บทที่ 78 คำท้า
เย่หงเทาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเผยรอยยิ้มสดใส พูดเสียงดังว่า “มาได้จังหวะพอดีเลยไห่หมิง พวกเรากำลังจะเริ่มกินพอดี มาเอาตะเกียบกับชามมาเพิ่มอีกชุด”
สองตระกูลสนิทกันมานาน คนในตระกูลเย่ไม่รู้สึกแปลกหน้ากับเขา ไม่นานคนรับใช้ก็นำเก้าอี้มาให้ ซุนไห่หมิงก็ไม่เกรงใจ นั่งลงอย่างสบาย ๆ พูดพลางยิ้มว่า “คืนนี้คึกคักจังเลย มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
เย่หงเทาไม่รู้เรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นที่สนามบินตอนเที่ยง จึงยิ้มแนะนำว่า “นี่คือหมอเหอที่ซวงเอ๋อร์เพิ่งเชิญมารักษาเย่เฉิน พวกเรากำลังจัดงานต้อนรับเขาอยู่”
“อ้อ” ซุนไห่หมิงทำท่าเหมือนเพิ่งเข้าใจ พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ถึงดวงตาว่า “คุณอาเย่ต้องระวังหน่อยนะครับ ผมได้ยินเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแพทย์บอกว่า ตอนนี้มีคนนอกหลายคนแอบอ้างเป็นหมอมาหลอกลวง ไม่มีความรู้ก็แล้วไป ยังทำให้เสียเวลารักษาอีก พวกนี้น่าโมโหที่สุด ต้องระวังให้ดีนะครับ!”
ทุกคนที่นั่งอยู่ไม่มีใครโง่ จะไม่เข้าใจคำพูดเสียดสีแบบนี้ได้อย่างไร? ทุกคนจึงมองไปที่เหอเจ๋อ
เย่ซวงขมวดคิ้ว เธอได้เห็นความสามารถของเหอเจ๋อมาแล้ว การช่วยเหลือตระกูลเย่ของเขาไม่ด้อยไปกว่าตระกูลซุนเลย ยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้สึกเกลียดซุนไห่หมิงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เย็นชาลง พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “พี่ซุน อาหารกินได้ตามสบาย แต่คำพูดไม่ควรพูดส่งเดชนะคะ ฝีมือทางการแพทย์ของคุณเหอ ฉันได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาช่วยเหลือ ฉันอาจจะตายอยู่ข้างนอกแล้วก็ได้”
ซุนไห่หมิงไม่คิดว่าเธอจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เขายิ่งอิจฉา กลอกตาไปมาแล้วยิ้มพูดว่า “ซวงเอ๋อร์อย่าโกรธสิ ผมไม่ได้มีเจตนาอื่น แค่อยากลองวัดฝีมือกับคุณเหอคนนี้หน่อยเท่านั้นเอง”
สีหน้าของเย่ซวงยังคงบึ้งตึง แต่หาเหตุผลมาปฏิเสธไม่ได้ จึงได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วนั่งกลับที่เดิม
ซุนหมิงไห่มองเหอเจ๋อด้วยสายตาท้าทาย พูดอย่างกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มว่า “คุณคงไม่ได้กลัวหรอกนะ?”
เหอเจ๋อหยิบกระดาษเช็ดปากบนโต๊ะขึ้นมา เช็ดปากอย่างสง่างาม แล้วพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “ผมยอมรับคำท้าของคุณได้”
การถูกรังแกอย่างต่อเนื่องแบบนี้ แม้แต่คนใจเย็นก็ต้องโมโห น้ำเสียงของเขาจึงมีความไม่สุภาพมากขึ้น
“คำท้า?” ซุนไห่หมิงหัวเราะลั่น พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว นี่เป็นการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมกันอย่างสิ้นเชิง บางทีคุณอาจจะเรียกมันว่าการให้ความรู้จะเหมาะสมกว่า”
“คุณจะให้ความรู้ผม?” เหอเจ๋อหรี่ตา ย้อนกลับอย่างเสียดสี
“นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา” ซุนไห่หมิงหัวเราะลั่นอย่างสุดขีด ความดูถูกเหยียดหยามปรากฏชัดเจนบนใบหน้า
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด ไม่มีทางประนีประนอม คนในตระกูลเย่ก็ไม่กล้าแทรกแซง
เย่หงเทาลุกขึ้นยืน มองทั้งสองคนแล้วพูดอย่างมีนัยสำคัญว่า “ในเมื่อพวกคุณยืนกรานจะประลองกัน ถ้าไม่มีเดิมพันอะไรก็คงไม่สนุก เอาอย่างนี้ไหม พวกเราเอาอะไรมาเดิมพันกันเล่น ๆ?”
เขาเป็นผู้อาวุโสกว่า เมื่อเสนอมาแล้ว ใครก็ไม่กล้าขัด ซุนไห่หมิงมองเหอเจ๋อแวบหนึ่ง แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “เขาจะมีอะไรมาเดิมพันกับผมได้?”
เย่หงเทาหัวเราะเบา ๆ ไม่รอให้เหอเจ๋อเอ่ยปาก รีบพูดขึ้นมาก่อนว่า “ไห่หมิง อย่าตัดสินคนแค่ภายนอก น้ำลึกไม่อาจวัดได้ หมอเหอคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ครั้งนี้เพื่อมารักษาพี่ชายของฉัน เขาได้นำปะการังเลือดมังกรมาด้วย นั่นเป็นของล้ำค่าชั้นเยี่ยม ไม่เอามาเป็นเดิมพันเหรอ?”
