บทที่ 61 เรื่องเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
พวกเรากินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดเกลี้ยง กวนหลิงเรอออกมาเบา ๆ พร้อมกับลูบท้องพลางพูดว่า “ไม่ได้กินจนอิ่มขนาดนี้มานานแล้วนะ”
“ฝีมือทำกับข้าวของฉันเป็นยังไงบ้างล่ะ” เหอเจ๋อพูดอย่างภูมิใจ
“ทำกับข้าวบ้าน ๆ แค่สองสามอย่าง ทำเป็นอวดเก่งไปได้” กวนหลิงเบ้ปาก แสร้งทำเป็นดูถูก
ถึงปากจะพูดไปแบบนั้น แต่เธอก็เป็นฝ่ายลุกไปเก็บจานชามเอง
เหอเจ๋อไม่ได้อยู่ต่อนานนัก หลังจากกล่าวลาแล้ว เขาก็กลับไปที่ห้องเพื่อศึกษาเข็มเก้าวิถีต่อ
หลังจากล้างจานเสร็จ กวนหลิงก็ตั้งใจจะเขียนต้นฉบับเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพื่อเปิดโปงร้านขายกุ้งล็อบเตอร์ใจดำร้านนั้น
โดยปกติแล้ว เรื่องแบบนี้เธอสามารถทำได้อย่างคล่องแคล่ว แต่วันนี้จิตใจของเธอกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดแล้วคิดอีก เขียน ๆ ลบ ๆ สายตาก็มองลอดไปยังฝั่งตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่อยู่ในใจ คงมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้
เช้าวันรุ่งขึ้น เหอเจ๋อตื่นแต่เช้าเพื่อไปตรวจร่างกายให้เหอหย่งฝูตามปกติ ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ เหมือนเช่นทุกวัน
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เรื่องบางเรื่องก็ค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้น แม้ทั้งสองจะไม่ได้พูดออกมา แต่ในใจก็รู้กันดี มิเช่นนั้น เหอหย่งฝูคงไม่จงใจยกเลิกการประชุมตอนเช้าทุกวันเพื่อเจียดเวลามารอเหอเจ๋อหรอก
หลังจากตรวจเช็กร่างกายเสร็จเรียบร้อย ขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป เหอหย่งฝูก็เอ่ยปากเรียกเขาไว้ ดวงตาของเหอเจ๋อมีแววลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดสิ่งที่เขาคิดออกมา เพียงแต่ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “อยู่คนเดียวที่เมืองกว่างหนาน ดูแลตัวเองดี ๆ มีอะไรก็มาหาฉันได้ตลอด”
เหอเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกสับสนวุ่นวายอยู่ในใจ พยักหน้ารับเบา ๆ แล้วหันหลังเดินจากมา
อีกเพียงวันเดียวก็จะถึงวันจัดงานประมูลการกุศล สนามบินและสถานีรถไฟของเมืองกว่างหนานคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาจากต่างถิ่น
ตระกูลจาง ปรมาจารย์แห่งการแพทย์แผนจีน นับเป็นตระกูลเก่าแก่ที่ยืนหยัดมาอย่างยาวนานนับพันปี สิ่งของที่พวกเขานำออกมาในงานประมูลย่อมเป็นของหายากและหาดูได้ยากในยามปกติ ผู้คนมากมายจึงตั้งใจเดินทางมาจากต่างเมืองเพื่อเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้ ทุกคนต่างเตรียมตัวกันอย่างขะมักเขม้น
ที่ร้านยาเทียนเซิ่ง
ตอนที่เขามาถึง มีกลุ่มคนเพิ่งเดินออกไปจากร้าน น้ำชาบนโต๊ะยังคงส่งกลิ่นหอมกรุ่น หวงจิงจิงกำลังล้างถ้วยชาอยู่
“เพิ่งมีแขกมาเหรอ” เหอเจ๋อถามด้วยความสงสัย ด้วยนิสัยของอาจารย์หวงที่ค่อนข้างหัวแข็ง เขานึกไม่ออกว่าใครจะอยากมาหาเรื่องใส่ตัว
