บทที่ 56 ผมเป็นเยาวชนดีเด่น
เช้าตรู่ เหอซู่โหรวเห็นสามีทำหน้าบึ้งตึง จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ รีบถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ หรือว่าไม่สบาย”
เติ้งหมิงเจี๋ยสีหน้าเคร่งเครียด พูดเสียงทุ้มต่ำว่า
“ซู่โหรว ใจเย็น ๆ เรื่องของพี่ชายเธอ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ไม่ต้องรีบร้อน”
เหอซู่โหรวชะงักไปครู่หนึ่ง ปกติสามีจะเป็นฝ่ายเร่งรัดให้เธอรีบจัดการเรื่องนี้ตลอด ทำไมนอนหลับไปคืนเดียวถึงเปลี่ยนใจได้
เมื่อเห็นสีหน้าฉงนของภรรยา เติ้งหมิงเจี๋ยก็ยิ้มเจื่อน ๆ อธิบายว่า “ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เธอพูดกับฉันว่าอยากจะกำจัดไอ้เด็กนั่น ฉันก็คอยหาโอกาสอยู่ตลอด เมื่อคืนนี้มันไปมาเก๊า ฉันเลยติดต่อกลุ่มทหารรับจ้างชื่อดังมา และจ่ายเงินก้อนโตให้ไปกำจัดมัน แต่ผลปรากฏว่า…”
เหอซู่โหรวเห็นสีหน้าแปลก ๆ ของสามี ในใจก็รู้ได้ทันที สีหน้าก็พลอยหม่นหมองลง ขมวดคิ้วพูดว่า “รู้อยู่แล้วว่าไอ้เด็กนั่นมันไม่ใช่คนธรรมดา ครั้งก่อนฉันเคยเห็นข่าวเรื่องที่มันสู้กับนักเลงสิบกว่าคน ตอนนั้นนึกว่าข่าวคุยโม้เกินจริง ตอนนี้ดูเหมือนว่าเราประมาทมันไปจริง ๆ หรือว่าจะล้มเลิกแค่นี้”
“เป็นไปไม่ได้!” เติ้งหมิงเจี๋ยแสยะยิ้ม พูดอย่างดูถูกว่า “เราก็ไม่เห็นต้องกลัวมัน ยุคสมัยนี้แล้ว ต่อให้เก่งแค่ไหนก็เท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจมัน แค่แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ อยู่ได้อีกไม่กี่วันหรอก”
เหอซู่โหรวคิดดูแล้วก็จริง แค่หมอตัวเล็ก ๆ คนเดียวเท่านั้น รอแค่ได้บริษัทภาพยนตร์เหอมาอยู่ในมือเมื่อไหร่ ก็ไล่มันออกไปได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ในใจของเธอก็ผ่อนคลายลง ฮัมเพลงแผ่วเบา เดินออกจากห้องหนังสือ ทิ้งให้เติ้งหมิงเจี๋ยที่มีสีหน้าแปรปรวนอยู่คนเดียว
หลังจากที่หลับเป็นตายมาทั้งคืน เหอเจ๋อรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า อาบน้ำเสร็จก็ลงไปทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารของโรงแรม จากนั้นก็ตรงไปที่สนามบิน ขึ้นเครื่องกลับเมืองกว่างหนาน
การเดินทางราบรื่นดี เสียดายเล็กน้อยที่เที่ยวบินระยะสั้นแบบนี้มีคนเดินทางเยอะมาก เขาจึงไม่ได้เจอกับจางเสี่ยวเถาอีก
ทันทีที่เครื่องลงจอด สิ่งแรกที่เขาทำก็คือตรงไปที่ร้านขายยาเทียนเซิ่งจู
หวงเหยียนกับถานเหว่ยซ่งรู้สึกผิดในใจ ช่วงนี้จึงทำงานหนักเป็นพิเศษเพื่อรวบรวมเงินค่ารักษาพยาบาล เปิดร้านแต่เช้าตรู่
