บทที่ 4 ผมอยากอยู่เงียบ ๆ
จางเหวินฉีตามกวนเทียนฉีไปเซ็นใบรับผิดชอบในฐานะญาติ จากนั้นก็รีบกลับมาห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว
กวนเทียนฉีก็ตามมาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในความคิดของเขา โอกาสที่เหอเจ๋อจะรักษาเหอหย่งฝูให้หายได้นั้นมีน้อยมาก
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรสำหรับกวนเทียนฉี ถ้าเหอหย่งฝูตาย เขาก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบแล้ว
จางเหวินฉีกับกวนเทียนฉีมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน กลับพบว่าประตูห้องล็อกอยู่ พยาบาลสาวสองสามคนที่เฝ้าอยู่ที่นี่ก็หายไปไหนเช่นกัน
หัวใจของจางเหวินฉีเต้นระรัว แต่ก็ไม่กล้าผลักประตูเข้าไป
ส่วนกวนเทียนฉีกลับทำสีหน้าเรียบเฉยเพราะจางเหวินฉีเป็นผู้รับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายจากเหอหย่งฝูตอนเข้ารับการรักษา เธอได้เซ็นใบรับผิดชอบแล้ว นั่นหมายความว่าต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเหอหย่งฝู ก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว ตอนนี้เขาแค่รอดูละครสนุก ๆ ว่าหลังจากที่เหอหย่งฝูเสียชีวิต ชายที่ชื่อเหอเจ๋อคนนั้นจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร
ไม่นานนัก พยาบาลก็พาชายชราคนหนึ่งมาที่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของหมอ สวมแว่นตาขอบทอง อายุราวหกสิบต้น ๆ
“คุณจาง คุณจะทำแบบนี้ในโรงพยาบาลของเราไม่ได้นะ ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นจะทำยังไง?” ชายชราคนนั้นชื่อจูเหว่ยผิง เขาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลรัฐ
เพราะพยาบาลสาวสองสามคนรู้สึกว่าสถานการณ์ที่นี่กำลังจะควบคุมไม่อยู่แล้ว จึงรีบไปตามผู้อำนวยการจูเหว่ยผิงมาทันที
ดูเหมือนว่าอารมณ์ของจางเหวินฉีจะเดือดขึ้น เธอสบตากับจูเหว่ยผิงแล้วย้อนถามว่า “หมอของพวกคุณรักษาคุณเหอไม่ได้ แล้วฉันจะหาคนอื่นมารักษาไม่ได้เหรอ? หรือฉันต้องนั่งมองลุงเหอตายไปต่อหน้าต่อตา?”
“คุณจาง ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้ ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎระเบียบของโรงพยาบาลแล้ว ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลังจากนี้ ทางโรงพยาบาลจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น” จูเหว่ยผิงพูด
ทันใดนั้นนี้กวนเทียนฉีก็หยิบเอกสารยินยอมรับผิดชอบที่จางเหวินฉีเพิ่งเซ็นชื่อไปเมื่อกี้ขึ้นมาแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการครับ เมื่อกี้คุณจางได้เซ็นชื่อในเอกสารยินยอมรับผิดชอบแล้ว ไม่ว่าคุณเหอจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของกวนเทียนฉี จูเหว่ยผิงก็พยักหน้า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเรามาดูกันว่าหมอที่คุณจางเชิญมามีฝีมือขนาดไหน”
ถึงแม้ว่าจูเหว่ยผิงจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าคนคนนั้นจะทำได้
ความจริงแล้ว ทางโรงพยาบาลได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นเพื่อรักษาอาการป่วยของเหอหย่งฝูแล้ว ตอนที่อาการของเหอหย่งฝูกำเริบ ทีมเฉพาะกิจก็รีบเก็บตัวอย่างเลือดของเหอหย่งฝูไปตรวจสอบ แต่กลับพบว่าในร่างกายของเหอหย่งฝูมีการเปลี่ยนแปลงของโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ
การรักษาไวรัสร้ายสายพันธุ์ใหม่แบบนี้ ต่อให้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการแพทย์ ก็ยังต้องทำการศึกษาวิจัยถึงจะมีโอกาสพัฒนาเซรุ่มรักษาได้ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียงโผล่มาแล้วบอกว่าสามารถรักษาไวรัสร้ายสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่รู้จักได้? ล้อกันเล่นแล้ว?
