บทที่ 42 มือใหม่หัดขับ
เหอเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ผมจะพาหวงจิงจิงกลับมาอย่างปลอดภัย”
โอวเทียนเหิงมองเขาอย่างลึกซึ้งพลางตบบ่า ซุนหัวไม่ต้องออกแรงมากก็หารถตู้ของตำรวจนอกเครื่องแบบมาได้คันหนึ่ง
“นายเคยขับรถมาก่อนไหม?” ซุนหัวถามเปรย ๆ ในความคิดของเขา หากเหอเจ๋ออาสาขอทำเรื่องนี้ แสดงว่าคำถามนี้ก็เหมือนถามไปอย่างไร้ประโยชน์ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น…
“ไม่เคย”
เห็นสีหน้าแปลก ๆ ราวกับกินอะไรผิดสำแดงของทั้งสามคน เหอเจ๋อก็ยักไหล่อธิบายว่า “เมื่อก่อนผมเคยขับรถไถนาในไร่ หลักการคงไม่ต่างกันหรอก”
โอวเทียนเหิงรู้สึกเหมือนมีคนเอาแผ่นไม้มาหนีบหัวเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเองรู้สึกว่ามองคนผิด
“วางใจเถอะ ผมขับรถไถนาก็ยังดริฟต์ได้นะ!”
เหอเจ๋อปลอบใจทั้งสามคน แล้วขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับ คล่องแคล่วในการคาดเข็มขัดนิรภัย สตาร์ตเครื่องยนต์ ปลดเบรกมือ…
ตอนที่ทั้งสามคนคิดว่าจะโล่งใจได้แล้ว เสียงร้องโหยหวนน่าสยดสยองก็ดังมาจากรถตู้
“ขอโทษที ลืมเหยียบคลัตช์ตอนเข้าเกียร์”
มองรถตู้ที่แล่นออกไปอย่างตะกุกตะกัก กวนหลิงก็รู้สึกเห็นใจกลุ่มคนร้ายขึ้นมาทันที
หวังเอ้อร์กุ้ยยังไม่รู้ว่าอนาคตที่อันตรายรออยู่ เมื่อเห็นรถตู้มาถึง เขาก็ดีใจ รีบผลักหวงจิงจิงขึ้นรถ
ภายในรถตู้มีพื้นที่กว้างขวาง แม้แต่คนร้ายห้าคนรวมทั้งหวงจิงจิงขึ้นไปแล้ว ก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือ
หวังเอ้อร์กุ้ยเอาปืนพกทำเองจ่อหัวเหอเจ๋อ แล้วพูดอย่างดุร้ายว่า “ขับรถไป แกควรทำตัวให้ดี ไม่งั้นฉันยิงหัวแกทิ้งแน่!”
ตอนนี้หวงจิงจิงมองเห็นหน้าคนขับชัดเจนแล้ว ในใจรู้สึกเหมือนกับว่าความรู้สึกหลากหลาย ผสมปนเปกันไปหมด
เหอเจ๋อแอบส่งสายตาให้เธออย่างแนบเนียนเพื่อให้เธอสบายใจ จากนั้นก็สตาร์ตรถตู้แล้วเหยียบคันเร่งมิด
ตู้ม!
