บทที่ 48 เหอซู่โหรวอาเจียน
ปลายสายโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้น “ตอนนี้ไปที่สวนสนุก แล้วซื้อตั๋วรถไฟเหาะ เมื่ออยู่บนจุดสูงสุดของรถไฟเหาะ ก็โยนเงินลงไปได้เลย”
เหอซู่โหรวนึกอยากจะถามรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ปลายสายไม่เปิดโอกาสให้ กลับตัดสายโทรศัพท์ไปเสียก่อน
ด้วยความจนใจ เธอจึงทำได้เพียงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หวังเผิงฟังตามที่ได้รับแจ้งมา
“เอาอย่างนี้ เพื่อความปลอดภัยของเติ้งเฉิงชาง จะทำตามที่มันบอกก่อน พวกผมจะส่งคนปลอมตัวไปซุ่มดูอยู่บริเวณโดยรอบ ทันทีที่พบว่ามีคนลงไปเก็บเงิน ก็จะจับตัวมันไว้ทันที!”
เหอซู่โหรวเองก็รู้ดีว่า นี่เป็นวิธีเดียวที่ทำได้แล้ว เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตต่อพวกโจร เธอจึงไม่รีรอ รีบตรงไปยังสวนสนุก และซื้อตั๋วรถไฟเหาะทันที
เมื่อมาถึงที่นี่ เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่า ด้านล่างของรถไฟเหาะ กลับเป็นทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่
แต่แบบนี้ เธอกลับยิ่งดีใจ เพราะผืนน้ำกว้างขนาดนี้ หากเห็นใครลงไปเก็บเงิน ก็มั่นใจได้เลยว่าเป็นพวกโจรปล้นทรัพย์อย่างแน่นอน
พนักงานขายตั๋วทำงานมานานหลายสิบปี ก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงแต่งกายเรียบร้อยเช่นนี้มาเล่นรถไฟเหาะ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยอมจ่ายเงิน เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ขายตั๋วให้
รถไฟเหาะที่ออกทุก ๆ สิบนาทีก็เริ่มต้นขึ้น ความคิดของเหอซู่โหรวก่อนหน้านี้มุ่งเน้นไปที่การตามหาโจรปล้นทรัพย์ แต่เมื่อรถไฟเหาะเริ่มต้นขึ้น เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองเป็นโรคกลัวความสูง ดวงตาทั้งสองข้างจึงฉายแววหวาดกลัวขึ้นมาทันที
คนที่ไม่เป็นโรคกลัวความสูง ยากที่จะจินตนาการถึงความรู้สึกหวาดกลัวบนที่สูงได้ ร่างกายของเหอซู่โหรวสั่นเทาไปทั้งตัว ทุกครั้งที่รถไฟเหาะขึ้นลงสูงต่ำ ล้วนทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างรุนแรง อวัยวะภายในทั้งห้าก็ปั่นป่วนราวกับพายุโหมกระหน่ำ อาหารที่เพิ่งกินเข้าไปเมื่อครู่ เกือบจะพุ่งออกมา
เมื่อรถไฟเหาะใกล้จะถึงจุดสูงสุด เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แหวะ! สุดท้ายก็อาเจียนออกมา
คนที่เคยเล่นรถไฟเหาะย่อมรู้ดีว่า คนเราจะถูกยึดติดกับที่นั่ง บวกกับความเร็วที่สูงมาก ลมแรงพัดผ่านเข้ามาปะทะใบหน้า พัดเอาอาเจียนที่พุ่งออกไปย้อนกลับมาติดเต็มใบหน้าของเธอ
แบบนี้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้หนักกว่าเดิม แต่ในขณะที่กำลังรีบร้อน เธอก็ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ เมื่อรถไฟเหาะขึ้นไปถึงจุดสูงสุด เธอก็ปล่อยห่อในมือออกไป
ตุ๊บ!
เงินที่พันด้วยเทปกาวสีดำอย่างแน่นหนา ตกลงไปในน้ำ
ใกล้ ๆ กับรถไฟเหาะ ชายหญิงหลายคนที่แสร้งทำเป็นซื้อของหรือเล่นเกมอยู่ สายตากลับเป็นประกาย จ้องมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
รถไฟเหาะแต่ละรอบใช้เวลาแปดนาที แต่เหอซู่โหรวกลับรู้สึกราวกับผ่านไปแปดศตวรรษ ในที่สุดเมื่อรถไฟเหาะหยุดลง เธอก็อยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ ใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยอาเจียน เหม็นจนแทบอาเจียนออกมาอีกรอบ
ผู้คนรอบข้างต่างพากันปิดจมูก เดินผ่านเธอไปด้วยท่าทีรังเกียจ เกรงว่าจะไปสัมผัสโดนสิ่งสกปรกเข้า
พนักงานขายตั๋วเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าบึ้งตึง พูดด้วยความโกรธ “คุณเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมถึงอาเจียนเลอะเทอะแบบนี้ พวกเราจะทำความสะอาดยังไง”
เหอซู่โหรวอัดอั้นไปด้วยความโกรธที่ไม่มีที่ระบาย พอมาถึงตอนนี้ ก็เหมือนได้ระบายออกมากล่าวต่อว่า “นายเป็นใครกัน ถึงกล้ามาพูดจาไร้มารยาทกับฉัน บอกให้รู้ไว้ รีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นฉันจะสั่งสอนนายเอง”
พนักงานขายตั๋วไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกร่างกว่าตน จึงมองด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วกล่าว “ผมว่าคุณรีบลบสิ่งที่ตัวเองอาเจียนเอาไว้ แล้วรีบไปซะ อย่ามาทำให้ผมขยะแขยงเลย”
