้บ้าง แต่ใครจะไปคิดว่าเพิ่งขึ้นมา เขาก็รู้สึกราวกับมีสายตาคมกริบราวกับดาบนับไม่ถ้วนจ้องมาที่เขา
“ขึ้นไปฆ่ามัน! ฆ่าไอ้เด็กเสื้อขาวนั่น! ฉันให้รางวัลหนึ่งร้อยล้าน!” เฉินจิ้งหมิ่นเกลียดเข้ากระดูกดำ เธอประกาศรางวัลมหาศาลออกไปทันที
มีรางวัลล่อใจแบบนี้ ย่อมต้องมีคนกล้าเสี่ยงเป็นธรรมดา ดวงตาของคนตระกูลเฉินเป็นประกาย พวกเขาร้องคำรามพุ่งเข้าใส่เหอเจ๋อ ราวกับลิงอุรังอุตังที่กำลังติดสัด
ซุนไห่หมิงเองก็ไม่ยอมแพ้ เขาร่วมวงในนั้นไปด้วย รอจังหวะแก้แค้น
เหอเจ๋อตกใจมาก แต่เขาก็เป็นถึงปรมาจารย์พลังปราณ ถึงแม้ว่าพลังปราณจะใกล้หมดแล้ว แต่ร่างกายของเขาก็ยังแข็งแกร่ง คนตระกูลเฉินถึงแม้จะมีจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่ระดับฝึกหัดปราณ เบื้องหน้าเขา พวกนี้ยังอ่อนหัดนัก แค่สามหมัดสองเท้าก็ร่วงไปเป็นแผงแล้ว
“โอ้ นี่ไม่ใช่คุณชายไห่หมิงหรอกเหรอ” ทันใดนั้นเหอเจ๋อก็ตาโต พูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ประลองวิชาแพทย์กันยังไม่หนำใจ อยากลองมาประลองฝีมือกันอีกรึไง?”
ซุนไห่หมิงเห็นคนอื่นล้มลงไปกองกับพื้นมากมาย เขาก็กลัวจนหัวหด พูดอย่างขาดความมั่นใจ “อย่ามาเก่ง! พ่อฉันเป็นถึงปรมาจารย์พลังชี่ขั้นสูง ถ้าแกกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายเล็บเดียว เขาจะต้องสับแกเป็นชิ้น ๆ แน่!”
“โห กลัวจังเลย” เหอเจ๋อแสร้งทำเป็นกลัว จากนั้นในขณะที่ซุนไห่หมิงคิดว่าตัวเองรอดตัวไปได้ เหอเจ๋อก็เตะเข้าที่หว่างขาของเขาอย่างแรง
“ปล่อยให้แกไปยุ่งกับเมียชาวบ้านแบบนี้ ฉันจะสั่งสอนแกแทนพ่อแกเอง”
ซุนไห่หมิงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด กอดเข่าร้องไห้ฟูมฟายอยู่กับพื้น
สถานการณ์ในตอนนี้เริ่มชัดเจนขึ้น แม้เย่เฉินจะเก่งกาจ แต่การต่อสู้เพียงลำพังทำให้ความได้เปรียบค่อย ๆ ถูกกัดกร่อน จนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในที่สุด
พอเห็นดังนั้น เหอเจ๋อก็รีบพุ่งตัวไปหาเฉินจิ้งหมิ่นที่กำลังจะหนี พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูเฉิน หยุดพวกนั้นเถอะ”
เฉินจิ้งหมิ่นมองชายผู้ทำลายแผนการของเธอด้วยแววตาสับสน ก่อนจะแย้มยิ้มหวาน ฉวยโอกาสนี้ทล้มตัวลงซบลงบนอกเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “เรามาตกลงกันดี ๆ ไหมคะ คุณแต่งเข้าตระกูลเฉินของฉัน มาเป็นสามีฉัน ตระกูลเฉินทั้งหมดก็จะเป็นของคุณ”
เหอเจ๋อไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมอง “จุดอ่อน” ของเขาออกและใช้มารยาหญิงเข้าเล่นงาน ความรู้สึกนุ่มนิ่มในอ้อมกอด ใบหน้าอันงดงามที่อยู่ใกล้ชิด ในฐานะชายหนุ่มที่เติบโตในเมืองเล็ก ๆ อย่างหลินอัน เหอเจ๋อไม่เคยพบเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน จนทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ
เฉินจิ้งหมิ่นไม่ได้พูดเล่น ๆ หากเหอเจ๋อตอบตกลง เธอก็พร้อมจะทำตามสัญญา
ผู้ฝึกยุทธ์พลังชี่ที่ทั้งหนุ่มทั้งเก่งกาจด้านการแพทย์แบบนี้ ย่อมมีค่ามหาศาลต่อตระกูลเฉิน สำหรับความสุขส่วนตัว เธอไม่เคยใส่ใจอยู่แล้ว
“นางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ไร้ยางอาย ชอบใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรก! เหอเจ๋อ อย่าไปหลงกลเธอ!” เย่ซวงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าก็ร้อนใจ ไม่สนอะไรทั้งนั้น หลุดปากตะโกนออกไปว่า “ฆ่าผู้หญิงสารเลวนั่นซะ! ฉันจะแต่งงานกับคุณเอง!”
