บทที่ 59 ลูกเตะที่ดูไร้พิษสง
เขายึดคติที่ว่า นิ่งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ ดีกว่ามาเสียใจทีหลัง พวกผู้ชายที่กำลังกินข้าวอยู่ก็เลยทำตามที่เขาบอก พวกเขาลองสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นแปลก ๆ ที่คุ้นเคย
ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าของร้านที่อ้วนพุงพลุ้ยถึงกับหน้าถอดสี รีบแก้ตัวว่า “นั่นมันก็แค่กลิ่นควันบุหรี่ที่ลอยอยู่ในอากาศ อย่าไปเชื่อคำพูดของเขาเลย”
แต่ตอนนี้ในร้านก็เริ่มโกลาหลไปแล้ว คนเราก็เป็นแบบนี้แหละ พอเริ่มจะเอะใจ สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เคยมองข้ามไป ก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที
หลาย ๆ คนเริ่มบ่นว่า ตั้งแต่มากินข้าวที่นี่ กลับไปบ้านไม่ว่าจะกินอะไรก็รู้สึกจืดชืด ไม่อร่อย อยากจะกินแต่กุ้งล็อบสเตอร์ร้านนี้ คิดว่าตัวเองติดใจรสชาติ แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นว่าในอาหารมีการใส่ยา
เห็นท่าไม่ดี คนเริ่มโวยวาย มีคนโทรแจ้งตำรวจแล้ว เจ้าของร้านร่างอ้วนก็ทำหน้าเหมือนคนมีความผิดติดตัว รีบวิ่งหนีไปทางประตูหลัง
เหอเจ๋อแอบมองเขาอยู่ตลอด เห็นว่าไอ้สารเลวคนนี้กำลังจะหนี เลยรีบวิ่งไล่ตามไปทันที
กวนหลิงเห็นดังนั้นก็รีบคว้ากล้องวิดีโอวิ่งไปที่หลังร้าน เธอจะไปถ่ายคลิปเก็บหลักฐานมา แล้วจัดการกับไอ้คนเห็นแก่ตัวคนนี้อย่างสาสม
เจ้าของร้านร่างอ้วนที่แบกพุงที่ใหญ่ราวกับคนท้อง จะไปวิ่งทันเหอเจ๋อที่ฝึกวิชาตัวเบาขั้นสูงได้ยังไง วิ่งไปถึงประตูหลังร้านเหอเจ๋อก็ตามมาทันแล้ว เขาเหวี่ยงหมัดซัดเข้าที่หลังเต็มแรง
โครม!
เจ้าของร้านร่างอ้วนล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนก้อนหินก้อนโต ฝุ่นผงฟุ้งกระจาย
เขาเงยหน้าขึ้น มองเหอเจ๋อด้วยแววตาอาฆาตแค้น กัดฟันพูดว่า “ไอ้เด็กเวร แกมันไม่มีความแค้นเคืองอะไรกับฉัน ทำไมต้องมาตัดช่องทางทำมาหากินของฉันด้วย”
“ช่องทางทำมาหากิน?” เหอเจ๋อขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “กล้าใช้ยาเสพติดที่ทำให้คนติดงอมแงมแบบนี้มาทำมาหากิน น่ารังเกียจที่สุด รอไปสำนึกผิดในคุกเถอะ”
เจ้าของร้านโมโหจนแทบจะระเบิด กำลังจะด่าทอเหอเจ๋อให้สาสม แต่จู่ ๆ ดวงตาก็เป็นประกาย พูดด้วยท่าทางกวน ๆ ว่า “ไอ้หนู หันหลังกลับไปดูสิ ใครมา”
เหอเจ๋อไม่กลัวว่าเขาจะเล่นตุกติก หันหลังกลับไปดูสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เห็นชายร่างกำยำหนวดเครารุงรังยืนถือมีดทำครัว จ่ออยู่ที่คอของกวนหลิง กำลังเดินตรงมาทางนี้
เขาจ้องมองด้วยแววตาเย็นชา ตะคอกว่า “ปล่อยเธอซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้แกได้ตายแน่!”
ชายหนวดเครารุงรังหัวเราะหึ ๆ เอาใบมีดที่คมกริบกรีดไปมาที่ลำคอขาว ๆ ของกวนหลิง แล้วขู่ว่า “ใจเย็น ๆ ไว้ ไม่งั้นมือฉันสั่นขึ้นมา ผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้ได้ม่องเท่งพอดี”
“เหอเจ๋อไม่ต้องสนใจฉัน รีบจับไอ้สารเลวสองตัวนี้เลย!” กวนหลิงตะโกนเสียงดังลั่น
“นังสารเลว ปิดปากไปเลย!” ชายหนวดเครารุงรังได้ยินดังนั้นก็ยกกำปั้นขึ้นต่อยเข้าที่ท้องของเธออย่างแรง กวนหลิงหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
“ฮ่า ๆ ทำดีมาก!” เจ้าของร้านหัวเราะอย่างสะใจ หันไปมองเหอเจ๋อ ที่สีหน้าเย็นชา แล้วแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายว่า “ไอ้หนู แกตัดช่องทางทำมาหากินของฉัน ฉันจะตัดขาแกทิ้งซะ!”
เขาถือตัวประกันอยู่ในมืออย่างได้ใจ คว้าท่อนเหล็กที่วางอยู่ข้าง ๆ ฟาดเข้าที่ขาของเหอเจ๋ออย่างแรง
เหอเจ๋อขมวดคิ้ว กำลังคิดจะโต้กลับ ชายหนวดเครารุงรังก็คว้าคอกวนหลิงไว้แน่น ใบมีดอยู่ห่างจากคอของเธอไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร
โครม!
