บทที่ 65 ราคาพุ่งสูงตั้งแต่เริ่มต้น
หลังจากเงียบกันไปครู่หนึ่ง ห้องโถงที่ร้อนระอุก็ราวกับถูกสาดน้ำเย็นลงไป เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที
แม้ทุกคนจะเตรียมใจกันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังอดตะลึงกับน้ำใจของตระกูลจางไม่ได้ ต่างซุบซิบกันเซ็งแซ่
กวนหลิงนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องสมุนไพร พอเห็นทุกคนตื่นเต้นกันขนาดนี้จึงรีบถามขึ้นว่า “นี่มันสมุนไพรอะไรเหรอ ดูท่าทางล้ำค่ามาก”
เหอเจ๋ออธิบายด้วยสีหน้าซับซ้อน “สมุนไพรโสมเกาหลีทั่วไปมีสรรพคุณบำรุงเลือด บำรุงกำลัง ส่วนคำว่าพันปีนั้นเป็นเพียงคำกล่าวเปรียบเทียบ หมายถึงสมุนไพรโสมเกาหลีที่ผ่านการเติบโตมาอย่างยาวนาน จนเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณสมบัติทางยามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมนับร้อยเท่า หากนำมาปรุงยา ต่อให้เป็นคนชราภาพ อายุแปดเก้าสิบปี ก็สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตและเลือดลมให้กลับมาเหมือนคนหนุ่มสาวอายุสามถึงสี่สิบปีได้”
“มหัศจรรย์ขนาดนั้นเลยเหรอ” กวนหลิงได้ฟังถึงกับตาโต ไม่น่าเชื่อ
เหอเจ๋อก็เม้มปาก เมื่อเห็นโสมเกาหลีพันปีในถาด เขาก็รู้สึกสับสนวุ่นวายใจ
เพราะจู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนเด็ก ๆ แม่เคยยัดอะไรบางอย่างที่คล้าย ๆ กันนี้ให้กินเล่น ตอนนั้นเขาไม่ชอบเพราะว่ารสชาติมันขมมาก กินไปหน่อยเดียว ที่เหลือก็โยนทิ้งลงแม่น้ำหมด ตอนนี้คิดย้อนกลับไป เขานี่มันลูกแหง่ชัด ๆ
หลังจากเงียบกันไปครู่เดียว บรรยากาศในงานประมูลก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวหน้าก็ตะโกนออกมาเสียงดังว่า “หนึ่งล้าน!”
แต่เสียงของเขายังไม่ทันขาดคำ เสียงหัวเราะเยาะก็ดังขึ้นรอบทิศ
“เหล่าข่ง แค่ล้านเดียวคุณจะส่งให้ขอทาน*[1]เหรอ? ห้าล้าน!”
“หกล้าน!”
“แปดล้าน!”
ราคาที่ถูกตะโกนออกมาภายในงานประมูลนั้นพุ่งสูงขึ้นราวกับติดจรวด ทำเอาเหอเจ๋อซึ่งตอนแรกรู้สึกอยากลองสู้ราคาอยู่บ้าง กลับรู้สึกราวกับถูกสาดน้ำเย็นใส่หัว
“เงินของคนพวกนี้มันปลิวมาง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ?” เขาอดบ่นไม่ได้
ส่วนกวนหลิงนั้นกลับดูสงบนิ่งกว่ามาก เพราะเธอเคยสัมภาษณ์เศรษฐีมากมาย จึงรู้ดีว่าคนบางคนในโลกนี้หาเงินได้ง่ายกว่ากินข้าวเสียอีก
ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนแตะที่สิบห้าล้าน ในขณะที่เหอเจ๋อคิดว่าราคาคงจะใกล้เคาะแล้วนั้น จู่ ๆ เฉินจิ้งหมิ่นที่นั่งอยู่แถวหน้าก็ส่งเสียงเอื่อยเฉื่อยพร้อมกับหาวออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ยี่สิบล้าน”
