บทที่ 44 ฟ้าลิขิต
เมื่อความหวังดีถูกมองเป็นสิ่งไร้ค่า ต่อให้เหอเจ๋อจะเป็นคนใจเย็นแค่ไหน ก็ไม่อาจทนเฉยได้ ตะโกนออกไปอย่างโกรธเคืองว่า “หวงจิงจิง คุณโดนขู่จนเสียสติไปแล้วเหรอ? ผม ‘เหอเจ๋อ’ นะ คนที่ตั้งใจมาเพื่อช่วยคุณ”
หวงจิงจิงหัวเราะเยาะหยัน มองด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เพลิงโทสะลุกโชนในใจของเหอเจ๋อ เขาอยากจะหันหลังกลับไปจริง ๆ แต่ที่นี่เป็นป่าเขา ไม่มีทั้งหมู่บ้านหรือร้านค้า หญิงสาวตัวคนเดียวแบบเธอ หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาโอกาสรอดชีวิตช่างริบหรี่
บทเรียนจากครั้งก่อนยังชัดเจน ถ้าโดนลักพาตัวอีกครั้ง เหอเจ๋อคงอยากตายไปเลย
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รีบวิ่งตามไป คว้าแขนของหวงจิงจิงไว้ พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เลิกเอาแต่ใจตัวเองสักที กลับไปกับผม!”
หวงจิงจิงสะบัดแขนอย่างแรง เพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม เหันกลับมาด่าทอด้วยความโกรธ “อย่ามาแตะตัวฉัน คนหลายใจอย่างแก เมื่อกี้ยังบอกให้คนร้ายฆ่าฉัน ตอนนี้กลับมาทำเป็นคนดี น่าขยะแขยงที่สุด”
เดิมทีหญิงสาวประทับใจในตัวเหอเจ๋อ ถึงเขาจะพูดจาไม่น่าฟัง แต่ทักษะทางการแพทย์นั้นยอดเยี่ยมมาก เก่งกาจด้านการแพทย์ อีกทั้งเขายังมีน้ำใจช่วยเหลือปู่ของเธอโดยไม่หวังผลตอบแทน
แม้กระทั่งตอนที่เขาพูดว่า ‘แสนแปดพันครั้ง’ ซึ่งเป็นคำพูดที่น่าอับอาย เธอก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมา สามารถเข้าใจได้
ทว่าทุกอย่างพังทลายลงเมื่อเธอถูกจับเป็นตัวประกัน และได้ยินคำพูดนั้น กลับกลายเป็นว่าภายในใจของอีกชายคนนั้นตัวเธอช่างไร้ค่า และเป็นเพียงสิ่งของที่สามารถละทิ้งได้ทุกเมื่อ
ความรักอันลึกซึ้ง แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง
เมื่อความหวังทั้งหมดพังทลายลง ซากปรักหักพังที่เหลืออยู่มีเพียงความขมขื่น และความโกรธอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เหอเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายอย่างจนใจว่า “คุยกันด้วยเหตุผลหน่อยได้ไหม ตอนนั้นผมแค่รู้สึกกระวนกระวายใจ เลยพูดอะไรออกไปโดยไม่ทันคิด ไม่คิดว่าคุณจะจริงจังขนาดนี้”
“พูดอะไรออกไปโดยไม่ทันคิด?” หวงจิงจิงหัวเราะเยาะ “เลิกตีสองหน้าต่อหน้าฉันเถอะ มันไร้ประโยชน์ ตราบใดที่นายสามารถช่วยปู่ของฉันได้ ถึงนายจะเป็นคนเลวแค่ไหน ฉันก็จะแต่งงานกับนาย”
เหอเจ๋อถูกเธอรบกวนจนอารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านออกมา จึงพูดเยาะเย้ยว่า “อย่าพูดเรื่องแต่งงานบ่อย ๆ ได้ไหม? ผมจะแต่งกับคุณหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย อย่าคิดไปเองสิ!”