เครื่องยนต์ส่งเสียงคำรามดังสนั่น รถตู้ไม่ได้พุ่งออกไปราวกับลูกศรที่หลุดจากคันธนู กลับกลายเป็น… ดับกลางอากาศ
พวกโจรทำหน้าเหวอ สีหน้าแต่ละคนราวกับจะบอกว่า ‘แกเล่นอะไรเนี่ย’
เหอเจ๋อยิ้มแห้ง พูดอย่างเก้อเขินว่า “มือใหม่หัดขับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
พูดจบเขาก็สตาร์ตรถอีกครั้ง คราวนี้เขาจำได้ว่าต้องเหยียบคลัตช์พร้อมกับเข้าเกียร์ รถตู้จึงค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป
สีหน้าตึงเครียดของคนร้ายผ่อนคลายลงบ้าง พวกเขารู้สึกว่าทุกอย่างราบรื่นดี รออีกหน่อยก็ถึงที่ที่มีคนพลุกพล่าน พวกเขาก็แค่ลงจากรถแล้ววิ่งหายไปในฝูงชน ด้วยจำนวนประชากรที่หนาแน่นของเมืองเมืองกว่างหนาน ต่อให้ตำรวจเก่งแค่ไหนก็หาพวกเขาไม่เจอ
“แม่งเอ๊ย คราวนี้ซวยจริง ๆ ดันไปซ่อนอยู่ที่เปลี่ยวแบบนั้น พวกตำรวจมันหาที่ซ่อนเราเจอได้ยังไงวะ?”
เมื่อรถตู้ขับพ้นวงล้อมของตำรวจ หวังเอ้อร์กุ้ยก็คลายความระแวงลง เขาเตะหวงจิงจิงออกไป นอนราบไปกับเบาะ นวดขมับไปมา พร้อมกับบ่นพึมพำ
เมื่อเห็นว่าด้วยสติปัญญาของโจรอีกสี่คน คงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ โหวจื่อกลอกตาไปมา แล้วใช้สันมีดเคาะแขนเหอเจ๋อ ถามอย่างยียวนว่า “ไอ้หนุ่ม พวกตำรวจรู้ได้ไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่”
เหอเจ๋อแสดงสีหน้าหวาดกลัว สายตามองไปมาอย่างเลื่อนลอย แล้วพูดว่า “ไม่รู้ ผมก็แค่คนขับรถ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
โหวจื่อยิ้มเยาะ เปลี่ยนจากสันมีดเป็นคมมีด จ่อคอคนขับ พูดอย่างเหยียดหยาม “ฉันได้ฉายาว่า ‘นัยน์ตาเพลิง’ แกยังอยากโกหกต่อหน้าฉันอีกเหรอ เชื่อไหมว่าตอนนี้ฉันจะเชือดคอแกทิ้งได้!”
เหอเจ๋อ ‘กลัว’ จนตัวสั่น พูดด้วยใบหน้าเศร้าว่า “อย่าฆ่าผมเลยนะ ผมยอมพูดแล้ว”
ภายใต้สายตาจ้องมองของโจรทั้งห้า เหอเจ๋อก็ ‘สารภาพ’ ออกมาหมดเปลือก
“เหอซู่โหรวบอกพวกเรามาว่ามีคนถูกขังอยู่ที่นี่ ลูกชายเธอโดนลักพาตัว เธอเลยเกลียดพวกลักพาตัวเป็นพิเศษ ตั้งใจใช้วิธีล่อปลา เพราะอยากกำจัดพวกคุณให้สิ้นซาก”
หวังเอ้อร์กุ้ยได้ยินดังนั้นก็โกรธจัด ต่อยเบาะรถอย่างเดือดดาล ด่าด้วยความโกรธว่า “เหอซู่โหรว ผู้หญิงสารเลวสองหน้า แกจ้างฉันทำงาน ไม่คิดเลยว่าจะหักหลังฉัน ลูกชายแกโดนลักพาตัวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
เหอเจ๋อพูดเสริมเติมไฟว่า “ผู้หญิงวัยทองก็แบบนี้แหละ อารมณ์ร้ายสุด ๆ”
“แม่งเอ๊ย งั้นฉันก็ขอให้ลูกชายเธอโดนหั่นเป็นชิ้น ๆ ให้หมาป่ากิน” หวังเอ้อร์กุ้ยยังไม่หายโกรธ พึมพำด่า
ฉันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นสักหน่อย
เหอเจ๋อคิดในใจ เกือบจะหลุดขำ ไม่คิดเลยว่าสติปัญญาของโจรกลุ่มนี้จะต่ำเตี้ยขนาดนี้ โดนเขาหลอกด้วยคำพูดแค่นี้
ตอนที่โจรคนอื่น ๆ กัดฟันกรอด โหวจื่อก็พูดอย่างลังเลว่า “หัวหน้า ผมว่าเรื่องนี้มันน่าสงสัยนะ หรือว่าไอ้หมอนี่กำลังหลอกพวกเรารึเปล่า ไม่อย่างนั้นแกโทรหาเหอซู่โหรวเพื่อยืนยันได้ไหม?