กวนเทียนฉีที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกยินดีเล็กน้อยในใจ เดิมทีถ้าเหอหย่งฝูเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เขาในฐานะหมอประจำตัวก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดันมีแพะรับบาปโผล่มาแล้ว เขากลัวว่าจะอดหัวเราะออกมาดัง ๆ ไม่ได้
เวลาผ่านไปแต่ละนาที หัวใจของจางเหวินฉีก็ยิ่งเต้นรัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องห้องฉุกเฉิน ก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เหอเจ๋อเดินออกมาจากข้างในด้วยสีหน้าอิดโรย
เมื่อเห็นว่ามีคนมายืนรออยู่ที่หน้าห้องคนไข้มากมายขนาดนี้ เหอเจ๋อก็ตกใจเล็กน้อย “ทำไมมีคนมารอต้อนรับผมเยอะแบบนี้?”
จางเหวินฉีเดินไปหาเหอเจ๋อแล้วถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
เหอเจ๋อตอบ “จะเป็นยังไงได้ล่ะ? มีผมอยู่ทั้งคน ก็ต้องไม่ตายอยู่แล้ว”
พอได้ยินแบบนั้น ดวงตาของจางเหวินฉีก็เป็นประกาย ไม่สนใจเหอเจ๋ออีกต่อไป รีบวิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที
เหอเจ๋อบ่นพึมพำประโยคหนึ่งว่า ไม่มีมารยาทจริง ๆ ขอบคุณสักคำก็ไม่มี
“เป็นไปได้ยังไง?” กวนเทียนฉีทำหน้าตกใจ
เหอเจ๋อสบตากับกวนเทียนฉี “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? หรือว่าคุณอยากให้ลุงเหอตาย?”
กวนเทียนฉีเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไร
จูเหว่ยผิงมองดูเหอเจ๋ออย่างครุ่นคิด จากนั้นก็พูดกับกวนเทียนฉีว่า “หมอกวน คุณยังไม่เข้าไปตรวจร่างกายของคุณเหออีกเหรอ?”
กวนเทียนฉีรู้สึกตัว รีบเดินเข้าไปข้างใน
จูเหว่ยผิง ก็เดินไปหาเหอเจ๋อ
“อย่าเพิ่งพูดกับผม ผมอยากอยู่เงียบ ๆ” เหอเจ๋อพูดก่อนที่จูเหว่ยผิงจะเปิดปาก จากนั้นก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างนอก
ในการกดพิษกู่ นอกจากจะต้องใช้เข็มที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ และลมปราณที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษแล้ว การประสานกันของทั้งสองวิธีจึงจะสามารถควบคุมพิษกู่ในร่างของเหอหย่งฝูได้ ยิ่งไปกว่านั้น… ในระหว่างการรักษา เหอเจ๋อยังพบปัญหาอื่น ๆ อีก ทำให้ความยากในการรักษาเพิ่มขึ้นอย่างมาก…
สักพัก กวนเทียนฉีกับจางเหวินฉีก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยกัน
จูเหว่ยผิงถามกวนเทียนฉีว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
“สภาพร่างกายของคนไข้ฟื้นตัวแล้ว โรคต่าง ๆ หายไปหมดแล้ว คาดว่าอย่างช้าเช้าวันพรุ่งนี้ก็น่าจะรู้สึกตัว” กวนเทียนฉีพูดอย่างไม่เต็มใจ
กวนเทียนฉีไม่อยากจะเชื่อว่า ผู้ชายที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนคนนี้ จะสามารถรักษาเหอหย่งฝูได้จริง ๆ น่าขันตรงที่ เขายังคิดว่าเหอเจ๋อตั้งใจมารับเคราะห์แทนเขา พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาทำได้เพียงถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรสักคำ
ส่วนจางเหวินฉีก็กล่าวขอบคุณเหอเจ๋อด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณมาก คุณอยากได้อะไรตอบแทน? บอกมาได้เลย ตราบใดที่บริษัทเหอฟิล์มทำได้ ฉันทำให้คุณได้ทุกอย่าง”
เวลานี้ เหอเจ๋อเข้าใจทุกอย่างแล้ว
เหอหย่งฝูพ่อของเขา คือเจ้าของบริษัทเหอฟิล์ม
ส่วนตัวเหอเจ๋อ ในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ไม่กี่วัน เขาก็เปลี่ยนจากหมอยาจีนกระจอก ๆ กลายเป็นเศรษฐีรุ่นสอง
เหอเจ๋อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันไป
สำหรับคำถามของจางเหวินฉี เหอเจ๋อรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องตอบเลย
บริษัทเหอฟิล์มเป็นของเขาอยู่แล้ว เขาจะต้องการอะไรอีก?
“ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ผมแค่อยากอยู่เงียบ ๆ” เหอเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองต้องการเวลาเพื่อย่อยเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“คุณเหอเจ๋อใช่ไหมครับ? ผมคือจูเหว่ยผิง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรัฐ ผมอยากทราบว่าคุณรักษาให้หายได้อย่างไร…”
เหอเจ๋อ “ผมบอกแล้วไงว่าผมอยากอยู่เงียบ ๆ อย่ามายุ่งได้ไหม?”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงขี้อายดังมาจากพยาบาลสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ “ฉัน… ฉันชื่อจิงจิงค่ะ…”
เหอเจ๋อ “…”
เหอเจ๋อต้องการพักผ่อน นั่งพักที่เก้าอี้สิบนาที ระหว่างนั้นจางเหวินฉีก็ยกน้ำชามาให้เขาดื่ม แถมยังให้คนไปซื้อแมคโดนัลด์มาให้เขาด้วย
ขณะที่เหอเจ๋อกำลังกินแฮมเบอร์เกอร์อยู่นั้น ก็มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพาชายหนุ่มคนหนึ่งมาถึงโรงพยาบาลอย่างร้อนรน
“เหวินฉี เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่บอกฉันเลย?”
ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นแต่งตัวเรียบร้อย แต่พอพูดคำหนึ่งก็เสียหมด
เหอเจ๋อยกเปลือกตาขึ้นมองผู้หญิงคนนั้นแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจเบาๆ ในใจ อายุขนาดนี้แล้ว ทำไมต้องแกล้งทำเป็นซูสีไทเฮา*[1]ด้วยล่ะ?
“ป้าโหรว สถานการณ์ครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ ขอโทษด้วยนะคะ” จางเหวินฉีตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไม่เหมือนราชินีอีกต่อไป
“แม่ อย่าโทษเหวินฉีเลย ถามลุงก่อนว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้ลุงเหอไม่เป็นอะไรแล้ว ต้องขอบคุณคุณเหอเจ๋อที่ช่วยเหลือ” จางเหวินฉีพูดพลางแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
สองคนที่มาคือน้องสาวและหลานชายของเหอหย่งฝู
ผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนซูสีไทเฮา พูดจาเหมือนซูสีไทเฮา คือเหอซู่โหรวน้องสาวของเหอหย่งฝู
ชายหนุ่มที่ใส่สูทสีขาว ท่าทางดูสะอาดคนนั้น ชื่อเติ้งเฉิงชาง เป็นหลานชายของเหอหย่งฝู
ทันทีที่เหอซู่โหรวมาถึง เธอก็ถามจางเหวินฉีว่าทำไมถึงไม่แจ้งให้พวกเขามาที่โรงพยาบาล โดยไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ตัวเองมาสายแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะเหอเจ๋อ ตอนที่พวกเขามาถึง เหอหย่งฝูคงตายไปแล้ว
หลังจากฟังคำอธิบายของจางเหวินฉีจบ เหอซู่โหรวก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม แล้วเดินไปหาเหอเจ๋อทันที
เหอเจ๋อพูดขึ้นมาทันทีว่า “อย่าเพิ่งพูดกับผม ผมอยากอยู่เงียบ ๆ!”
เหอเจ๋ออยากอยู่เงียบ ๆ จริง ๆ
เพราะตอนรักษาเมื่อครู่นี้ เหอเจ๋อพบว่านอกจากพิษกู่แล้ว ในร่างกายของเหอหย่งฝูยังมีพิษชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์ช้าอีกด้วย มีคนลอบวางยาพิษพ่อของเขาจริง ๆ เหรอ?
[1] ซูสีไทเฮา คือหนึ่งสตรีในราชสำนักจีน เป็นผู้ทรงอำนาจด้านการปกครองแผ่นดินจีนมากที่สุด
MANGA DISCUSSION