บทที่ 47 เจ้าเด็กนี่หายไปไหน?
เหอเจ๋อเหลือบมองเติ้งเฉิงชางนอนแน่นิ่งอยู่บนโซฟา ซึ่งยังคงถูกผนึกเส้นลมปราณไว้ บีบคอไว้พลางเอ่ยว่า [วางใจเถอะ ฉันเป็นคนรักษาสัญญา ตอนนี้อาการของเขาดีมาก แต่จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว]
เหอซู่โหรวกังวลใจมาทั้งคืนเกี่ยวกับเรื่องของคนลักพาตัว จนไม่มีกะจิตกะใจหาเงินแล้ว แต่สำหรับเธอ เงินสิบล้านหยวนไม่ใช่จำนวนที่มากมาย จึงเอ่ยปากทันทีว่า “ฉันเตรียมเงินไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงคุณรับรองความปลอดภัยของชางเอ๋อร์ ฉันยินดีจะส่งเงินให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”
[เยี่ยมมาก บ่ายสามโมงวันนี้ คุณไปที่อุทยาน เดี๋ยวฉันจะติดต่อกลับไป]
หลังจากพูดจบ เขาก็วางสายไปทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตอบโต้
ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกชาย เหอซู่โหรวจึงไม่มีอารมณ์จะนอน เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดโทรศัพท์หาเหอหย่งฝู
“พี่ชาย ชางเอ๋อร์ถูกลักพาตัวไป” ทันทีที่ปลายสายรับ นหล่อนก็ร้องไห้โฮออกมา พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “หมิงเจี๋ยก็ไม่อยู่บ้าน ฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว พี่ต้องช่วยฉันด้วยนะ!”
เหอหย่งฝูทราบเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ อีกฝ่ายเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา เครือญาติที่เหลืออยู่ไม่กี่คนในโลกใบนี้ เขาจึงพูดตรงไปตรงมาว่า “การลักพาตัวก็แค่หวังเงิน ฉันบอกเหวินฉีแล้ว ต้องการเงินเท่าไหร่ เธอไปเบิกจากบัญชีบริษัทก่อนเลย”
เหอซู่โหรวรู้สึกโล่งใจ เธอแสร้งทำเป็นพูดคุยด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอีกสองสามประโยค ก่อนจะรีบวางสาย เธอเรียกคนขับรถ และรีบไปที่บริษัททันที
จางเหวินฉีรออยู่ที่หน้าบริษัทแล้ว เมื่อพบหน้ากัน หญิงสาวก็ยื่นเงินที่เตรียมไว้ให้เหอซู่โหรวทันที
หลังจากได้เงินมาแล้ว เหอซู่โหรวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง การสูญเสียเงินทองเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป คนอื่นจะต้องคิดว่าเธอขี้ขลาดอ่อนแอ ไร้ความสามารถ และเห็นว่าเธอถูกแบล็กเมล์ได้ง่ายแค่ไหน อีกหน่อยคงต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกก็ได้
หล่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรหาหวังเหอ
“ท่านผบ.หวังคะ คนร้ายลักพาตัวชางเอ๋อร์โทรมาหาฉันแล้ว เขาให้ฉันเอาเงินไปให้ตอนบ่ายสามโมงนี้ค่ะ”
รับสินบนแล้ว ก็ต้องทำงานให้
หวังเหอตบหน้าอก สัญญาอย่างมั่นใจว่า “คุณเหอ วางใจเถอะ! ฉันจะให้เสี่ยวเผิงพาคนไปจัดการ รับรองว่าจะจับคนร้ายได้แน่นอน!”
“ขอบคุณท่านผบ.หวังมากค่ะ”
“ไม่เป็นไร ๆ การปกป้องประชาชนเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว” หวังเหอพูดด้วยท่าทีชอบธรรม
เหอซู่โหรววางสาย และพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า “การปกป้องเงินต่างหากที่เป็นหน้าที่ของคุณ ช่างเถอะ ถ้าไม่มีข้าราชการขี้โกงแบบนี้ เรื่องมันคงไม่ง่ายขนาดนี้”
เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับ ตอนนี้ความง่วงเข้ามาเยือนอีกครั้ง ไหน ๆ ก็ต้องรอจนถึงบ่ายสามโมงอยู่แล้ว เธอจึงให้คนขับรถพากลับบ้านไปนอนพักผ่อนเอาแรงก่อน
ส่วนทางด้านกวนหลิง ด้วยผลงานการรายงานข่าวที่โดดเด่น ทำให้เธอได้รับเงินรางวัลก้อนโต เธอรีบวิ่งกลับมาที่ห้องอย่างตื่นเต้น คิดจะชวนเหอเจ๋อ ไปเลี้ยงข้าวฉลองสักมื้อ เผื่อจะใช้โอกาสนี้ตีสนิทกับเขาและหวังว่าในอนาคตจะได้ข่าวใหญ่ๆ อีก
ก๊อก ๆ ๆ!
เธอยืนเคาะประตูอยู่นาน แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน เธอพึมพำด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้าเด็กนี่หายไปไหน? หรือว่ายังไม่ตื่นอีกเหรอ? ลองโทรไปถามดีกว่า”
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรหาเหอเจ๋อ
ณ คฤหาสน์หรูของตระกูลเติ้ง เหอเจ๋อแบกกระเป๋าใบโต กำลังมองหาห้องของเติงเสิ้งซาง ที่อยู่บนชั้นสอง
ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ทำเอาสาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดอยู่ชั้นล่างได้ยิน จึงเงยหน้าขึ้นมามอง
เหอเจ๋อตกใจแทบสิ้นสติ รีบกดวางสาย แล้วถอดแบตเตอรี่ออก แต่ก็สายไปเสียแล้ว สาวใช้ที่อยู่ชั้นล่างเดินขึ้นมาถึงชั้นบนแล้ว ถ้าถูกพบตัวเข้า เขาจะอธิบายเรื่องเติ้งเฉิงชางที่อยู่ในกระเป๋าได้อย่างไร?