ร่างของหวงจิงจิงสั่นสะท้าน ราวกับถูกฟ้าผ่า น้ำตาไหลรินราวกับลูกปัดที่ขาดสาย
เดิมทีเหอเจ๋อเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เขากลัวการเห็นผู้หญิงร้องไห้มากที่สุด จึงได้แต่บ่นในใจว่า ‘ผู้ชายที่ดีไม่ควรทะเลาะกับผู้หญิง’ จึงกัดฟันพูดว่า “คุณร้องไห้ทำไม? ผมต่างหากที่ควรร้องไห้ เหนื่อยยากลำบากแทบตาย เสียเซลล์สมองไปหนึ่งในสามเพื่อช่วยคุณออกมา สุดท้ายถูกเข้าใจผิด ผมนี่แหละที่ควรกุมขมับร้องไห้!”
“ฮึ! พูดจาเหลวไหล!”
“ทำไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ? ผมจับผู้ร้ายได้จะได้รางวัลอะไรเท่าไหร่? ผมเป็นหมอประจำตัวให้เหอหย่งฝู เงินเดือนเดือนละแสน ผมเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับคนร้าย ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ทำเพื่อคุณเหรอ?”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเหอเจ๋อ หวงจิงจิงก็ค่อย ๆ เข้าใจ อันที่จริงเธอแค่ตกใจกับการถูกลักพาตัว จิตใจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง กลายเป็นคนอ่อนไหวต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มองอะไรก็เป็นด้านลบไปหมด
ตอนนี้เมื่อเธอสงบสติอารมณ์ลงแล้ว จึงค่อย ๆ วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน และพบว่าเหอเจ๋อไม่มีแรงจูงใจที่จะทำร้ายเธอเลย
หมายความว่า… เธอใส่ร้ายผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้
เมื่อคิดได้แบบนี้ ใบหน้าของหวงจิงจิงก็ร้อนผ่าว สองมือของหญิงสาวขยุ้มชายเสื้อ ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเหอเจ๋อ
“ขอ… ขอโทษ ฉันเข้าใจนายผิดไป”
เหอเจ๋อได้รับความยุติธรรมคืนมา เกือบจะหลั่งน้ำตา แต่ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน เขาจะไม่แก้แค้นได้อย่างไร
เขากลอกตาไปมา ส่งเสียงฮึดฮัด พลางหันหน้าไปทางอื่น และแสร้งทำเป็นโกรธ
ถ้าเป็นกวนหลิงที่อารมณ์ร้อน ก็คงจะหันหลังกลับไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ และไม่สนใจแล้ว!
แต่หวงจิงจิงนั้นต่างออกไป หวงเทียนเหยาเป็นแพทย์แผนจีน แม้ว่าเขาจะไม่ได้สั่งสอนอะไรเป็นพิเศษ แต่เธอได้ซึมซับความรู้มาตั้งแต่เด็ก ได้ยินแต่ความคิดที่ว่า ‘แม้บุญคุณเท่าน้ำหยดเดียว ก็จะตอบแทนดุจสายธาร!’*[1] ในใจของเธอยิ่งรู้สึกผิดต่อเหอเจ๋อมากขึ้น เมื่อเห็นว่าเขากำลังโกรธ เธอจึงทำอะไรไม่ถูก ใจร้อนคล้ายกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน
“ถ้างั้นนายจะให้ฉันทำยังไง? ให้ฉันกัดนายมั้ย”
เหอเจ๋อเบิกตากว้าง เขาเกือบสำลักน้ำลายตาย มองหวงจิงจิงด้วยสีหน้าแปลกประหลาด พึมพำอย่างประหลาดใจว่า “เมื่อก่อนก็ดูเป็นหญิงสาวขี้อาย ตอนนี้ทำไมกล้าขนาดนี้”