เสียงโหวกเหวกโวยวายในการประมูลเงียบลงทันที หลายคนเผยสีหน้าไม่ยอมแพ้ออกมา แต่การที่เธอขยับราคาขึ้นมาทีเดียวห้าล้านนั้น เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คุณหนูเฉินวางแผนจะคว้าของสิ่งนี้ไปครอง การจะต่อกรกับตระกูลใหญ่เช่นนี้ คงต้องลองชั่งน้ำหนักตัวเองดูเสียก่อน
แผนการของเฉินจิ้งหมิ่นกำลังเป็นไปได้สวย เธอจงใจขยับราคาขึ้นมาสูงขนาดนี้ ก็เพื่อข่มขวัญคู่แข่งคนอื่น ๆ
ทว่า มีอยู่หนึ่งคนที่เธอไม่สามารถข่มขวัญได้ เย่ซวงหัวเราะเยาะในลำคอ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ยี่สิบเอ็ดล้าน”
เมื่อสองสาวประสานเสียงสู้ราคา คนรอบข้างก็ปิดปากเงียบ ต่างพากันตั้งตาารอดูอย่างสนุกสนาน
เฉินจิ้งหมิ่นเม้มริมฝีปากแน่น กล่าวเสริมทันที “สองพันสามล้าน”
“สองพันสี่ล้าน”
“สองพันหกล้าน”
…
ท่ามกลางสายตาไม่อยากจะเชื่อของทุกคน ทั้งสองคนก็ผลักดันราคาขึ้นไปถึงสามสิบล้านอย่างรวดเร็ว
หัวใจของเหอเจ๋อแทบสลาย เขาอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ เป็นครั้งแรก
ของมีค่าหลายสิบล้าน กลับถูกเขาโยนทิ้งไปอย่างไร้ค่า
กวนหลิงจดบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตื่นเต้น ราคาพุ่งสูงตั้งแต่เริ่มต้น การประมูลครั้งนี้ต้องน่าตื่นเต้นแน่ พรุ่งนี้ต้องเป็นข่าวหน้าหนึ่ง เธอจะได้โบนัสก้อนโต
นอกจากคนส่วนน้อยที่คิดในใจ คนส่วนใหญ่ต่างก็สนใจว่า โสมพันปีนี้จะตกเป็นของใคร
เย่ซวงและเฉินจิ้งหมิ่นไม่โง่ ทั้งสองดูเหมือนทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ที่จริงในใจของพวกเธอก็กระจ่างเหมือนกระจก
โสมพันปีต้นนี้ หากนำมาปรุงยาจะสามารถช่วยผู้ฝึกยุทธ์ขั้นทวียุทธ์ถึงห้าคนฟื้นฟูอาการบาดเจ็บในช่วงเวลาคับขัน และกลับเข้าสู่การต่อสู้ได้ นั่นคือสิ่งนี้ไม่ใช่แค่ยาสมุนไพร แต่เป็นกำลังรบที่มีชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้น หากตัวเองไม่ได้ไป ก็หมายความว่าต้องมอบให้ฝ่ายตรงข้าม ภายใต้สถานการณ์ที่ได้เปรียบเสียเปรียบเช่นนี้ เท่ากับว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นทวียุทธ์ของทั้งสองฝ่ายที่เคยทำให้ตาชั่งสมดุลกันแต่เดิมของทั้งสองฝ่ายเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
เย่ซวงคำนวณบัญชีนี้ชัดเจน ดังนั้นหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กัดฟันแน่นแล้วพูดว่า “สามสิบห้าล้าน”
ฟู่ว!