ตอนที่เหอเจ๋อเข้ามา หวงเหยียนกำลังหยิบยาให้คนไข้ ความกดดันทำให้เกิดแรงผลักดันมากขึ้น หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายครั้งก่อน เขาก็มีความมั่นใจมากขึ้น
ความรู้ทางทฤษฎีมากมายที่เคยอยู่ในตำรา เมื่อได้ฝึกฝนจริงในช่วงเวลานี้ ก็ยิ่งแน่นขึ้น ฝีมือการแพทย์ก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะยังรับช่วงต่อจากหวงเทียนเหยาได้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีฝีมืออยู่เจ็ดแปดส่วนแล้ว
เมื่อเห็นเหอเจ๋อ ดวงตาก็เป็นประกายทันที เขาซาบซึ้งใจกับน้องชายคนนี้ที่ช่วยเหลือเขาไว้ ยิ้มแย้มพูดว่า “อรุณสวัสดิ์ มาหาจิงจิงสินะ เธออยู่กับอาจารย์ที่ลานบ้านน่ะ กำลังเดินเล่นกันอยู่”
หวงจิงจิงที่กำลังจะออกไปช่วยงานข้างหน้า เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ใบหน้าก็แดงก่ำ รีบวิ่งกลับเข้าไปด้วยความเขินอาย
เหอเจ๋อทักทายพอเป็นพิธี เพราะยังมีคนไข้รอตรวจอยู่ จึงไม่สะดวกคุยนาน เดินตรงไปยังห้องด้านหลัง
หวงเทียนเหยากำลังสงสัยว่าทำไมหลานสาวถึงกลับเข้ามาอีกครั้ง อ้าปากจะถามพอดี แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นเหอเจ๋อที่ก้าวเข้ามา ก็เข้าใจได้ทันที ในใจทั้งโกรธทั้งขำ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ดูสิ ไม่มีสง่าราศีเลยสักนิด ยังกับจะโดนกินเข้าไปงั้นแหละ ต่อไปถ้าแต่งงานกันไปแบบนี้ ต่อให้แต่งแล้วก็เอาไม่อยู่หรอก!”
ใบหน้าของหวงจิงจิงร้อนผ่าว พูดเสียงเบาเหมือนเสียงยุงบิน “ใครจะแต่งงานกับเขากัน พูดมั่ว”
หวงเทียนเหยาผ่านโลกมามาก รู้ทันทีว่าหลานสาวปากแข็ง ใจจริงก็ชอบเหอเจ๋อ พลางถอนหายใจพูดว่า “ลูกสาวโตแล้ว พ่อแม่ก็ห้ามอะไรไม่ได้ แต่ไอ้เด็กนี่ ถ้าอยากแต่งกับหลานข้า ต้องผ่านด่านข้าให้ได้ก่อน ข้าถึงจะยอม”
“อาจารย์หวงพูดอะไรน่ะ รู้หรือเปล่า ผมมีข่าวดีมาบอก” เสียงของเหอเจ๋อดังขึ้นก่อนที่ตัวจะมาถึง พร้อมกับสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
หวงเทียนเหยาเบะปาก ด่าอย่างเอ็นดู “แกเลิกกวนฉันได้แล้ว มีอะไรก็รีบพูดมา จะตดก็รีบตด คนแก่ใกล้ลงโลงแบบฉันไม่มีเวลามาฟังแกพูดมากความหรอก”
ถึงแม้ปากจะพูดจาไม่ดี ทำท่าทางเหมือนจะกีดกัน แต่แววตาที่แสดงความยินดีก็ปิดไม่มิด จริง ๆ แล้วในใจของเขาก็ค่อนข้างชอบเหอเจ๋ออยู่ไม่น้อย
เหอเจ๋อเดินเข้ามา ตามนิสัยก็ต้องแอบมองหวงจิงจิงก่อนจะยิ้มร่าพูดว่า “ดินฝังอาจารย์ไม่ได้หรอก เรื่องโสมพันปี อาจารย์ไม่ต้องกังวลแล้ว ผมมีทางแล้ว!”