หวงจิงจิงเห็นสีหน้าแปลก ๆ ของชายตรงหน้า ก็แทบอยากมุดดินหนี รีบร้อนอธิบายอย่างลนลานว่า “ฉันเคยเห็นในหนังสือของเพื่อนร่วมงาน เขาบอกว่าทำแบบนี้ผู้ชายจะรู้สึกดี แล้วนายก็จะไม่โกรธ”
“หนังสือลามกฆ่าผู้คน”
เหอเจ๋อพูดขึ้นอย่างรู้ทัน แต่เขาก็ดูออกว่าหวงจิงจิงคงจะร้อนรนจริง ๆ ถ้าแกล้งเธอต่อไป อาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีกถึงตอนนั้นเขาคงหนีความผิดไม่พ้น
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้โกรธคุณแล้ว แค่แกล้งเล่นเฉย ๆ”
หวงจิงจิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก้อนหินก้อนใหญ่ที่ถ่วงอยู่ในใจก็ลดลงไป แต่เมื่อนึกถึงตัวเองที่เผลอพูดเรื่องน่าอับอายนั้นออกไปอย่างรีบร้อน ภายในใจก็รู้สึกละอาย แต่ก็ยังมีความรู้สึก… ตื่นเต้นเร้าใจเล็ก ๆ
เมื่อผนึกที่สะกดมานานกว่ายี่สิบปีถูกปลดออก คงมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งใดจะปรากฏออกมาจากกล่องแพนโดรา
โอวเทียนเหิงกำลังควบคุมคนร้ายออกไป เขาก็ได้จอดรถตู้คันก่อนหน้าทิ้งเอาไว้ด้วยความเต็มใจ เหอเจ๋อสตาร์ตรถ ขับพาหวงจิงจิงกลับร้านยาเทียนเซิ่งจู
การเดินทางช่างเงียบเหงา เหอเจ๋อก็เลยนึกสนุก อยากจะ ‘แก้แค้น’ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถูกใส่ร้ายก่อนหน้านี้ ด้วยการพูดจาล้อเลียนหวงจิงจิงไม่หยุดปาก
แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ หวงจิงจิงจะเขินอายจนไม่กล้าตอบโต้ แต่บางครั้งเธอก็โพล่งคำพูดกล้าหาญเหมือนเมื่อก่อนออกมาหนึ่งหรือสองประโยค ซึ่งทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออก
หลานสาวตกอยู่ในอันตราย ชีวิตความเป็นความตายยังไม่แน่นอน ไหนเลยหวงเทียนเหยาจะข่มตาหลับลง ครึ่งค่อนคืนผ่านไปก็ยังไม่หลับไม่ลง คิ้วขมวดแน่น ถอนหายใจออกมาเป็นระยะ
ศิษย์พี่ศิษย์น้องของหวงเหยียนกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จึงคอยปรนนิบัติอยู่เคียงข้างเตียง คอยรินน้ำชงชา ปลอบโยนเขาไม่ให้กังวล
“คนมักพูดว่า คนดีมีแต่ได้ดี แต่ทำไมฉันที่ช่วยชีวิตคนนับไม่ถ้วน กลับไม่มีสิ่งดีเกิดขึ้นเลย” หวงเทียนเหยาพูดอย่างเศร้าสร้อย ช่วงนี้ความโชคร้ายถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำเอาชายชราผู้ไม่ยอมก้มหัวให้โชคชะตามาทั้งชีวิต เริ่มเชื่อในฟ้าลิขิตเป็นครั้งแรก
หวงเหยียนเพิ่งจะช่วยเขานวดเสร็จ เมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาจารย์พูดแบบนี้ไม่ถูก ผมว่าเด็กเหอเจ๋อคนนั้น อาจจะเป็นคนที่สวรรค์ส่งมาช่วยเราก็ได้”
[1] แม้บุญคุณเท่าน้ำหยดเดียว ก็จะตอบแทนดุจสายธาร หมายถึง การตอบแทนสิ่งที่รับมาด้วยผลที่เท่าเทียมหรือมากกว่า แก่ผู้ที่ช่วยเหลือตนเอง
MANGA DISCUSSION