“ไร้สาระ! ยัยหมูตอนตัวดำปี๋แบบแกจะไปสวยสู้ฉันได้ยังไง เหอเจ๋อต้องแต่งงานกับฉันสิ!” เฉินจิ้งหมิ่นตวาดกลับอย่างหัวเสีย
“สนามบินของแกมันดีตรงไหนกัน กลางดึกกอดไว้ยังแยกไม่ออกเลยว่าข้างไหนเป็นข้างไหน! หน้าอกฉันใหญ่ แต่งงานกับฉันสิ!”
…
คนรอบข้างต่างงุนงงสงสัยว่าตัวเองกำลังฝันไปหรือเปล่า คุณหนูใหญ่สองคนของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงต่างแย่งกันจะแต่งงานกับผู้ชายคนเดียวกัน?
ขณะที่ทั้งสองกำลังเปิดเผยข้อเสียและโต้เถียงกันอย่างดุเดือด เหอเจ๋อตัวต้นเรื่องก็ทนไม่ไหว เขาจึงพูดขึ้นเสียงดังว่า “พวกคุณหยุดก่อนได้ไหม ฟังผมพูดหน่อย”
หญิงสาวทั้งสองเงียบปากลงพร้อมกัน ทุกคนต่างหันไปมองเขา
เหอเจ๋อกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ถึงแม้คุณผู้หญิงทั้งสองจะกระตือรือร้นมาก แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ควรรีบร้อน ผมคิดว่าเราลองทำความรู้จักกันก่อนดีไหม บางทีการที่เราสามคนอยู่ด้วยกันก็อาจจะดีก็ได้…”
“หุบปาก!” เสียงหญิงสาวทั้งสองตะโกนขึ้นพร้อมกัน
ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกนับถือในใจ ผู้ชายคนนี้กล้าหาญมากที่คิดจะเอาคุณหนูใหญ่ของสองตระกูลมาเป็นภรรยาพร้อมกัน
สถานการณ์ตอนนี้ แผนการที่วางไว้ล่วงหน้าทั้งหมดได้พังทลายลง หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะพากันแพ้ทั้งสองฝ่าย ปล่อยให้คนนอกได้ประโยชน์ไปเปล่า ๆ
เฉินจิ้งหมิ่นสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส คุณอา พวกเรากลับกันก่อนเถอะ!”
ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลเฉินรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่เนื่องจากเฉินจิ้งหมิ่นได้ดูแลตระกูลเฉินมาหลายปี และมักจะวางแผนอย่างรอบคอบเสมอ เขาจึงไม่กล้าขัดคำสั่งอย่างเปิดเผย ได้แต่แล้วถอยกลับไป
เย่เฉินอยู่ในสถานะเสียเปรียบ จึงไม่ไล่ตาม เขาเก็บท่าทางแล้วยืนป้องกันอยู่ด้านหน้าของเย่หงเถา
เฉินจิ้งหมิ่นจากไปพร้อมกับคนของตระกูลเฉิน ก่อนจะไปเธอหันกลับมาพูดอย่างจริงจังว่า “คุณเหอ ตระกูลเย่สามารถให้อะไรคุณได้ ฉันก็สามารถให้คุณได้สิบเท่าร้อยเท่า หวังว่าคุณจะพิจารณาดู”
เหตุการณ์วุ่นวายจบลง พ่อบ้านเจิ้งเริ่มสั่งการให้คนรับใช้ของตระกูลเย่เก็บกวาดทำความสะอาด
MANGA DISCUSSION