บทที่ 8 ใครช่วยฉันไว้?
พอเหอหย่งฝูลืมตาขึ้น เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
เหอหย่งฝูรู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา เป็นเวลากว่ายี่สิบปีที่เขาถูกคนทรยศและทรมานกับพิษกู่ แม้แต่ ‘เธอ’ ก็ไม่สามารถกำจัดพิษร้ายนั้นได้ แต่ตอนนี้พิษกู่กำเริบอีกครั้ง เขาจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร? หรือว่า ‘เธอ’ มาที่นี่?
ไม่รู้ทำไม ใบหน้าที่งดงามของใครบางคนถึงได้ผุดขึ้นมาในหัวของเหอหย่งฝู
“ลุงเหอ ตื่นแล้วเหรอคะ?” เสียงของจางเหวินฉีดังขึ้นข้างหูของเหอหย่งฝู ดึงความคิดของเขากลับมาจากห้วงความทรงจำ
เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของเหอหย่งฝู หลังจากกลับไปที่บริษัทและมอบหมายงานเรียบร้อยแล้ว จางเหวินฉีก็รีบกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
“เหวินฉี หมอคนไหน… รักษาอาการป่วยของฉัน?” เหอหย่งฝูถามด้วยเสียงแหบแห้ง เขาเชื่อมั่นว่าต้องมีเพียงคนคนนั้นเท่านั้น ที่สามารถระงับอาการของเขาได้
จางเหวินฉีได้ยินเหอหย่งฝูถามแบบนั้น เธอก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบตามตรงว่า “เป็นเด็กหนุ่มคนนึงค่ะ จู่ ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้น เขาชื่อว่าเหอเจ๋อ เดิมทีโรงพยาบาลหมดหนทางแล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะ…”
พอได้ยินชื่อเหอเจ๋อ สีหน้าของเหอหย่งฝูก็เปลี่ยนไปทันที “ฉันเข้าใจแล้ว ช่วยเรียกเขามาหาฉันหน่อย”
จางเหวินฉี “เขาไปแล้วค่ะ ไม่ได้ทิ้งช่องทางติดต่อไว้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหอหย่งฝูก็อดถอนหายใจไม่ได้ พึมพำว่า “ไม่คิดจะมาเจอหน้าฉันจริง ๆ สินะ”
“ลุงเหอ พูดว่าอะไรนะคะ?” จางเหวินฉีไม่ได้ยินชัด
เหอหย่งฝูกระแอมเบา ๆ แล้วพูดว่า “เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ช่วยหาทางติดต่อกับเขาให้ฉันหน่อย”
…
อีกด้านหนึ่ง ตอนนี้เหอเจ๋อกำลังเดินอยู่ในฟูดคอร์ตใต้ตึกหมู่บ้านกว่างหนาน
เขาถือเนื้อแกะเสียบไม้ไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือโค้กกระป๋อง เดินไปพลางกินไปพลาง
ชีวิตที่ไร้ข้อจำกัดค่อนข้างน่ารื่นรมย์ อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่ต้องตามผู้หญิงรุนแรงคนนั้นไปฝึกพิเศษ
ส่วนเรื่องว่าใครเป็นคนวางยาพิษเหอหย่งฝู เหอเจ๋อยังไม่มีเบาะแส ในฐานะคนที่เพิ่งมาที่เมืองกว่างหนาน เขาก็ยังไม่รู้จักบริษัทเหอฟิล์มดีเท่าไหร่ เขาเลยตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปหากวนหลิงเพื่อถามดู กวนหลิงเป็นนักข่าวอาวุโสของหนังสือพิมพ์กว่างหนานรายวัน เธอน่าจะรู้เรื่องพื้นฐานของบริษัทภาพยนต์เหอดี
หรืออาจจะเคาะประตูทีเพื่อดูว่าเธอกลับมาแล้วหรือยัง? แล้วก็ขออาบน้ำที่ห้องเธอด้วย ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็กลับไปพังเครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้าก่อนดีกว่า?