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสูดหายใจเข้าลึก ๆ รู้ไหมว่าการซื้อลอตเตอรี่ถูกรางวัลที่หนึ่งก็แค่ห้าล้านเท่านั้น
จางจื่อหัวที่อยู่หลังเวทียิ้มจนแก้มปริ บรรดาตระกูลนักรบโบราณเหล่านี้ ช่างร่ำรวยกันเสียจริง
ตอนนี้อุปสรรคได้โยนกลับไปที่เฉินจิ้งหมิ่นอีกครั้ง พูดตามตรง ราคาขนาดนี้ หากเปลี่ยนเป็นสมุนไพรชนิดอื่นก็สามารถหาซื้อยารักษาอาการบาดเจ็บในราคาที่ใกล้เคียงกันได้ เพียงแต่จะลำบากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น หากเพิ่มราคาขึ้นไปอีก อาจจะขาดทุน
เย่ซวงกดราคาทางจิตวิทยานี้ไว้ เจตนาพูดเสียดสีว่า “ตระกูลเฉินไม่ใช่รวยมากหรอกเหรอ? ทำไมถึงไม่กล้าแล้วล่ะ? เพิ่มราคาขึ้นไปอีกสิ!”
เฉินจิ้งหมิ่นไม่ต้องการเสียเงินซื้อของโง่ ๆ เธอกลอกดวงตาแล้วพูดว่า “รีบร้อนอะไร ของดีข้างหลังยังมีอีกเยอะ ฉันจะค่อย ๆ ซื้อไม่ได้รึไง?”
“ไม่มีเงินก็คือไม่มีเงิน พูดมากทำไม” เย่ซวงเบ้ปากพร้อมกับพูดอย่างดูถูก
การประลองรอบนี้ เธอชนะอย่างเห็นได้ชัด
จางจื่อหัวผู้ดำเนินการประมูลถามย้ำถึงสามครั้ง เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มแล้ว เขาจึงยิ้มกล่าวว่า “ยินดีกับคุณหนูเย่ด้วย โสมพันปีต้นนี้เป็นของคุณแล้ว ของจะถูกแพ็คอย่างดีที่หลังเวที คุณสามารถไปรับได้ทุกเมื่อ”
ทันทีที่ค้อนในมือของเขาเคาะลง การต่อสู้ครั้งนี้ก็จบลง ผู้คนมองดูพนักงานหญิงที่ถือถาดใส่โสมพันปีเดินจากไปอย่างช้า ๆ ด้วยความอาลัย พวกเขาต่างถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
จางจื่อหัวชำนาญการเข้าสังคม เขาฉวยโอกาสที่ผู้คนยังคงตื่นเต้น กล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “เชิญพบกับของล้ำค่าชิ้นต่อไป ‘บัวหิมะเทียนซาน!’”
ภายในห้องโถงกลับมาคึกคักอีกครั้ง ดูเหมือนว่าตระกูลจางทุ่มทุนสร้างจริง ๆ ของที่นำออกมาล้วนเป็นของหายากแทบทั้งสิ้น เสียงร้องอย่างตกตะลึงดังมาเป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งเช้า ราคาที่ถูกเสนอต่างก็ถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างไรก็ตาม คนที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นเธอกับเฉินจิ้งหมิ่น คุณหนูทั้งสองดูเหมือนจะขนเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดมา ของส่วนใหญ่ต่างตกเป็นของพวกเธอ นำไปสู่เสียงถอนหายใจของผู้คนมากมาย บางคนที่ใจร้อนก็แอบรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
หลังจากที่ ‘ตังเซียมร้อยปี’ ถูกเฉินจิ้งหมิ่นประมูลไปได้ในราคาสูง จางจื่อหัวก็ปรากฏตัวบนเวทีอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีพนักงานหญิงถือถาดอยู่ข้าง ๆ เขา
“ทุกท่านคงเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งเช้า การประมูลจะหยุดพักชั่วคราว เชิญทุกท่านไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารด้านหลัง และเราจะเริ่มกันใหม่อีกครั้งในสองชั่วโมง”
ในเวลานี้เองที่หลายคนเพิ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้ได้ผ่านช่วงเช้าไปแล้ว
[1] การส่งขอทาน (打发叫花子) เป็นสำนวนหมายถึง พฤติกรรมการให้สิ่งของที่มีปริมาณน้อยและมีคุณภาพต่ำซึ่งผิดธรรมชาติและทำให้ผู้อื่นไม่พอใจ
MANGA DISCUSSION