บทที่ 71 ก้าวสู่ขั้นพลังชี่
“คุณหนูเป็นเสาหลักของบ้านตระกูลเย่ ไม่ว่าอย่างไรก็ขอรบกวนคุณหมอช่วยคุณหนูด้วย” พ่อบ้านเจิ้งคนเก่าแก่ของตระกูลเอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม แม้จะรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง
“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกครับ การรักษาคนป่วยเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว” เหอเจ๋อกล่าวพลางมองไปที่เย่ซวงบนเตียง “ตอนนี้มีปัญหาอยู่สองข้อ ข้อแรกคือเลือดและพลังชีวิตถูกทำลายไปมาก ซึ่งแก้ไขได้ไม่ยาก แค่บำรุงก็กลับมาเป็นปกติ แต่ถ้าอยากให้หายเร็วและไม่ทิ้งร่องรอย ต้องใช้โสมพันปีเป็นตัวยาหลัก”
พ่อบ้านเจิ้งรับปากทันทีโดยไม่ลังเล เย่ซวงคือเสาหลักของตระกูลเย่ หากล้มป่วยในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ทุกอย่างคงพังทลายลงแน่
“แล้วข้อที่สองล่ะครับ”พ่อบ้านเจิ้งถามต่อด้วยความร้อนใจ
เหอเจ๋อแสดงสีหน้าลำบากใจ “คือว่า อวัยวะภายในของคุณหนูเย่ซวงได้รับบาดเจ็บจากพลังปราณ ทำให้เลือดลมติดขัด ต้องนวดคลายเส้นเพื่อขับเลือดเสียออก”
“งั้นก็นวดสิครับ” พ่อบ้านเจิ้งกล่าวอย่างไม่เข้าใจ
เหอเจ๋อเกาหัวอย่างเขินอาย “คือว่า เลือดคั่งส่วนใหญ่อยู่ที่ท้องน้อย ซึ่ง… ชายหญิงไม่สมควรใกล้ชิดกัน…”
พ่อบ้านเจิ้งลังเลขึ้นมาทันที เขาเห็นเย่ซวงเติบโตมา รู้ดีว่าเธอเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ หากถูกผู้ชายสัมผัสเช่นนั้นคงเสียหายและแต่งงานยาก
ขณะที่ทั้งสองกำลังตัดสินใจ เย่ซวงค่อย ๆ ฟื้นขึ้น พ่อบ้านเจิ้งรีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง รวมถึงแนะนำเหอเจ๋อ
หลังจากที่ได้ยินเหอเจ๋อกล่าวจบ เย่ซวงก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็รู้ดีถึงสภาพร่างกายของตนเอง เธอรู้ว่าเหอเจ๋อไม่ได้โกหก เลือดคั่งในอวัยวะภายในที่ไม่ถูกขับออกไปจะขัดขวางการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง
เธอรู้ดีว่าถ้าหากข่าวการบาดเจ็บของเธอแพร่ออกไป ตระกูลเย่ที่ตอนนี้อยู่ในช่วงวิกฤตก็อาจจะสั่นคลอนได้ในทันที และตระกูลเฉินก็จะฉวยโอกาสนี้เข้าโจมตี ผลที่ตามมานั้นไม่อาจคาดเดา
เธอไม่ใช่คนจู้จี้ เมื่อคิดถึงผลที่จะตามมาอย่างชัดเจนแล้ว เธอก็พูดอย่างแน่วแน่ว่า “รบกวนหมอเหอช่วยเหลือด้วย ยาสมุนไพรเหล่านี้นอกจากเลือดปะการังต้นมังกรแล้ว คุณสามารถเลือกเอาไปเป็นค่าตอบแทนได้หนึ่งอย่างตามใจชอบ”
พอเหอเจ๋อได้ยินว่ามีเรื่องดี ๆ แบบนี้ ก็ยิ้มแก้มปริ สิ่งที่คุณหนูเย่หมายตาและยอมควักกระเป๋าซื้อ ล้วนแต่เป็นของล้ำค่าทั้งนั้น
เมื่อมีรางวัลตอบแทน แรงจูงใจของเขาก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก การช่วยชีวิตคนนั้นยิ่งกว่าการดับไฟ เขาไม่รีรอที่จะลงมือ จึงรีบเขียนรายชื่อยาสมุนไพรยาวเหยียดส่งให้กับพ่อบ้านเจิ้ง
“พวกนี้เป็นยาที่ค่อนข้างหาได้ทั่วไป หาร้านขายยาแถวนี้แล้วรีบซื้อมาให้เร็วที่สุด”
พ่อบ้านรับรายชื่อยาแล้วก็ไม่กล้ารีรอ รีบหันหลังเดินลงไปชั้นล่างทันที
เหอเจ๋อเก็บปากกาและกระดาษ มองไปที่เย่ซวงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “คุณหนูเย่ เราเริ่มกันเถอะ!”
