บทที่ 5 ใครแตะต้องพ่อของฉัน
หลังพบว่าเหอหย่งฝูถูกวางยาพิษ เหอเจ๋อรู้สึกว่าสถานการณ์ของเขาค่อนข้างน่าอึดอัด
เหอหย่งฝู เป็นเจ้าของบริษัทเหอฟิล์ม และเป็นหัวหน้าครอบครัวเหอ
แค่นอนโรงพยาบาลก็มีบอดีการ์ดหลายสิบคนคอยคุ้มครองอยู่รอบ ๆ คาดว่าแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำก็คงต้องมีคนไปด้วยสี่ห้าคน
คนแบบนี้จะถูกวางยาพิษได้อย่างไร
คนเดียวที่สามารถทำแบบนั้นได้ คือคนที่ใกล้ชิดเหอหย่งฝูเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่แม่ที่ไม่ได้เจอเหอหย่งฝูมายี่สิบกว่าปี เหอเจ๋อคงจะเดาว่าเป็นฝีมือของแม่เขาแน่นอน
ถ้าไม่ใช่แม่แล้ว แล้วจะเป็นใครล่ะ ?
จางเหวินฉี หรือแม่ลูกคู่ใหม่ที่เพิ่งมาถึง?
ปัญหานี้ซับซ้อนมาก มากพอให้เหอเจ๋อเขียนนิยายเรื่อง ‘ใครแตะต้องพ่อของฉัน’ ได้เลย
คนใกล้ชิดที่อยากลงมือกับเหอหย่งฝู คงมีเหตุผลข้อเดียว นั่นคือทรัพย์สินของตระกูลเหอ
ในสายตาคนนอก เหอหย่งฝูไม่มีทายาท หมายความว่าเมื่อเขาเสียชีวิต คนรอบข้างย่อมมีสิทธิ์ได้รับมรดกบริษัทเหอฟิล์ม
เขาเพิ่งมาที่นี่วันแรก ไม่มีอำนาจอะไรในกว่างหนานเลย ตอนนี้เหอหย่งฝูยังไม่ได้สติ เหอเจ๋อก็ไม่สามารถโผล่ออกมาบอกว่าผมเป็นลูกชายของเหอหย่งฝูได้
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีคนเชื่อหรือเปล่า แม้ว่าจะมีคนเชื่อจริง ๆ เหอเจ๋อก็กังวลว่าจะมีคนลอบทำร้ายเขา
เหอเจ๋อเป็นคนบ้านนอก เล่นเล่ห์เหลี่ยมกับคนในตระกูลใหญ่นี้ไม่น่าจะรอด
เมื่อคิดได้ดังนั้น เหอเจ๋อก็เงยหน้าขึ้นมองจางเหวินฉี เหอซู่โหรวและคนอื่น ๆ แวบหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
“ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน” เหอเจ๋อพูดตรง ๆ
เหอเจ๋อตัดสินใจแล้ว เขาจะอยู่ที่นี่เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้แบบลับๆ ส่วนตัวตนของเขา คงต้องปิดไว้ก่อน
พอได้ยินเหอเจ๋อบอกว่าจะไป จางเหวินฉีและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เขาปรากฏตัวที่โรงพยาบาลอย่างกะทันหัน ช่วยชีวิตเหอหย่งฝูที่ป่วยหนัก แล้วก็บอกจะจากไปทันที? แม้แต่ค่าตอบแทนก็ไม่เอา?
เหอซู่โหรวรีบเดินเข้ามาพูดทันที “จะทำแบบนี้ได้ยังไง? คุณช่วยพี่ชายของฉันไว้ ตระกูลเหอของเราต้องตอบแทนคุณ”
“ใช่แล้ว คุณเหอจะรีบไปไหนคะ?” ท่าทีของจางเหวินฉีที่มีต่อเหอเจ๋อก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอค่อนข้างกังวลเล็กน้อย เพราะเธอทำสีหน้าไม่ดีใส่เขาในตอนแรก มันอาจจะทำให้เหอเจ๋อโกรธ
เหอเจ๋อพูดเรียบ ๆ “เมืองใหญ่มีเล่ห์เหลี่ยมเยอะ ผมจะกลับบ้านนอก” พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
จางเหวินฉี “……”
เหอซู่โหรว “……”
เห็นเหอว่าเจ๋อจะไป ผู้อำนวยการจูเหว่ยผิงก็รีบตามไปทันที “คุณเหอ ไม่ทราบว่าคุณสนใจมาทำงานที่โรงพยาบาลของเราบ้างไหมครับ?”