เหอเจ๋อคิดไปเรื่อยเปื่อยระหว่างเดินออกจากศูนย์อาหาร มุ่งหน้าไปทางย่านที่พักอาศัย
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นร่างสูงของกวนหลิงเดินอยู่ข้างหน้า
ค่ำคืนมืดมิด รอบข้างเงียบสงัด เหมาะแก่การเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามเสียจริง ถ้ามีพวกอันธพาลสักสองสามคนโผล่มาคงจะดี?
ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมา
จู่ ๆ ก็มีเงาดำสองพุ่งออกมาจากตรอกข้าง ๆ
“กรี๊ด…”
เสียงกรีดร้องของกวนหลิงหยุดชะงัก ดูเหมือนว่าปากของเธอจะถูกปิดไว้
โอ้โฮ ได้เป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามจริง ๆ ด้วย เหอเจ๋ออดชื่นชมปากตัวเองไม่ได้ เขารีบทิ้งโค้กที่ยังกินไม่หมด แล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
กวนหลิงถูกต้อนจนมุมอยู่ที่มุมหนึ่งของตรอก คนที่จับตัวเธอนั้น เป็นชายกำยำสองคน
คนหนึ่งเป็นชายหัวโล้นกับอีกคนหนึ่งเป็นชายเคราแพะ
ปากของกวนหลิงถูกชายหัวโล้นปิดไว้ จึงส่งเสียงอะไรออกมาไม่ได้ แววตาเต็มไปด้วยความกลัว
“นักข่าวกวน คุณชายจูบอกแล้วว่า ถ้าคุณยอมเอาภาพถ่ายที่แอบถ่ายคราวก่อนออกมาให้ ความขุ่นเคืองระหว่างคุณกับเขาก็จะหมดไป” ชายหัวโล้นร่างใหญ่ว่า
เมื่อได้ยินแบบนั้น กวนหลิงก็เข้าใจในทันที ก่อนหน้านี้เธอปลอมตัวไปสืบข่าวที่ไนท์คลับแห่งหนึ่ง แล้วเผลอถ่ายภาพชายคนหนึ่งจากงานปาร์ตี้คล้ายๆ กับงานเลี้ยง ‘เทียนเซิน’ *[1] ของคุณชายจากบริษัทแห่งหนึ่ง คุณชายคนนั้นเป็นที่เลื่องลือกันในกลุ่มคนดังว่าเป็นสุภาพบุรุษ และกำลังจะหมั้นกับคุณหนูใหญ่จากบริษัทแห่งหนึ่ง
ถ้าภาพถ่ายที่กวนหลิงมีอยู่ในมือหลุดออกไป งานแต่งงานในคราวนี้คงต้องล่มไม่เป็นท่า
ก่อนหน้านี้ คุณชายจูได้ส่งคนมาหากวนหลิงเป็นการส่วนตัวหลายครั้ง เพื่อขอซื้อฟิล์มคืน แต่กวนหลิงปฏิเสธไปทั้งหมด
คุณชายจูทนไม่ไหว คราวนี้จึงใช้วิธีรุนแรง จ้างสองคนนี้มาข่มขู่กวนหลิง
“นักข่าวกวน ไม่ต้องรีบปฏิเสธก็ได้ คุณชายจูบอกว่าถ้าคุณยังไม่ยอมเอาฟิล์มมาให้ ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเราจะปลดเสื้อผ้าของคุณ แล้วถ่ายภาพเก็บไว้หนึ่งชุด พอถึงตอนนั้นเราก็จะมีจุดอ่อนของกันและกัน ถือว่ายุติธรรมแล้ว…”
เมื่อได้ยินแบบนั้น กวนหลิงก็ดิ้นรนสุดแรง แต่แรงของผู้หญิงคนหนึ่ง จะไปสู้แรงของชายฉกรรจ์สองคนได้อย่างไร ไม่ว่ากวนหลิงจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเขาได้
“หยุดนะ! ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปซะ มีอะไรก็เข้ามาสิวะ!” ในจังหวะนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นที่ปากซอย
ภายในตรอกตกอยู่ในความเงียบ กลิ่นอายที่น่าอึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว
เหอเจ๋อ ไอแห้ง ๆ “ขอโทษครับ เมื่อกี้พูดผิด ขอพูดใหม่”
“หยุดนะ ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปซะ มีอะไรก็มาคุยกับฉัน!”