เย่ซวงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันควรจะทำยังไงบ้าง”
“นอนราบลงไป ยืดแขนขาให้ตรง ปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลาย”
เย่ซวงทำตามคำสั่งของเขา นอนลงและยืดแขนขาออก แม้จะเตรียมใจมาแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
“อย่าตื่นเต้นเกินไป แพทย์ในสายตาไม่มีเพศ การตึงกล้ามเนื้อไม่ดีต่อการนวด”
เย่ซวงออกเสียงตอบรับ พยายามปรับสภาพจิตใจ และค่อย ๆ เข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย
เหอเจ๋อเห็นว่าพอได้ที่ จึงเอามือแตะที่หน้าท้องของเธอและเริ่มการนวด
ตอนเริ่มแรก เหอเจ๋อไม่สามารถโฟกัสได้ดีนัก ก็ในเมื่อทุกครั้งที่มือของเขาเคลื่อนไหว แนวภูเขาขนาดเท่าครึ่งลูกบาสเกตบอลก็สั่นตาม ทำให้เขามึนงงไปไม่น้อย
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่ทำ สมองมีแต่ทักษะการนวด และละเลยเรื่องอื่น มุ่งมั่นแก้ไขเลือดที่คั่งค้างอย่างตั้งใจ
แต่แบบนี้ทำให้เย่ซวงลำบาก
เพราะเธอฝึกศิลปะการต่อสู้ ทำให้ร่างกายเติบโตเร็ว ในวัยนี้เป็นเหมือนลูกท้อสุกงอม แค่แตะนิดเดียวก็มีปฏิกิริยารุนแรง นี่คือเหตุผลที่เธอเกลียดการสัมผัสกับคนอื่นเป็นพิเศษ
เธอใช้ฟันขบริมฝีปาก มือจับผ้าปูที่นอนแน่น พยายามควบคุมปฏิกิริยาร่างกาย จนเหงื่อไหลทั่วตัว ไม่ทันไรก็เปียกโชก
การนวดใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเต็ม จนกระทั่งการคั่งค้างในอวัยวะภายในทั้งหมดหายไป เย่ซวงก็ราวกับเธอได้ออกมาจากน้ำทั้งตัว อากาศในห้องก็แอบแฝงไปด้วยกลิ่นหอมพิเศษ
เหอเจ๋อก็เหนื่อยไม่น้อย หน้าซีดเหมือนกระดาษ ใบหน้าขาวโพลน ขาทั้งสองข้างสั่นเทา เซไปเซมา จนเผลอล้มลงไปกองกับพื้น
นี่ไม่ใช่การนวดธรรมดา ๆ เขาใช้พลังชี่ของตัวเอง ขจัดพลังชี่ที่หลงเหลือจากฝ่ามือพิษขอหม่าเฟิงออกไปก่อน จึงจะสามารถสลายเลือดคั่งได้ เรียกได้ว่าเขาต่อสู้กับฝ่ามือพิษของหม่าเฟิงมาอย่างดุเดือด
“หมอเหอ คุณเป็นอะไรไป”
พ่อบ้านเจิ้งรีบวิ่งเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
เหอเจ๋อไม่มีแรงจะพูดแล้ว เขาพยายามรวบรวมแรงนั่งขัดสมาธิ ปรับลมหายใจ รักษาอาการบาดเจ็บ
“พ่อบ้านเจิ้ง อย่ารบกวนเขา” เย่ซวงลุกขึ้นนั่ง หลังจากสลายเลือดคั่งแล้ว อาการบาดเจ็บของเธอก็ไม่ร้ายแรงอะไร แค่ร่างกายอ่อนแอลงเล็กน้อยเท่านั้น