เสียงดังสนั่น ท่อนเหล็กฟาดเข้าที่หน้าแข้งของเหอเจ๋ออย่างจัง
“เหอเจ๋อ!”
กวนหลิงร้องเสียงหลง ปกติแล้วเธอเป็นคนแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้กำแพงเหล็กที่กั้นเธอไว้พังทลายลง น้ำตาไหลพรากออกมาเหมือนเขื่อนแตก
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกว่าการมีผู้ชายอยู่เคียงข้างมันดีแบบนี้นี่เอง
เหอเจ๋อเจ็บจนตัวสั่นไปหมด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงปรมาจารย์ฝึกวิชาตัวเบาขั้นสูง แต่ก็ทนแรงฟาดของท่อนเหล็กที่หนาเท่ากับนิ้วสองนิ้วไม่ได้
แต่โชคดีที่เขาผ่านการโดนกระทืบมานานถึงสิบแปดปี มีประสบการณ์มากมาย จึงหลบท่อนเหล็กได้ทัน ถึงแม้ว่าหน้าแข้งจะบวมเป่ง ดูน่ากลัว แต่ก็แค่แผลถลอกภายนอกเท่านั้น
เจ้าของร้านเห็นเหอเจ๋อเหงื่อไหลท่วมตัวก็หัวเราะสะใจ โบกท่อนเหล็กในมือไปมา พูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหดว่า “สะใจไหม? แกกล้ามาขัดขวางธุรกิจของฉัน วันนี้จะทำให้แกพิการซะ”
เหอเจ๋อกัดฟันแน่นไม่พูดอะไร แต่สายตามองไปรอบ ๆ สมองคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็คิดแผนการได้
เจ้าของร้านถือท่อนเหล็ก เดินเข้ามาหาเหอเจ๋อด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม เหอเจ๋อแสร้งทำเป็นหวาดกลัว ถอยหลังหนีอย่างลนลาน
ยิ่งเหอเจ๋อแสดงท่าทางหวาดกลัว เจ้าของร้านก็ยิ่งได้ใจ ยิ่งเดินเข้าหาเหอเจ๋อมากขึ้น
ชายหนวดเครารุงรังเห็นเหอเจ๋อทำท่าทางขี้ขลาดเช่นนั้น ก็รู้สึกผ่อนคลาย เผลอคลายความระมัดระวังลง หันไปมองทางประตูหลังร้าน พลางคิดในใจว่าเดี๋ยวจะหนีไปทางไหนดี
ท่อนเหล็กอาฆาตกำลังจะฟาดลงมาอีกครั้ง แต่ในขณะนั้น เหอเจ๋อที่ทำท่าทางหวาดกลัวมาโดยตลอด กลับเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน ดวงตาเป็นประกาย เขากลิ้งตัวหลบพุ่งเข้าหาชายหนวดเครารุงรังด้วยความเร็วราวกับติดจรวด
ถ้าหากมีคนที่ฝึกวิทยายุทธ์อยู่ที่นี่ คงต้องร้องออกมาอย่างตกใจแน่ เพราะท่าที่เหอเจ๋อใช้คือลูกเตะที่ดูไร้พิษสง แต่จริง ๆ แล้วรุนแรงมาก
กวนหลิงก็ทำเป็นดิ้นรน ทำให้ชายหนวดเครารุงรังเสียสมาธิ พอเขารู้สึกตัวอีกที เหอเจ๋อก็มาถึงตัวเขาแล้ว เหอเจ๋อเล็งไปที่หว่างขา แล้วเตะเข้าใส่อย่างจัง
โอ๊ย!!!
เสียงร้องดังสนั่นหวั่นไหว ความเจ็บปวดแสนสาหัส ทำให้เจ้าของร้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล ถึงกับสะดุ้ง
กวนหลิงฉลาดมาก ตอนที่เหอเจ๋อเข้ามาโจมตี เธอก็รีบถอยห่างออกมา ก่อนจะจากไปก็ไม่ลืมที่จะเหยียบเท้าของชายหนวดเครารุงรังอย่างแรง
เมื่อไม่มีตัวประกัน เหอเจ๋อก็สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่ เขาเตะซ้ำเข้าที่ชายหนวดเครารุงรังที่กำลังกุมหว่างขาด้วยความเจ็บปวด หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าชายหนวดเครารุงรังไม่สามารถต่อสู้ได้อีก ก็คว้ามีดทำครัวที่ตกอยู่บนพื้น จ่อไปที่เจ้าของร้านที่กำลังถือท่อนเหล็กอยู่ด้วยสีหน้าลังเล แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า “เอาสิ! เมื่อกี้ยังทำซ่าอยู่เลย ตอนนี้ทำไมถึงได้ขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ?”
เจ้าของร้านตะโกนเสียงดัง ยกท่อนเหล็กในมือขึ้น ใช้แรงทั้งหมดขว้างออกไป จากนั้น…ก็หันหลังวิ่งหนีทันที
พอเห็นสภาพของชายหนวดเครารุงรัง เขาก็กลัวจนหัวหด ไม่กล้าสู้แล้ว
เหอเจ๋อหลบท่อนเหล็กที่ลอยมาจากบนฟ้าได้อย่างคล่องแคล่ว เขาต้องจับให้ได้ หัวโจกแบบนี้ปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด
เขาวิ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็จับเจ้าของร้านที่อ้วนราวกับหมูได้สำเร็จ
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ตำรวจก็มาถึง โชคดีที่มีคลิปวิดีโอที่กวนหลิงถ่ายไว้เป็นหลักฐาน จึงไม่มีปัญหาอะไร
ไม่นานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคก็มาถึง พวกเขานำอาหารที่อยู่ในครัวไปตรวจสอบ ก็พบว่ามีการผสมสารเสพติดจำนวนมาก
MANGA DISCUSSION