“พี่ชายมาเล่นตลกเหรอวะ? คิดจะเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามอยู่หรือไง? แกคิดว่าตัวเองสู้พวกเราได้เหรอ?” ชายเคราแพะอดหัวเราะเยาะไม่ได้ เมื่อเห็นเหอเจ๋อภายใต้แสงไฟสลัวจากไฟริมถนน
เหอเจ๋อสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปด ผิวขาวราวกับเด็กหนุ่มวัยแรกแย้ม ส่วนชายเคราแพะสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสอง รูปร่างกำยำล่ำสัน ไม่แปลกที่เขาจะไม่ใส่ใจเหอเจ๋อ
“ถ้าสู้ไม่ได้ ฉันก็ร้องขอความช่วยเหลือได้” เหอเจ๋อแกล้งทำท่าจะตะโกน
หนุ่มเคราแพะถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ บ้าไปแล้ว นี่มันวิธีการช่วยสาวงามแบบไหนกัน ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี ปกติคนอื่นไม่ใช่จะต้องพุ่งเข้าไปสู้ก่อนเหรอ? ถ้าเหอเจ๋อตะโกนขอความช่วยเหลือจริง ๆ พวกเขาทั้งสองคนก็คงทำอะไรไม่ได้
แต่เมื่อรอมาสักพัก เหอเจ๋อก็ยังไม่ยอมตะโกน
“แกจะร้องหรือไม่ร้องวะ?” ชายเคราแพะเริ่มกระสับกระส่ายเพราะเหอเจ๋อ
เหอเจ๋อ “สู้กันก่อนดีกว่า ถ้าสู้ไม่ได้ฉันค่อยร้อง”
ชายหัวโล้น “ไอ้หนวด อย่าไปต่อปากต่อคำกับมัน เข้าไปซัดมันเลย!”
ชายเคราแพะใช้สกิลเคลื่อนที่ พุ่งเข้าไปข้างหน้าเหอเจ๋อ
เหอเจ๋อหลบไปทางด้านข้างอย่างเฉียบขาด เขาเตะเข้าที่หน้าท้องของชายเคราแพะเต็มแรง
ดูเหมือนว่าสกิลของชายเคราแพะจะติดคูลดาวน์ ทำให้ขยับไม่ได้ ถูกเหอเจ๋อเตะจนร่วงลงไปที่ผนังตรอก แล้วก็เข้าสู่สถานะมึนงง
เมื่อชายเคราแพะได้สติ เหอเจ๋อก็ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า “ถ้าสู้ได้ ก็ไม่ต้องเรียกให้ใครช่วย” พูดจบ เขาก็ตบหน้าชายเคราแพะจนหมดสติไป
ชายหัวโล้นเมื่อเห็นชายเคราแพะโดนจัดการในพริบตาก็ตกใจ ต้องรู้ว่าชายเคราแพะเป็นคนที่ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสทุกวัน แล้วจะไปแพ้ให้ไอ้หน้าขาวคนนี้ได้อย่างไร?
“ถึงตาแกแล้วไอ้หัวโล้น มาสู้กันตัวต่อตัวเลย” เหอเจ๋อเดินตรงไปหาชายหัวโล้นและกวนหลิง
ตอนนี้ ชายหัวโล้นแทบจะร้องไห้ สู้กับแกน่ะเหรอ? แกคิดว่าฉันขยับได้หรือไง?
ตอนนี้กวนหลิงกำลังใช้สกิลควบคุมชายหัวโล้นอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาจะสู้กับเหอเจ๋อได้หรือไม่ แม้ว่าจะสู้ได้ แต่ถ้าเขาปล่อยมือที่ปิดปากกวนหลิง กวนหลิงต้องร้องขอความช่วยเหลือแน่นอน
แบบนี้จะสู้กันยังไง?
[1] งานเลี้ยงไฮเทียน งานปาร์ตี้สุดหรู มักจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่และใช้เงินอย่างทองฟุ่มเฟือย
MANGA DISCUSSION