เธอจ้องมองเหอเจ๋อ พูดด้วยสีหน้าซับซ้อน “ดูจากอายุ เขายังเด็กกว่าฉันอีก ไม่คิดเลยว่า นอกจากจะเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แล้ว เขายังเป็นอัจฉริยะอีกด้วย”
พ่อบ้านเจิ้งได้ยินก็งุนงง สงสัยเต็มไปหมด
ที่นี่ไม่มีคนนอก เย่ซวงจึงไม่อ้อมค้อม อธิบายว่า “เดิมทีเขาอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นทวียุทธ์ จำเป็นต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ถึงจะมีโอกาสก้าวขึ้นสู่ขั้นพลังชี่ แต่ครั้งนี้ เพื่อช่วยฉัน เขาโดนฝ่ามือพิษของหม่าเฟิงเข้าไปหนึ่งฝ่ามือ จากนั้น ในตอนที่สลายเลือดคั่ง เขายังต้องต่อสู้กับพลังชี่ที่หลงเหลืออยู่ การปะทะกันอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้เขาเข้าใจความหมายของพลังชี่แล้ว ตอนนี้เขากำลังลองควบแน่นมันอยู่”
พ่อบ้านเจิ้งที่ไม่เคยฝึกฝนกำลังภายใน ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง แต่พอรู้ว่าเหอเจ๋อไม่มีอันตราย แถมยังได้รับโอกาสดี ๆ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา
เย่ซวงเป็นคนตระกูลใหญ่โต เธอคุ้นเคยกับปรมาจารย์พลังปราณ มาตั้งแต่เด็ก สายตาของเธอเฉียบคม การตัดสินใจของเธอไม่มีวันผิดพลาด
เวลาผ่านไป พลังภายในของเหอเจ๋อที่กระจัดกระจายอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ค่อย ๆ รวมตัวกันที่ตันเถียน จากนั้นก็เริ่มกลืนกินและบีบอัดซึ่งกันและกัน ท้ายที่สุดในวินาทีสุดท้าย มันก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ภายในห้องสวีทของโรงแรมที่ปิดประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา ทันใดนั้นก็เกิดลมพัดแรงเกิดเป็นเสียงหวีดหวิว! แก้วน้ำบนโต๊ะเอียงไปมา จากนั้นก็ร่วงลงพื้นแตกเป็นผุยผง
เย่ซวงที่นั่งขัดสมาธิบ่มเพาะพลังปราณอยู่ ลืมตาขึ้น แล้วยิ้ม “ยินดีกับคุณหมอเหอด้วยที่ก้าวสู่ขั้นพลังชี่ ต่อไปนี้ ไม่ว่าที่ไหนในใต้หล้านี้ ก็มีที่ให้คุณยืนหยัด”
แท้จริงแล้ว คำพูดของเธอไม่ได้ยกย่องเกินจริง โดยทั่วไปแล้ว เหล่าผู้อาวุโสที่ดูแลตระกูลนักสู้โบราณก็มีเพียงขั้นพลังชี่ ตราบใดที่เหอเจ๋อไม่คิดสั้น คงไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา
เหอเจ๋อเหมือนเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่ เล่นพลังที่มองไม่เห็นซึ่งวนเวียนอยู่บนฝ่ามือด้วยความยินดี
MANGA DISCUSSION