เมื่อหวงจิงจิงเห็นเขา เธอจึงก้มหน้าลงตามความเคยชิน เธอทัดผมข้างแก้มของให้เข้าที่พลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนเก่าของคุณปู่ค่ะ พวกเขามาเข้าร่วมงานประมูลสมุนไพรในครั้งนี้ เลยแวะมาเยี่ยมเยียนคุณปู่สักหน่อย”
ในตอนนั้น หวงเทียนเหยาที่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่เหลือบไปเห็นเหอเจ๋อเข้าพอดี จึงรีบเอ่ยทักทาย “เสี่ยวเหอ นายมาได้จังหวะพอดี ฉันกำลังจะไปหานายอยู่พอดี”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ”
หวงเทียนเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางพูดว่า “เรื่องงานประมูลครั้งนี้ ฉันเกรงว่าคงจะลำบากแล้ว”
เหอเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง คิดว่าเขาจะผิดคำพูด ไม่ยอมรับ จึงเบ้ปากพูดว่า “ก็แค่เอาเงินซื้อของ จะลำบากอะไรนักหนา”
หวงเทียนเหยาผ่านโลกมามาก รู้ทันความคิดเขา จึงส่ายหน้า อธิบายว่า “ตาแก่คนนี้ไม่ใช่คนเรื่องมากหรอกนะ หลานสาวสุดที่รักของฉันไม่ใช่จะซื้อได้ด้วยเงินสิบล้านหรอก พอตัดสินใจจะเอาน้ำผึ้งอายุร้อยปีแล้ว ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
“อาจารย์หมายความว่ายังไง”
หวงเทียนเหยาถอนหายใจ พูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “แขกที่เพิ่งมาเมื่อกี้ เป็นเพื่อนเก่าของฉันทั้งนั้น คราวนี้ หมอเทวดาตระกูลจางลงทุนลงแรงไปมาก เชื้อเชิญตระกูลจอมยุทธ์มามากมาย คงจะมีการแย่งชิงกันอย่างดุเดือด”
เหอเจ๋อขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ไม่คิดว่าเหล่าตระกูลจอมยุทธ์จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ด้วย
แต่พอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจได้
ตั้งแต่โบราณมีคำกล่าวไว้ว่า ยากจนเรียนหนังสือ ร่ำรวยฝึกยุทธ์ การฝึกยุทธ์ไม่เหมือนกับการเรียนหนังสือ การฝึกฝนอย่างหนักหน่วงก็เท่ากับทำร้ายร่างกาย หากไม่มีการบำรุงอย่างเต็มที่ มีแต่การใช้พลังงานไปเรื่อย ๆ ไม่นาน ไม่ต้องพูดถึงว่าฝึกวิทยายุทธ์ไม่สำเร็จ ร่างกายก็พังไปก่อนแล้ว
ตัวเหอเจ๋อเองก็เป็นตัวอย่างได้ ถึงแม้ตอนเด็ก ๆ เขาจะถูกตีทุกวัน แต่ทุกครั้งเฟิ่งเฟยเฟยจะเตรียมน้ำแช่สมุนไพรให้เขา ภายในล้วนแต่เป็นสมุนไพรหายาก ทั้งช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิต และเสริมสร้างร่างกาย มิเช่นนั้นเขาคงถูกตีตายไปแล้ว
“พวกนั้นไม่มีใครขาดเงิน คราวนี้เตรียมเงินทุนมามากมาย พอถึงตอนประมูล คงจะปั่นราคาขึ้นสูง” หวงเทียนเหยาพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “หรือสวรรค์จะกลั่นแกล้งฉัน”
เหอเจ๋อรู้ดีว่าอารมณ์ของคนไข้มีผลต่ออาการป่วยมาก เขาจึงแสร้งทำเป็นเย้ยหยันแล้วพูดว่า “อาจารย์หวง คุณเป็นใครกัน เทพเจ้ายังไม่ต้องการชีวิตคุณหรอก วางใจเถอะ ถ้าเงินไม่พอ ผมจะหาวิธีเอง ฟ้าถล่มไม่ลงหรอกน่า”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีคนมาพูดแบบนี้กับหวงเทียนเหยา เขาคงกระโดดขึ้นมาด่ากราดไปแล้ว แต่ตอนนี้นอกจากจะมองบนแล้ว เขายังขี้เกียจแม้แต่จะด่า
