บทที่ 82 ผู้อาวุโสตระกูลเฉินยากที่จะต่อกร
เย่ซวงแอบหัวเราะออกมาแล้วพูดอย่างยิ้มเยาะว่า “เกรงว่าพรุ่งนี้ซุนไห่หมิงจะกลายเป็นตัวตลกแน่ ๆ ถึงตอนนั้นอยากรู้จริง ๆ ว่าเขาจะกล้าเสนอเรื่องแต่งงานได้อย่างไร”
ท่านพ่อเย่หงเทา ส่ายหน้าถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ ตระกูลซุนกำลังมีอำนาจ พวกเขาอยากจะกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว ตอนนี้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น พวกเขาก็อาจจะไปเข้ากับตระกูลเฉิน”
เย่ซวงส่งเสียง “หึ” ในลำคอ พร้อมกับกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “รู้อยู่แล้วว่าหมาป่าตาขาวตัวนี้ไม่น่าเชื่อถือ ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน คนที่จะพึ่งพาได้มีแต่ตัวเองเท่านั้น”
เย่หงเทารู้ดีถึงความจริงข้อนี้ หากตัวเองแข็งแกร่งพอ ก็คงไม่ต้องก้มหัวให้ใครต่อใคร
“แต่ผู้อาวุโสแห่งตระกูลเฉินบ่มเพาะพลังชี่มาสามสิบกว่าปี พวกเราสองคนไม่ใช่คู่มือของเขา มีแต่พี่ใหญ่เท่านั้น…”
พูดถึงตรงนี้ ทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเหอเจ๋อที่กำลังเล่นเข็มเงินเจ็ดดาราอยู่ในมือ แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
“อาการของนายท่านเย่ ผมต้องตรวจดูให้แน่ใจก่อน ถึงจะบอกได้ว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้พูดไปก็เท่านั้น พวกคุณก็คงไม่เชื่ออยู่ดี” เหอเจ๋อเข้าใจความหมายของพวกเขา เขายักไหล่แล้วพูดอย่างจนใจ
ทั้งสองคนรู้ดีว่าเป็นเช่นนั้น เย่เฉินกำลังฝึกวิชา ต้องรอถึงเช้าวันพรุ่งนี้จึงจะออกจากการฝึกวิชาได้ พวกเขาได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เกิดเรื่องขึ้นก่อนหน้านั้น
ซุนไห่หมิงหลังจากกลับไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอับอายขายหน้า แถมยังทำเข็มเงินเจ็ดดารามรดกตกทอดของตระกูลหายไปอีก ต่อให้กลับไป ก็คงไม่พ้นถูกลงโทษอย่างหนัก
เขาครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะหักพวงมาลัยรถ ตรงไปยังบ้านตระกูลเฉินทันที
“ฉันต้องการพบเฉินจิ้งหมิ่น บอกเธอไปว่าฉันตกลงตามเงื่อนไขแล้ว”
…
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ลุงเจิ้งกำลังสั่งให้คนรับใช้ทำความสะอาดบ้านและเตรียมอาหารเช้า รถยนต์นับสิบคันก็แล่นมาจอดที่หน้าประตูบ้าน บรรดาชายฉกรรจ์ในชุดดำก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะกระหน่ำทุบประตูบ้านเสียงดังสนั่น
“ข้างในยังมีคนอยู่หรือเปล่า? รีบออกมาให้หมด!”