เหอซู่โหรวก้มลงมอง ท้องไส้ก็ปั่นป่วนขึ้นมาทันที จึงไม่สนใจที่จะโต้เถียงอีกต่อไป รีบเดินออกไป
ท่ามกลางผู้คนมากมายในสวนสนุก เหอซู่โหรวก็เหมือนกับระเบิดนิวเคลียร์เคลื่อนที่ เดินไปที่ไหน ผู้คนต่างพากันหลีกทาง ซุบซิบนินทาและวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา
เหอซู่โหรวรู้สึกอับอายขายหน้าจนแทบอยากจะมุดดินหนี ยกแขนขึ้นมาปิดบังใบหน้า ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไป
คนขับรถที่รออยู่ด้านนอก เห็นคนร่างกายเปรอะเปื้อนเดินตรงมาทางนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ตะโกนด้วยท่าทีรังเกียจ “หยุดอยู่ตรงนั้น! อย่าเข้ามาใกล้รถผมนะ รถผมราคาแพง รู้หรือเปล่าถ้าเปื้อนขึ้นมา คุณจะชดใช้ไหวเหรอ”
เหอซู่โหรวโมโหจนแทบจะกระอักเลือด ถูกคนนอกหัวเราะเยาะก็เจ็บพอแล้ว ไอ้หมาที่เลี้ยงไว้ยังกล้ามาแสดงกิริยาดูถูกแบบนี้อีก
ความโกรธในใจของเธอปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เดินเข้าไปตบหน้าคนขับรถอย่างแรง
จางหมิงถึงกับผงะไปเช่นกัน อันที่จริงก็ไม่ใช่ความผิดของเขา ผู้หญิงคนนี้ทั้งใบหน้าและร่างกายล้วนแต่เปื้อนอาเจียน มองไม่ออกเลยว่าเป็นใคร ดังนั้น เขาจึงแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ตามปกติของคนทั่วไป…
ผัวะ! เธอถูกตบกลับ
เหอซู่โหรวตกตะลึงไปทั้งตัว เธอไม่เคยถูกตบหน้ามาก่อน ตลอดสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เธอเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัว หลังจากแต่งงานกับเติ้งหมิงเจี๋ย เธอก็ยิ่งเป็นใหญ่ ไม่มีใครกล้าขัดใจ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอถูกตบหน้า
ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง โมโหจนพูดไม่ออก “จางหมิง แกกล้าตบหน้าฉันอย่างนั้นเหรอ!”
คนขับรถจางหมิงจ้องมองอย่างละเอียด ถึงกับตกใจร้องเสียงหลง “นายหญิง ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
การโจมตีติด ๆ กัน ทำให้สติของเหอซู่โหรวแทบจะหลุดลอย ไหนเลยจะมีอารมณ์มาอธิบายเรื่องน่าอับอายเหล่านี้กับคนขับรถ เธอจึงเปิดประตูรถ ก้าวขึ้นนั่ง พูดอย่างเกรี้ยวกราด “พูดมากน่า รีบพาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนแล้วกัน!”
จางหมิงรู้ตัวว่าทำเรื่องใหญ่แล้ว ยังไงงานนี้ก็โดนไล่ออกแน่ เมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวในรถ เขาจึงหันหลังเรียกรถแท็กซี่แล้วหลบหนีไป
เหอซู่โหรวถึงกับพูดไม่ออก เธอเองก็ขับรถไม่เป็น ด้วยความจนใจ เธอจึงต้องโทรศัพท์ไปหาจางเหวินฉี ให้ส่งคนขับรถจากบริษัทมารับกลับบ้าน
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือบังเอิญ คนขับรถที่ส่งมานั้นเป็นคนที่ปากสว่าง กลับไปก็เอาเรื่องนี้ไปพูดโอ้อวดไปทั่ว ไม่ถึงครึ่งวัน เรื่องนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วบริษัทภาพยนตร์เหอกรุ๊ป กลายเป็นเรื่องตลกขบขันหลังอาหารของทุกคน
แต่เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลัง เหอซู่โหรวรีบกลับบ้านไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายตัวเองให้สะอาด หลังจากอาบน้ำเสร็จ นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เธอโยนความผิดทั้งหมดให้กับโจรปล้นทรัพย์ และสาบานกับตัวเองว่า หากจับมันได้เมื่อไหร่ จะต้องให้มันติดคุกตลอดชีวิต
เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรหาหวังเผิง
“สารวัตรหวัง เป็นอย่างไรบ้างคะ จับโจรปล้นทรัพย์ได้หรือยัง”
ตอนนี้หวังเผิงกำลังปลอมตัวเป็นคู่รักกับตำรวจหญิงฝึกหัด นั่งพลอดรักกันอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะ
เรื่องนี้เดิมทีเป็นเพียงการเสแสร้ง แต่ไม่นึกว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นคนเจ้าชู้ คนหนึ่งเห็นแก่ความสวย อีกคนหนึ่งหวังจะใช้โอกาสนี้ไต่เต้า ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงปลงใจกัน เป็นแฟนกันจริง ๆ ตอนนี้กำลังอินเลิฟ ไม่ได้สนใจเรื่องอื่น
“ลูกน้องของฉันจับตาดูอยู่ตลอด แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ รออีกสักหน่อยเถอะครับ”
เหอซู่โหรวไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากพูดอย่างจนใจว่า “รบกวนสารวัตรหวังช่วยดูแลด้วยนะคะ หากจับคนร้ายได้ ฉันจะตอบแทนคุณอย่างงาม”
MANGA DISCUSSION