บทที่ 58 ผงห้าเซียน
ความสำเร็จของมนุษย์ล้วนมีเหตุผล ไม่มีทางบังเอิญ
ขณะที่กวนหลิงขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร หางตาเธอก็เหลือบไปเห็นประตูบ้านตรงข้าม เธอจึงตบต้นขาอย่างฉับพลัน เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก พลางพูดด้วยความดีใจว่า “จริงสิ ฉันลืมหมอนั่นไปได้ยังไง มีแรงงานฟรีไม่ใช้ก็โง่แล้ว”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงหันหลังกลับแล้วทุบประตูเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ
ตุบ ๆ ๆ!
เหอเจ๋อกำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาเข็มเก้าวิถีอย่างตั้งใจ เขาขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ถูกขัดจังหวะ จึงตะโกนอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ฉันไม่ซื้อประกัน และก็ไม่มีพัสดุด้วยเลิกเคาะได้แล้ว รีบ ๆ ไปซะ”
กวนหลิงยืนอยู่หน้าประตู มือเท้าสะเอว พูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “เปิดประตู ฉันเอง”
เมื่อเหอเจ๋อได้ยินเสียงของเธอ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เปิดประตู เขาเก็บเข็มแล้ววิ่งไปเปิดประตู ยิ้มให้เธอพร้อมกับพูดว่า “ลมอะไรหอบเธอมาเนี่ย เที่ยง ๆ แบบนี้ จะชวนฉันไปกินข้าวเหรอ”
กวนหลิงยิ้มแห้ง ๆ แล้วพูดอย่างไม่ลังเลว่า “ไม่มีปัญหา ร้านกุ้งล็อบสเตอร์เปิดใหม่ข้างล่าง ฉันเลี้ยงเอง ไปจัดหนักกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหอเจ๋อไม่เพียงไม่รู้สึกดีใจ กลับพูดด้วยความสงสัยว่า “ไม่มีอะไรจะไม่มาหา ถึงกับออกปากเลี้ยงข้าวแบบนี้ ต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ พูดมาเถอะ เธอจะให้ฉันทำอะไร”
“โธ่ ดูนายพูดเข้าสิ พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน ฉันจะชวนนายกินข้าวบ้างไม่ได้รึไง ฉันขี้เหนียวขนาดนั้นเลยเหรอ” กวนหลิงเถียง
“ใช่!”
กวนหลิง “…”
เมื่อเห็นสายตาของเธอเริ่มไม่เป็นมิตร เหอเจ๋อจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง พูดอย่างจริงจังว่า “ล้อเล่นน่า พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน ช่วยเหลือกันก็สมควรแล้ว”
“เออ นั่นน่ะสิ”
กวนหลิงพอใจกับท่าทีที่ ‘รู้ความ’ ของเขามาก พวกเขาสองคนลงไปข้างล่างด้วยกัน ไปที่ร้านอาหารเปิดใหม่ที่ชื่อว่า ‘หม่านฝูล็อบเตอร์’
ร้านอาหารเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน ทุกคนจึงอยากมาลองของใหม่ ช่วงเวลากินข้าวร้านค่อนข้างคึกคัก โต๊ะในห้องโถงชั้นล่างเกือบเต็มหมด
“คนเยอะขนาดนี้ ไปร้านอื่นกันเถอะ” เหอเจ๋อพูดพลางขมวดคิ้ว
ไม่รู้ทำไม แต่พอได้กลิ่นหอมในอากาศ เขากลับรู้สึกแปลก ๆ
กวนหลิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “นี่นายไม่รู้อะไร ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งพิสูจน์ว่ารสชาติอร่อย นายดูโต๊ะนั้นสิ กำลังจะคิดเงินแล้ว”
เหอเจ๋อมองตามที่เธอบอก ก็เห็นว่าโต๊ะนั้นกำลังจ่ายเงินอยู่ พนักงานเสิร์ฟจึงเชิญให้พวกเขาไปนั่งที่โต๊ะนั้น
เหอเจ๋อทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้แค่นั่งลงตาม
กวนหลิงก็ไม่ขี้เหนียว ช่วงนี้เธอได้โบนัสมาสองครั้งติด แถมยังอยู่คนเดียว กินอิ่มคนเดียวทั้งครอบครัวก็ไม่อดอยาก ดังนั้นเธอจึงมีเงินเหลือเฟือ เธอจึงสั่งกุ้งล็อบสเตอร์รสเผ็ดสามชั่ง
เหอเจ๋อรู้ว่ามื้อนี้อิ่มฟรีไม่ได้แน่ หลังจากสั่งอาหารเสร็จ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไรกันแน่ บอกมาเถอะ จะขึ้นเขาลงห้วย ถึงขั้นต้องตายคาอกหญิง ฉันก็จะได้เตรียมใจไว้”
กวนหลิงเบ้ปาก แล้วพูดว่า “อยากตายคาอกหญิงงั้นเหรอ เรื่องดี ๆ แบบนั้นไม่มีทางตกถึงนายหรอก เลิกฝันไปได้เลย”
เหอเจ๋อมองเธออย่างจนใจ รู้สึกเหมือนถูกเธอแกล้ง
“โอ๊ย ดูหน้านายสิ เหมือนเมียน้อยที่ถูกแม่ผัวรังแก ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ล้อเล่น” กวนหลิงหัวเราะลั่น แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “มะรืนนี้จะมีการประมูลสมุนไพรที่เมืองกว่างหนาน นายรู้อะไรบ้าง”
เหอเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าเธอหมายความว่าอย่างไร เขาพยักหน้า ตอบอย่างว่าง่าย “รู้สิ จัดโดยตระกูลจาง ปรมาจารย์แห่งการแพทย์ไม่ใช่เหรอ”
กวนหลิงตาเป็นประกาย พูดอย่างดีใจว่า “ฉันรู้แล้วว่าไม่ได้หาคนผิด นายรู้เยอะจริง ๆ”
เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของเหอเจ๋อ เธอก็อธิบายว่า “ฉันได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวการประมูลครั้งนี้ แต่ฉันไม่รู้เรื่องสมุนไพรเลย เลยอยากให้นายช่วย”
เมื่อเหอเจ๋อฟังจบ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันก็นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องเล็กแค่นี้เอง! มะรืนนี้เราไปด้วยกันก็ได้ มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามฉันได้เลย”
กวนหลิงไม่เกรงใจ เธอหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กกับปากกาที่พกติดตัวออกมา ถามความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสมุนไพรจากเขา
ถ้าเป็นเรื่องอื่น เหอเจ๋ออาจจะรู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องแพทย์แผนจีนและสมุนไพร ภายใต้การสั่งสอนอย่าง ‘ขยันขันแข็ง’ ของเฟิ่งเฟยเฟยมานานหลายปี แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ยังเทียบเขาไม่ติด
ทั้งสองคนถามคำตอบคำ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานพนักงานเสิร์ฟก็ยกกุ้งล็อบสเตอร์รสเผ็ดหอมฉุยมาเสิร์ฟสามจานใหญ่
กวนหลิงน้ำลายสอเมื่อได้กลิ่น พอพนักงานเสิร์ฟวางจานลง เธอก็กำตะเกียบเตรียมจะกินอย่างเอร็ดอร่อย
“เดี๋ยวก่อน!”
เหอเจ๋อจับแขนเธอไว้ จ้องมองกุ้งล็อบสเตอร์ในจานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เป็นอะไรไป ยังจะดูอะไรอีก ฉันจะหิวตายอยู่แล้ว กินได้แล้วน่า!” กวนหลิงถามอย่างงุนงง
เธอไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า หิวมาจนถึงตอนนี้ ท้องร้องโครกครากไปหมด เธอจึงสะบัดแขนเหอเจ๋อออก คีบกุ้งล็อบสเตอร์เข้าปาก
“อย่ากิน!” เหอเจ๋อตบตะเกียบเธอทิ้ง พูดอย่างโมโหว่า “ในนี้มีผงห้าเซียน”
เสียงของเขาไม่เบา ทำให้คนรอบข้างหันมามอง
กวนหลิงถามอย่างสงสัยว่า “ผงห้าเซียนคืออะไร ฉันเคยได้ยินแต่ผงห้าศิลา”
เหอเจ๋อคีบกุ้งล็อบสเตอร์ขึ้นมา ดมใกล้ ๆ อย่างละเอียด แล้วพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ใช่ กลิ่นแบบนี้แหละ!”
เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างมองด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงพูดเสียงดังขึ้นว่า “ทุกคนคงเคยได้ยินผงห้าศิลาที่เคยแพร่ระบาดในสมัยราชวงศ์เว่ยและจิ้น ซึ่งสามารถทำให้คนที่กินเข้าไปเกิดภาพหลอน เหมือนกับการสูบบุหรี่ ผงห้าเทพก็มีฤทธิ์เหมือนกัน เพียงแต่เปลี่ยนตัวยาหลักเป็นเปลือกฝิ่นซึ่งหาได้ง่ายกว่า แต่ฤทธิ์ยังเหมือนเดิม หากกินเข้าไปแล้วจะมีอาการเสพติดอย่างรุนแรง”
ทุกคนต่างพากันแตกตื่น กวนหลิงรีบหยิบกล้องจิ๋วและเครื่องบันทึกเสียงออกมา เธอมีลางว่า ข่าวใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว
ทางร้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ชายวัยกลางคนร่างท้วมรีบวิ่งลงมาจากชั้นบน พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนี่มาจากไหน กล้ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่ ผงห้าเทพบ้าบออะไร ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน เชิญทุกท่านรับประทานได้อย่างสบายใจ เครื่องปรุงของเราเป็นสูตรลับเฉพาะ รับรองว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอน!”
ลูกค้าในร้านต่างก็ลังเล มองทั้งสองคนที่พูดขัดแย้งกัน ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี
เหอเจ๋อเรียนแพทย์แผนจีนมาสิบแปดปี เขาเกลียดที่สุดคือการทำร้ายคนด้วยแพทย์แผนจีน เขาจึงชี้ไปที่กุ้งล็อบสเตอร์รสเผ็ด แล้วพูดเสียงดังว่า “ทุกคนลองดมดูดี ๆ กลิ่นของพริกที่แท้จริงไม่ว่าจะฉุนหรือหอมแค่ไหน ก็จะมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่กลิ่นนี้มีกลิ่นหอมผสมอยู่ ใครที่สูบบุหรี่เป็นประจำลองดมดูสิ จะรู้สึกว่ามีกลิ่นคล้ายกับบุหรี่”
MANGA DISCUSSION