เหอเจ๋อส่ายหน้า “ไม่สนใจครับ ที่บ้านผมมีคลินิกเป็นของตัวเอง”
เมื่อได้ยินเหอเจ๋อพูดแบบนั้น ผู้อำนวยการก็ได้แต่ล้มเลิกความตั้งใจ แม้ว่าฝีมือการแพทย์ของเหอเจ๋อจะเหนือชั้นอยู่บ้าง แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญอาวุโส เขาก็ไม่ถึงขั้นต้องหมกมุ่นตามตื้อผู้ชายคนหนึ่ง
เดินเข้าไปในลิฟต์ กลับมาที่ชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล
พวกนักข่าวที่รออยู่ที่ชั้นหนึ่ง เห็นเหอเจ๋อเดินออกมาจากลิฟต์ ก็รีบกรูเข้าไปหาทันที!
“ไอ้หมอนั่นไง ที่แกล้งป่วยแล้วแอบขึ้นลิฟต์!” ใครบางคนตะโกนขึ้นมา
หนึ่งประโยคก่อคลื่นนับพัน
นักข่าวหลายสิบคนลุกขึ้นพร้อมกัน เดินเข้าไปล้อมเหอเจ๋อไว้
ทุกคนต่างเดือดดาล กับพฤติกรรมไร้ยางอายของเหอเจ๋อก่อนหน้านี้ จนอยากเข้าไปทุบตีเขาสักรอบ หากยังไม่หายโกรธ ก็ทุบสองรอบเลย
เมื่อเห็นนักข่าวจ้องจะเล่นงาน เหอเจ๋อกลับยิ้มอย่างสดใส “สวัสดีครับทุกท่าน ผมมีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณเหอหย่งฝู ใครสนใจบ้าง?”
พอได้ยินประโยคนี้ของเหอเจ๋อ ใบหน้าของนักข่าวทุกคนก็เปลี่ยนไปในพริบตา
“ตอนนี้อาการของคุณเหอเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ได้ยินมาว่าเมื่อวานโรงพยาบาลประกาศว่าอาการวิกฤตแล้ว ตอนนี้อาการน่าจะวิกฤตแล้วใช่ไหม?”
“ตอนนี้คุณเหออยู่ชั้นไหน? คุณหลบพวกบอดีการ์ดของบริษัทเหอฟิล์มได้ยังไง?”
“เบอร์โทรศัพท์ของคุณจางเหวินฉีคืออะไร? ผมชอบเธอมานานแล้ว!”
คำถามสุดท้ายนี่ นอกประเด็นไปหน่อยไหม?
เหอเจ๋อมองดูนักข่าวพวกนั้น เมื่อเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง เขาก็ทนปิดบังข้อมูลไว้ไม่ได้ นอกจากเบอร์โทรของจางเหวินฉีที่เขาไม่รู้แล้ว เขาตอบคำถามทั้งหมดทีละข้อ
“ตอนนี้อาการของคุณเหอหย่งฝูดีมาก พ้นขีดอันตรายแล้ว วันนี้ประมาณเที่ยงวันโรงพยาบาลก็ได้ออกประกาศว่าอาการวิกฤตจริง ๆ แต่คุณเหอหย่งฝูโชคดีมาก มีผู้วิเศษท่านหนึ่งเดินทางมาจากที่ไกลถึงเมืองกว่างหนานเพื่อมารักษาเขา และเขาก็พ้นขีดอันตรายไปได้ ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องฉุกเฉินชั้นสิบ ส่วนเรื่องที่ผมหลบพวกบอดีการ์ดมาได้ ก็เพราะผมคือผู้วิเศษที่ช่วยชีวิตคุณเหอนั่นเอง เป็นจางเหวินฉีที่เชิญผมมา”
“เชอะ!” พวกนักข่าวพากันสลายตัวไป
สีหน้าของเหอเจ๋อดูไม่สู้ดีนัก เขาพูดความจริงไปแล้วทำไมไม่มีใครเชื่อเลย?