พูดพลางเขายังส่งสัญญาณให้ซุนไห่หมิงไม่หยุด หมายความว่าอย่าพลาดโอกาสนี้
ซุนไห่หมิงไม่ใช่คนโง่เขลาไร้การศึกษา พอได้ยินคำว่าปะการังเลือดมังกร ดวงตาก็เป็นประกายทันที แต่แล้วก็ถามอย่างสงสัย “จริงหรือเปล่า? เอาออกมาดูหน่อย อย่าให้ของปลอมมาหลอกเราได้”
“ไม่มีทางปลอมได้” เย่หงเทาพูดอย่างมั่นใจ หันไปมองเหอเจ๋อแล้วถาม “หมอเหอ เอาของออกมาให้ทุกคนดูหน่อยสิ?”
เหอเจ๋อไม่เข้าใจว่ากำลังเล่นละครอะไรกันอยู่ จึงเลือกที่จะเงียบ
ในสายตาคนนอก นี่ย่อมเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับ
เย่หงเทาส่งสัญญาณตาให้พ่อบ้านเจิ้ง ทั้งสองทำงานร่วมกันมาเกือบสามสิบปีแล้ว ความเข้าใจกันไม่ต้องพูดถึง เขาก้มตัวลงพูดอย่างนอบน้อมทันที “ทุกท่านรอสักครู่ ผมจะไปเอามาเดี๋ยวนี้”
ไม่ถึงเวลาสูบบุหรี่หมดมวน เขาก็อุ้มกล่องที่ห่อไว้อย่างสวยงามเข้ามา วางลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง แล้วเปิดฝาออก
“ว้าว!”
ทุกคนในห้องตกตะลึง ปะการังเลือดมังกรที่ใสกิ๊กสร้างความประทับใจอย่างมากให้พวกเขา
ดวงตาของซุนไห่หมิงเต็มไปด้วยความโลภอันร้อนแรง จ้องมองเหอเจ๋ออย่างเร่าร้อน หัวเราะพลางพูดว่า “ของดีขนาดนี้อยู่ในมือคุณช่างเสียเปล่า ตอนนี้พอดีได้กลับคืนสู่เจ้าของที่แท้จริง เรามาเริ่มกันเถอะ!”
“เดี๋ยวก่อน!” เย่หงเทาเอ่ยปากเรียกเขาไว้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม้ว่าไห่หมิงจะมั่นใจในชัยชนะ แต่เพื่อความยุติธรรม ก็ควรเอาของที่มีค่าเท่ากันออกมาให้ทุกคนได้ชื่นชมกันหน่อย”
“นี่…” ซุนไห่หมิงชะงักไปครู่หนึ่ง ปะการังเลือดมังกรนั้นมีค่ามหาศาล เขาคิดอย่างหนักอยู่ครู่ใหญ่ แต่กลับพบว่าตัวเองไม่มีของที่มีค่าเท่ากันจะเอาออกมา
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ต้องรู้ว่าเขาเคยเยาะเย้ยอีกฝ่ายว่าเป็นคนจนและบ้านนอกมาตลอด
“ไห่หมิงกำลังลังเลว่าจะเอาอะไรออกมาเหรอ?” เย่หงเทาเห็นสีหน้าลังเลของเขา ดวงตากลอกไปมาแล้วเดินเข้าไปกระซิบเบา ๆ ว่า “ใช้ชุดเข็มเงินที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของนายก็ได้นี่”
ซุนไห่หมิงพูดอย่างลังเลว่า “แบบนี้… ไม่ดีมั้งครับ”
ตอนนี้เย่ซวงเห็นพิรุธบางอย่างแล้ว จึงแกล้งทำเป็นดูถูกและพึมพำด้วยเสียงที่พอให้เขาได้ยินว่า “ทำไปทำมาที่แท้ก็เป็นแค่คนขี้ขลาดที่กลัวแพ้ ไม่กล้าเอาอะไรออกมาเลย ช่างไม่สนุกเอาเสียเลย”
คราวนี้ลุงอาจจะทนได้ แต่ป้าทนไม่ได้แล้ว*[1]
ซุนไห่หมิงสมองร้อนวูบ จึงพูดเสียงดังว่า “จะเดิมพันก็เดิมพันสิ ฉันจะกลัวพวกเธอทำไม?”
พูดจบเขาก็หยิบกล่องไม้จันทน์ที่ประณีตออกมาจากตัว เปิดออกแล้ววางลงบนโต๊ะ
ในชั่วพริบตาทั้งร้านอาหารก็สว่างไสวขึ้นมา ทุกคนต่างตกตะลึงเบิกตากว้าง มองไปที่กล่องไม้จันทน์บนโต๊ะ
“เข็มเงิน?”
เหอเจ๋อตอบสนองเร็วที่สุด พูดด้วยความประหลาดใจ
ในกล่องมีเข็มเงินเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาคือ แต่ละเล่มเปล่งประกายสีเงินอันเจิดจ้า
ซุนไห่หมิงมองดูสีหน้าประหลาดใจของทุกคน แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “นี่คือเข็มเงินเจ็ดดาวที่สืบทอดมาในตระกูลของเรา ว่ากันว่าทำมาจากอุกกาบาตนอกโลก สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ทุกชนิด เมื่อใช้ในการฝังเข็มรักษาโรคจะให้ผลดีกว่าเดิมร้อยเท่า”
คนนอกดูแค่ความสนุก คนในวงการดูที่เทคนิค
พวกตระกูลเย่ได้แต่อ้าปากค้างพูดชื่นชมอย่างทึ่ง ๆ ส่วนดวงตาของเหอเจ๋อนั้นเปล่งประกายขึ้นมาทันที
[1] ลุงอาจจะทนได้ แต่ป้าทนไม่ได้แล้ว เป็นสำนวน หมายถึง ไม่อาจเสียหน้าและทนไม่ไหวอีกต่อไป
MANGA DISCUSSION