ถ้าถูกจับได้คาหนังคาเขา ตอนนั้นคงแก้ตัวอะไรไม่ได้ ถ้าถูกตราหน้าว่าเป็นคนลักพาตัว อย่าว่าแต่สืบหาคนวางยาพิษเลย ชีวิตของเขาคงจะจบสิ้นแล้ว
กระต่ายที่จนตรอกยังกัดคน สุนัขที่จนมุมยังกระโดดข้ามกำแพงได้ ในยามคับขัน เหอเจ๋อจึงตัดสินใจเปิดประตูห้อง ๆ หนึ่งออก แล้วมุดตัวเข้าไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้า
สาวใช้เดินขึ้นมา เห็นทางเดินว่างเปล่า ก็อดแปลกใจไม่ได้ ขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวหน้าแม่บ้านตะโกนเรียกจากชั้นล่างว่า “ทุกคนมารวมกันเร็ว คุณนายกลับมาแล้ว”
คฤหาสน์ตระกูลเติงมีกฎระเบียบที่เข้มงวด โดยปกติแล้ว นอกจากวันทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง จะไม่อนุญาตให้คนรับใช้ขึ้นมาบนชั้นสอง สาวรับใช้จึงไม่กล้าอยู่นาน และรีบลงไปชั้นล่าง
ส่วนกวนหลิงยืนถือโทรศัพท์ด้วยสีหน้าฉงน และพูดว่า “เล่นอะไรเนี่ย? กลางวันแสก ๆ แบบนี้ไม่รับโทรศัพท์ แถมยังปิดเครื่องอีก ฉันอุตส่าห์อยากเลี้ยงข้าวแท้ ๆ”
เหอซู่โหรวง่วงมาก เมื่อกลับถึงบ้าน เธอตรงไปที่ห้องนอน ถอดเสื้อผ้าออก ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเป็นชุดนอน และล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
เจ้านายกำลังพักผ่อน คนรับใช้จึงไม่กล้าส่งเสียงดัง พวกเขาจึงหยุดงานทำความสะอาด และแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ทั้งคฤหาสน์เงียบสงบลง ประมาณสิบนาทีต่อมา ประตูตู้เสื้อผ้าก็ขยับ เหอเจ๋อโผล่หัวออกมา มองไปรอบ ๆ ห้อง และรู้สึกตกตะลึงกับภาพที่เห็น
เสื้อผ้าถูกทิ้งเกลื่อนกลาดบนพื้น บนเตียงมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนกางแขนกางขา สภาพเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงในตัวเดียว และผู้หญิงคนนั้นก็คือเหอซู่โหรว
เหอเจ๋อตกใจ และคิดในใจอย่างขมขื่นว่า บังเอิญเกินไปแล้ว
แม้ว่าเหอซู่โหรวจะอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่เพราะไม่เคยลำบาก ทั้งยังดูแลตัวเองเป็นอย่างดี รูปร่างของเธอยังคงดูดีมาก ไม่ต่างจากสาววัยสามสิบต้น ๆ สักเท่าไหร่นัก
“ไม่น่าเชื่อว่าจะยังดูดีขนาดนี้ น่าตกใจจริง ๆ”
เหอเจ๋อแอบมองครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคืออาของเขา จึงรีบตบหน้าตัวเอง แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง เปิดประตูอย่างเบามือ และเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ
เมื่อไม่มีคนรับใช้มารบกวน เหอเจ๋อก็เริ่มทำอะไรได้สะดวกขึ้น ในที่สุดเขาก็พบเป้าหมาย
ภายในห้องเต็มไปด้วยไฟแช็กหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นของสะสมที่เติ้งเฉิงชางชื่นชอบมากที่สุด
เหอเจ๋อกวาดตามองไปทั่วห้อง ห้องนี้ไม่ค่อยมีที่ซ่อนคนเป็นๆ ได้ นอกจากใต้เตียง
เขาเดินไปที่เตียง และยกพื้นเตียงขึ้น แต่สิ่งที่เห็นกลับไม่คาดคิด เพราะข้างในเต็มไปด้วยชุดชั้นในผู้หญิงมากมาย บางตัวยังมีคราบขาวขุ่มติดอยู่
“ให้ตายสิ ไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะมีรสนิยมแบบนี้”
เหอเจ๋อวางกระเป๋าใบใหญ่ที่อยู่บนหลังลง ก่อนมาที่นี่ เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย เขาแอบให้เติ้งเฉิงชางกินยานอนหลับ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะหลับตลอดทั้งวัน
“ฮ่าฮ่า ปล่อยให้นายนอนอยู่กับของรักของโปรด ถือว่าผมทำความดีความชอบแล้ว”
หลังจากโยนเติ้งเฉิงชางลงไปใต้เตียง เขาก็ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีร่องรอยใด ๆ หลงเหลือ ก่อนจะปิดประตู แล้วออกจากคฤหาสน์ตระกูลเติ้งไป
เหอซู่โหรวนอนหลับไปจนถึงบ่ายสองโมงกว่า ๆ เสียงนาฬิกาปลุกจึงปลุกเธอให้ตื่น เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มีคนขับรถไปส่งพร้อมกับเงินค่าไถ่ ไปยังอุทยานที่คนร้ายนัดไว้
และแล้ว เมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขสาม โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ฉันมาถึงแล้ว เงินก็เตรียมไว้แล้ว คุณอยู่ไหน?”
MANGA DISCUSSION