พ่อบ้านเจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่งสัญญาณให้ยามที่เฝ้าประตูอยู่ใจเย็นเอาไว้ แล้วเอ่ยปากถามออกไป “มีเรื่องอะไรกันแต่เช้า คนในบ้านยังไม่ตื่นกันเลย กลับไปก่อนเถอะ นี่ยังเช้าอยู่”
“พูดมากน่า! ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต กู้หนี้ยืมสินก็ต้องชดใช้! พวกเรามาทวงหนี้!” ชายหนุ่มที่ทุบประตูตะโกนกลับอย่างไม่เกรงกลัว
เมื่อได้ยินดังนั้น พ่อบ้านเจิ้งก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ จึงสั่งให้คนไปตามเย่ซวงและเย่หงเทา พร้อมกับถ่วงเวลาออกไป “งั้นรอสักครู่ คนที่ตัดสินใจได้ยังไม่ตื่นกัน”
“รออะไรล่ะ! พังประตูไปเลย!”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม ก่อนจะโบกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องทั้งเจ็ดแปดคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง บุกเข้าไปพร้อมกัน พวกมันตะโกน “หนึ่ง… สอง… สาม!” ก่อนจะกระแทกเท้าเข้ากับประตูบ้านอย่างแรง
ปัง!
ประตูบ้านไม้สี่ส่วนแบบโบราณของตระกูลเย่พังทลายลงในทันที เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไม่มีความแข็งแรงมั่นคงหลงเหลืออยู่
“กล้ามาหาเรื่องตระกูลเย่ พวกแกเบื่อโลกแล้วหรือไง! ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!” เสียงหวานใสแต่แฝงไว้ด้วยความดุดันดังกึกก้อง พร้อมกับพลังชี่บริสุทธิ์ไร้สีที่พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มหัวโจก
ชายหนุ่มร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกจากปาก ใบหน้าซีดเผือดทรุดลงกับพื้น
คนของตระกูลเย่รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที ความหวาดกลัวบนใบหน้าลดลงอย่างเห็นได้ชัดราวกับได้พบกับที่ยึดเหนี่ยว เย่ซวงสวมเสื้อโค้ตยาว ก้าวเท้าออกมาอย่างองอาจ
เมื่อนายใหญ่ปรากฏตัว ลูกกระจ๊อกพวกนี้ก็ไม่สมควรเป็นคู่ต่อกรอีกต่อไป เฉินจิ้งหมิ่นสวมรองเท้าส้นสูง เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า “คุณหนูใหญ่ตระกูลเย่นี่อารมณ์ร้ายจังเลยนะ” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเย็น
เย่ซวงแค่นเสียงเยาะหยัน “ก็มีแมลงวันบินตอมหัวแต่เช้า จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงล่ะ”
“เย่ซวง เลิกทำเป็นอวดเก่งสักที พูดกันตรง ๆ เลยดีกว่า บริษัททั้งหมดในเครือของตระกูลเย่ ยกให้ตระกูลฉันสองในสาม เรื่องนี้ก็จบ แต่ถ้าไม่ วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของตระกูลเย่!”
ครั้งนี้เฉินจิ้งหมิ่นตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เมื่อเธอพูดจบ คนที่อยู่ด้านหลังเธอก็กระจายตัวล้อมรอบคนตระกูลเย่ไว้จนมิดชิด ราวกับน้ำท่วมปิดทางเข้าออก
เย่ซวงไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย เธอมองไปที่ชายชราผมขาวที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาหวาดหวั่นเพียงเท่านั้น
ในสังคมปัจจุบันทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ แม้แต่ตระกูลนักสู้โบราณก็ไม่มีข้อยกเว้น
คำกล่าวที่ว่า “วรรณกรรมจน ศิลปะการต่อสู้รวย” สะท้อนให้เห็นว่าหากไม่มีเงิน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝึกฝนยอดฝีมือ เหมือนดังการประมูลการกุศลของตระกูลจางครั้งนี้ สมุนไพรที่ตระกูลเย่กวาดซื้อกลับไป เพียงพอที่จะฝึกฝนยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ยุทธได้นับสิบคน
แต่เงินทองของทุกคนบนโลกนี้ ล้วนไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ เงินที่ใช้ไปทั้งหมดมาจากธุรกิจของตระกูล หากต้องจ่ายออกไปถึงสองในสาม เกรงว่าไม่นาน ตระกูลเย่เองก็จะตกต่ำลง เพราะขาดผู้สืบทอด
เย่ซวงย่อมรู้ดีถึงเหตุผลนี้ เธอหัวเราะเย็นชาออกมา พูดอย่างดูถูกเหยียดหยันว่า “เช้าตรู่แบบนี้ เธอยังไม่ตื่นจากฝันอีกเหรอ? พูดเพ้อเจ้ออะไรอยู่เนี่ย”
เฉินจิ้งหมิ่นหัวเราะลั่น ดวงตาเป็นประกาย พูดพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยว่า “หรือว่าเธอกำลังรอเย่เฉินกับเย่หงเทาอยู่? อย่าฝันไปเลย! บอกความจริงให้ก็ได้ พวกเขาทั้งสองคนไม่มีทางมาหรอก”
เย่ซวงตกใจ เฉินเหอคนโลเลคนนั้นไม่มา ก็ถือว่าอยู่ในความคาดหมาย แต่คุณอาเย่ ทำไมถึงกลับมาไม่ได้?
เธอคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหลอกลวง จึงโต้กลับอย่างเจ็บแสบว่า “อย่ามาพูดไร้สาระน่า มีฉันกับอาเย่อยู่ ตระกูลเฉินไม่มีทางสมหวังหรอก อย่าฝันไปเลย”
แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ใช่คู่มือของผู้อาวุโสตระกูลเฉิน แต่หากร่วมมือกัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่มองข้ามได้ หากตระกูลเฉินคิดจะใช้กำลังกับตระกูลเย่ ภายหลังก็ต้องคิดถึงผลที่จะตามมาจากการแก้แค้นของพวกเขาด้วย
“งั้นก็ให้ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกัน ท่านผู้อาวุโส จับตัวนาง!” เฉินจิ้งหมิ่นเกรงว่าเหตุการณ์จะยืดเยื้อ จึงไม่พูดมากความอีกต่อไป ตะโกนเสียงดัง
ผู้อาวุโสผมขาวโพลนของตระกูลเฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกแขนขึ้น ปราณจิตสองสายที่มองไม่เห็นก็พุ่งออกไป
เย่ซวงไม่กล้าประมาท ระดมพลังปราณทั้งหมด ปกป้องร่างกายของตัวเองเอาไว้
พลังปราณถูกปล่อยออกมาด้วยความเร็วที่น่าตกใจ เกือบจะในพริบตาเดียว ทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกัน
อย่างไรก็ตาม เย่ซวงฝึกฝนมาเป็นเวลาสั้นกว่า พลังปราณของเธอยังเทียบไม่ได้กับความล้ำลึกของเขา ในการปะทะที่แทบจะไม่มีเทคนิคพิเศษใด ๆ แบบนี้ เธอจึงพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
โชคดีที่เธอรู้ผลลัพธ์นี้ตั้งแต่แรก ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะตั้งรับเป็นหลัก แม้ว่าจะไม่สามารถต้านทานได้ แต่เธอก็สามารถผลักพลังปราณออกไปได้สำเร็จ และตัวเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ผู้อาวุโสของตระกูลเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เหี้ยมโหด “แม้ว่าเธอจะะหลบได้ครั้งนี้ แต่จะหลบได้อีกกี่ครั้งกัน?”
ใบหน้าของเย่ซวงบึ้งตึง ในยามปกติ เธอและเย่หงเทาต้องร่วมมือกันจึงจะต้านทานได้อย่างยากลำบาก แต่ตอนนี้เหลือเธอเพียงคนเดียว เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
“เย่ซวง เย่หงเทาจะไม่มาช่วยเธอหรอก ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย อย่าขัดขืนอีกเลย ยอมแพ้ซะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตเธอ” เฉินจิ้งหมิ่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ริมฝีปากของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
ใบหน้าของเย่ซวงบึ้งตึงอย่างที่สุด เธอไม่เคยคิดเลยว่าในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด คนที่เธอไว้ใจที่สุดกลับแทงข้างหลังเธอ นี่คือสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดที่สุด
“พูดมากน่า! ต่อให้เหลือฉันคนเดียว ฉันก็จะไม่มีวันยอมแพ้!”
MANGA DISCUSSION