ต้องยอมรับว่าโรคร้ายนี้ทำให้อาจารย์หวงหัวแข็งคนนี้ทรมานอย่างสาหัส
ตอนเที่ยง เหอเจ๋อได้อาศัยกินข้าวเที่ยงที่นี่ ฝีมือของหวงจิงจิงยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม หลังอาหาร เหอเจ๋อรู้สึกกังวลเรื่องงานประมูลจึงขอตัวไปดูสถานที่จัดงานก่อน
หลังจากออกมา กวนหลิงก็โทรหาเขาพอดี เธอก็พูดถึงเรื่องงานประมูลเช่นกัน ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะไปเจอกันที่นั่น
เคยมีคนพูดเล่น ๆ ว่าสองสถานที่ที่มีเงินมากที่สุดในโลกก็คือธนาคารกับโรงพยาบาล
ตระกูลจางมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี มีทรัพย์สมบัติมหาศาล การทำอะไรจึงไม่ขี้เหนียว พวกเขาเช่าโรงแรมห้าดาวทั้งโรงแรมเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานประมูล
ตอนที่เหอเจ๋อเจอกับกวนหลิง เธอมีรอยคล้ำใต้ตาเหมือนหมีแพนด้า ทั้งยังหาวจนน้ำตาไหล ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อคืนเธอไปทำอะไรมา ทำไมถึงง่วงขนาดนี้ คิดถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของฉันหรือไง” เหอเจ๋อพูดติดตลก
กวนหลิงมีแววตากระวนกระวายใจแวบหนึ่งในดวงตา เธอส่งเสียงฮึดฮัด มองบนแล้วพูดว่า “ก็เพราะฝันถึงนายนั่นแหละ เลยฝันร้าย นอนไม่หลับ”
พวกเขาเดินเข้าไปพร้อมกับการโต้เถียงเล็กน้อย เมื่อมาถึงทางเข้า พนักงานรักษาความปลอดภัยก็เข้ามาขวางพวกเขาไว้
“สวัสดีครับ กรุณาแสดงบัตรเชิญด้วยครับ”
เหอเจ๋อและกวนหลิงมองหน้ากัน พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที พร้อมกับเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงสอดคล้องกันว่า “ไม่ใช่ว่าเปิดให้เข้าชมฟรีเหรอ? ทำไมถึงต้องใช้บัตรเชิญด้วย?”
พนักงานรักษาความปลอดภัยอธิบายว่า “นี่เป็นการตัดสินใจกะทันหันครับ เนื่องจากมีผู้คนเข้าร่วมการประมูลจำนวนมากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายภายในงาน เราจึงเปลี่ยนมาออกบัตรเชิญแทน”
ข่าวนี้ทำให้ทั้งคู่ตั้งตัวไม่ทัน กวนหลิงรีบถามขึ้นว่า “แล้วจะหาบัตรเชิญได้จากที่ไหนล่ะคะ?”
พนักงานรักษาความปลอดภัยยักไหล่แล้วส่ายหัว “อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ แต่คุณลองถามผู้จัดการเฝิงที่อยู่นั่นดูสิครับ”
ทั้งคู่มองตามทิศทางที่เขาชี้ไป ชายวัยกลางคนร่างสูงผอมกำลังยืนสั่งงานคนงานจัดเตรียมสถานที่อยู่
“สวัสดีค่ะ ฉันกวนหลิง นักข่าวจากหนังสือพิมพ์กว่างอัน พวกเราต้องการติดตามทำข่าวการประมูลครั้งนี้ แต่เพิ่งทราบว่าต้องใช้บัตรเชิญ ไม่ทราบว่าพอจะมีให้พวกเราสักใบได้ไหมคะ?”
กวนหลิงเดินตรงเข้าไปพร้อมกับแสดงบัตรนักข่าวและแนะนำตัว
ชายวัยกลางคนร่างสูงมองผ่านบัตรนักข่าวของเธออย่างรวดเร็ว พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงใจนักว่า “นี่เป็นงานประมูลส่วนตัวครับ พวกเราไม่รับการสัมภาษณ์จากนักข่าว”
MANGA DISCUSSION