หวงเทียนเหยานิ่งไปครู่หนึ่ง นึกว่าเขากำลังพูดเล่นก็เลยพูดเล่นด้วยว่า “เมื่อคืนแกไปปล้นธนาคารมารึไง ถึงได้มีเงินมากมายขนาดนี้”
เหอเจ๋อทำสีหน้าจริงจัง พูดด้วยท่าทางองอาจว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ผมเป็นเยาวชนดีเด่น เป็นพลเมืองดี เคยได้รับรางวัลความกล้าหาญมาแล้วสองครั้ง ลงข่าวหนังสือพิมพ์ด้วย จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง”
เห็นท่าทางจริงจังของเขา หวงจิงจิงอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา
หวงเทียนเหยาก็หัวเราะ พลางพูดว่า “หรือว่านี่คือเงินรางวัลที่ได้มา”
เหอเจ๋อกลอกตา ทำท่าทางตกใจ พูดด้วยความประหลาดใจว่า “อาจารย์รู้ได้ยังไง”
หวงเทียนเหยาถึงกับอึ้ง เขาแค่พูดเล่น ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง
เหอเจ๋อวางถุงพลาสติกสีดำที่พกติดตัวมาไว้บนโต๊ะ แล้วพูดว่า “ตั้งหนึ่งล้าน พอซื้อโสมพันปีได้แล้ว”
หวงเทียนเหยากับหวงจิงจิงต่างก็ตกตะลึง พอมองผ่านช่องว่างของถุง พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าข้างในเป็นธนบัตรซ้อนกันเป็นตั้ง ๆ
สักพัก หวงเทียนเหยาก็ได้สติ คนแก่ที่ผ่านโลกมามาก ไม่น่าจะเชื่อคำพูดโกหกของเหอเจ๋อ จึงถามด้วยท่าทางจริงจังว่า “บอกฉันมาก่อน เงินนี่แกเอามาจากไหน”
เหอเจ๋อไม่ได้คิดว่าจะหลอกตาแก่นี่ได้ง่าย ๆ จึงชี้ไปที่ศีรษะ หัวเราะร่วนพูดว่า “เมื่อวานบังเอิญได้ยินหวงเหยียนกับถานเหว่ยซ่งคุยกันเรื่องเล่นพนัน เลยนึกสนุก เมื่อคืนเลยบินไปมาเก๊า แล้วสวรรค์ก็เข้าข้าง…ก็เลยชนะมาได้มากมายขนาดนี้”
หวงจิงจิงมองเงินมากมายบนโต๊ะ พูดด้วยความตะลึงว่า “นี่นายชนะมาได้ภายในคืนเดียวเลยเหรอ”
หวงเทียนเหยาโกรธจนตัวสั่น ตบโต๊ะดังปัง ด่าด้วยความโมโหว่า “ไอ้ตัวแสบสองตัวนั้น เลิกนิสัยเสียไม่ได้ ยังกล้าพูดเรื่องพนันอีก น่าโมโหจริง ๆ”
ถานเหว่ยซ่งที่เดินผ่านมาหน้าประตู พอได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ รีบเข้ามาแก้ตัวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า “อาจารย์ฟังผมก่อนสิ ไม่ใช่อย่างนั้น พวกผมแค่คุยกันเรื่องของเพื่อนที่เล่นพนันเพื่อเป็นอุทาหรณ์เท่านั้นเอง”
“อะไรยังไง ไม่ใช่อย่างนั้น” หวงเทียนเหยาพูดขัดจังหวะด้วยความหงุดหงิด จ้องหน้าเขม็ง พูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “แค่พูดคุยเรื่องแบบนี้ก็ผิดแล้ว แสดงว่าแกยังไม่เลิกคิดเรื่องแบบนี้”
MANGA DISCUSSION