สุดท้ายก็เหลือแต่นักข่าวชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหอเจ๋อ เขามีรูปร่างเตี้ย อ้วนท้วม ดูแล้วน่ารักดี
“ในที่สุดก็มีคนที่ยอมเชื่อผม” เหอเจ๋อรู้สึกซึ้งใจเล็กน้อย
“พี่ชาย คุณบอกว่าคุณจางเป็นคนเชิญคุณมาใช่ไหม?” นักข่าวร่างท้วมถามเหอเจ๋อ
“ก็ไม่ถือว่าเชิญมาหรอก แต่ก็ใกล้เคียง” เหอเจ๋อแสดงท่าทีเป็นมิตรอย่างเต็มที่ต่อคนที่เข้าใจเขา
นักข่าวอ้วนถามต่อ “งั้นคุณรู้ไหมว่าเบอร์โทรศัพท์ของคุณจางเหวินฉีคืออะไร? ผมชอบเธอมานานแล้ว…”
สีหน้าของเหอเจ๋อดำคล้ำ
“ผมไม่รู้”
ผู้สื่อข่าวอ้วนหัวเราะเสียงดัง “เขาโกหกจริง ๆ” พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
เหอเจ๋อรู้สึกเหมือนโดนโจมตีไปหนึ่งล้านครั้ง เขารีบต้องไปกินข้าวเที่ยงเพื่อปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำ
อืม เขาจำได้ว่ามีร้านอาหารสไตล์กวางตุ้งอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลร้านหนึ่ง
ไม่นานหลังจากที่เหอเจ๋อออกจากโรงพยาบาล จางเหวินฉี เหอซู่โหรว และคนอื่น ๆ ก็ออกมาจากลิฟต์ หลังจากที่ยืนยันว่าอาการของเหอหย่งฝูคงที่แล้ว พวกเขาก็สามารถกลับไปที่บริษัทเพื่อจัดการงานที่ค้างอยู่ได้
พวกเขาเพิ่งจะก้าวออกมาจากลิฟต์ ก็ถูกนักข่าวที่รอคอยอยู่นานแล้วล้อมรอบทันที
“ตอนนี้อาการของคุณเหอเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ได้ยินมาว่าเมื่อวานโรงพยาบาลประกาศว่าอาการวิกฤตแล้ว ตอนนี้อาการน่าจะวิกฤตแล้วใช่ไหม?”
“คุณจาง ผมชอบคุณมาก เบอร์โทรศัพท์ของคุณคืออะไรครับ”
คำถามเดิมนี้ ตัวประกอบพวกนี้ขี้เกียจเปลี่ยนบทพูดด้วยซ้ำ
เนื่องจากคุณเหอหย่งฝูพ้นจากอันตรายถึงชีวิตแล้ว อารมณ์ของคุณจางเหวินฉีจึงดีมาก เธอตอบว่า “ตอนนี้อาการของคุณเหอหย่งฝูดีมาก พ้นขีดอันตรายแล้ว วันนี้ประมาณเที่ยงวันโรงพยาบาลก็ได้ออกประกาศว่าอาการวิกฤตจริง ๆ แต่คุณเหอหย่งฝูโชคดีมาก มีผู้วิเศษท่านหนึ่งเดินทางมาจากที่ไกลถึงเมืองกว่างหนานเพื่อมารักษาเขา เขาจึงพ้นขีดอันตรายแล้ว”
ทำไมบทพูดนี้ดูคุ้นหูมาก พวกนักข่าวสับสนเล็กน้อย
“ขอถามหน่อยครับ ตอนนี้ผู้วิเศษท่านนั้นอยู่ที่ไหน?” มีคนถาม
คุณจางเหวินฉีนึกถึงฉากที่คุณเหอเจ๋อพุ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนหน้านี้ เธออดยิ้มมุมปากไม่ได้ “ก็ผู้ชายที่โกหกว่าตัวเองเป็นโรคเอดส์ แล้ววิ่งเข้าไปในลิฟต์นั่นแหละ เขาลงไปก่อนพวกเราไม่นาน พวกคุณไม่เห็นเขาเหรอ?”
MANGA DISCUSSION