เหอเจ๋อสูดจมูกฮึดฮัด พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “โทรก็โทรสิ ผมโกหกพวกคุณไม่ได้อยู่แล้วนิ?”
หวังเอ้อร์กุ้ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าปากเขาจะด่าอย่างเมามัน แต่เรื่องนี้ก็แปลกประหลาดเกินไป ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ ได้ยินดังนั้นก็เลยถือโอกาสหยิบโทรศัพท์ออกมา พูดว่า “ฉันจะด่าผู้หญิงคนนี้ให้รู้เรื่อง”
ถ้าโทรติด คำโกหกของเหอเจ๋อก็จะถูกเปิดโปงอย่างสิ้นเชิง แต่อย่าลืมว่าโทรศัพท์ของเหอซู่โหรวยังเปียกเพราะน้ำจากบ่อปลา จะโทรติดได้ยังไง?
ตู๊ด ๆๆ!
โทรไปสี่ห้าสายแล้วก็ปิดเครื่องทุกครั้ง คราวนี้สีหน้าของคนร้ายย่ำแย่ลง ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด ทำไมต้องปิดเครื่อง?
เหอเจ๋อฉวยโอกาสพูด สีหน้าไร้เดียงสาว่า “ผมก็ว่ามันเป็นฝีมือของเหอซู่โหรว เธอคงกลัวพวกคุณตามไปเอาเรื่อง ก็เลยปิดเครื่อง”
สีหน้าของหวังเอ้อร์กุ้ยมืดมน น้ำตาจะไหล ไม่ได้แสร้งทำเป็นโกรธอีกต่อไป ชำเลืองมองไปที่หวงจิงจิง
“ถ้าอย่างนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ฉันอัดอั้นมานานแล้ว อยากลิ้มรสชาติของพยาบาลน้อยคนนี้มานานแล้ว”
รอยยิ้มหยาบโลนปรากฏบนใบหน้า ยื่นมือออกไปหาหวงจิงจิง คิดจะเล่นหนังสดในรถ
หวงจิงจิงตกใจใบหน้าสวยซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา พยายามขดตัวไปด้านหลัง
แต่พื้นที่ในรถแคบ จะหนีไปไหนได้ ไม่ช้า มือที่ชั่วร้ายก็คว้าแขนเธอไว้
“อย่าดิ้นไปเลย ปล่อยให้ฉันปรนเปรอเธอดี ๆ สิ” หวังเอ้อร์กุ้ยออกแรงดึงหวงจิงจิงก็เข้ามาในอ้อมกอด มือทั้งสองลูบไล้ไปทั่วร่างที่อ่อนนุ่ม
พวกคนร้ายที่เหลือก็หันมาสนใจ หัวเราะเยาะ
เอี๊ยด!
รถตู้ที่วิ่งด้วยความเร็วสูง หักเลี้ยวกะทันหัน หมุนวนรอบตัวเองสามร้อยหกสิบองศา แรงเหวี่ยงอันรุนแรงทำให้คนร้ายในรถตู้รู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะ ล้มคว่ำคะมำหงาย
เหอเจ๋อรอจังหวะนี้อยู่พอดี ขณะที่ทุกคนตกใจ เขาก็ยกแขนขึ้นตีเข้าที่หัวของโหวจื่อที่นั่งข้างคนขับ
MANGA DISCUSSION