บทที่ 39 แผนแกล้งสะดุดล้ม
เมื่อเป็นแบบนี้ ความคิดที่จะกำจัดคนที่รู้ความลับของเหอซู่โหรวยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
ความฉงนใจนั้นไม่น่ากลัว พูดตามตรง ด้วยสถานะของหล่อนตอนนี้ ถึงแม้จะเดินไปฟ้องเหอหย่งฝู แต่ถ้าไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เด็กหนุ่มนั่นก็ทำอะไรเธอไม่ได้
ดังนั้น คนที่รู้เรื่องนี้ทุกคนต้องตาย นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะปิดบังความลับทั้งหมด
ส่วนไอ้คนน่ารำคาญที่ตามมาล่ะ? มุมปากของเหอซู่โหรวยกยิ้มขึ้น หล่อนไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าตามถึงห้องน้ำหญิงได้
เป็นแบบนั้นก็ดี เธอจะได้ตะโกนว่าถูกข่มขืนให้ดัง ๆ จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงให้มาก
สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นคิดได้ ทำไมเหอเจ๋อจะไม่รู้ นัยน์ตาประกายเฉียบคมแวบผ่าน ช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขา
ต้องบอกว่า ชีวิตของคนรวยนั้นแตกต่างจริง ๆ พื้นที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่โตโอ่อ่า ในสวนกลางแจ้งมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ ประดับด้วยภูเขาจำลองที่ประณีตงดงาม นอกจากนี้ยังมีศาลาขนาดเล็กเอาไว้นั่งเล่นช่วงฤดูร้อน อีกทั้งเมื่อมองภาพเหล่าปลาคาร์ปกำลังแย่งอาหารที่โปรยลงไปนั้น ยิ่งอลังการมากขึ้น
ขณะเดินผ่านสวน เท้าของเหอเจ๋อเตะโดนก้อนหินเล็ก ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ
ก้อนหินที่ไร้เดียงสาต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย หมุนคว้างไปหลายตลบ ก่อนจะตกลงสู่ผิวน้ำ เกิดเป็นคลื่นระลอกสะเทือนบนผืนน้ำ รบกวนเหล่าปลาคาร์ปสองสามตัวที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในบ่อ
ใช่แล้ว!
ทันใดนั้น สมองของเหอเจ๋อพลันเกิดความคิด คิดหาวิธีพลิกสถานการณ์ได้แล้ว
เขาเร่งฝีเท้าขึ้น ทันใดนั้น เมื่อเข้าใกล้เหอซู่โหรว เขาก็แกล้งทำเหมือนสะดุดอะไรบางอย่าง ร่างกายเสียหลัก เซไปข้างหน้า
เหอซู่โหรวไม่ได้มีน้ำใจพอเข้าไปช่วย หล่อนเบี่ยงตัวไปด้านข้างด้วยความสะใจ มองดูเขาหกล้มลงไปอย่างเย็นชา
ยามตกอยู่ในภาวะลนลาน มนุษย์มักจะคว้าสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ราวกับคนตกน้ำคว้าฟาง*[1]เพื่อเป็นเครื่องช่วยชีวิต เหอเจ๋อก็ทำเช่นกัน เขาคว้าแขนของเหอซู่โหรวไว้โดยไม่รู้ตัว
เหอซู่โหรวตกใจจนหน้าซีด เธอสะบัดแขนออกจากมือเขาอย่างแรง ทว่าด้วยความร้อนใจ กลับลืมไปว่ามือกำลังถือโทรศัพท์อยู่
เช่นเดียวกันกับก้อนกรวดที่ไร้เดียงสา โทรศัพท์ก็วาดเส้นโค้งอันสมบูรณ์แบบในอากาศ และตกลงสู่ผิวน้ำอย่างแม่นยำ สร้างคลื่นระลอกกว้าง
“โทรศัพท์ของฉัน!”
สีหน้าของเหอซู่โหรวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โทรศัพท์ของเธอเป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตโดยเว่ยตู ราคาสูงถึงสองแสนหยวน แม้ยามปกติหากทำตกน้ำ เธอก็แค่รู้สึกเจ็บใจเล็กน้อยเท่านั้น และไม่มีทางหน้าซีดขนาดนี้
แต่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ หากไม่มีโทรศัพท์ ก็ไม่สามารถติดต่อกับหวังเอ้อร์กุ้ยได้ แผนการให้เขาฉีกตั๋วหนีตายก็พังทลาย
เหอเจ๋อลุกขึ้นจากพื้น ปัดเศษฝุ่นออกจากเสื้อผ้า พูดด้วยท่าทีขอโทษว่า “ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ โทรศัพท์ของคุณราคาเท่าไหร่ เดี๋ยวผมซื้อใหม่ให้”
“คุณ…”
เหอซู่โหรวโมโหกัดฟันกรอด เธอรู้ดีว่านี่เป็นแผนของเหอเจ๋อ แต่กลับหาข้อแก้ตัวไม่ได้ ในเมื่อเขาล้มลงจริง ๆ หญิงวัยกลางคนจึงได้แต่กลืนความขมขื่นไว้ในใจ
น้ำในบ่อไม่ลึก เธอคุกเข่าลงข้างบ่อ คลำหาโทรศัพท์ด้วยความหวังอันริบหรี่ ในที่สุดก็หามันจนเจอ
ความจริงพิสูจน์แล้วว่า โทรศัพท์ราคาสองร้อยหยวนกับสองแสนหยวน เมื่ออยู่ในน้ำไม่มีสิ่งใดแตกต่างใด ๆ แม้แต่เปิดเครื่องก็ทำไม่ได้
ด้วยความโมโหเหอซู่โหรวโยนโทรศัพท์ลงพื้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้หล่อนหงุดหงิดมาก
เหอเจ๋อกลอกตา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง งั้นทำแบบนี้ไหม คุณเอาซิมใส่ในโทรศัพท์ของผม จะได้ไม่พลาดสายสำคัญอะไร”
เหอซู่โหรวจ้องเขาอย่างเกรี้ยวกราด ขบฟันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เหอเจ๋อ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คุณจงใจทำโทรศัพท์ของฉันตกน้ำ”
เหอเจ๋อยักไหล่ พูดด้วยท่าทางไร้เดียงสาว่า “คุณผู้หญิงครับ คำพูดของคุณช่างทำร้ายจิตใจจริง ๆ ผมก็แค่สะดุดล้มโดยไม่ได้ตั้งใจ จะบอกว่าผมจงใจได้ยังไงครับ?”
เรื่องแบบนี้ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล เขาดื้อด้านไม่ยอมรับ เหอซู่โหรวก็ไม่มีทางออก หล่อนจึงเดินเหยียบรองเท้าส้นสูงไปเข้าห้องน้ำด้วยความโมโห
ภายในโรงงานซีเมนต์ที่มืดมิดและเงียบสงัด หวังเอ้อร์กุ้ยหาวหวอด ขยี้ตาจนปวดแสบปวดร้อน จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย ดูท่าคืนนี้คงกลับไปไม่ได้แล้ว พักที่นี่ก่อนแล้วกัน ถ้าเรื่องนี้จบ ฉันจะพาพวกนายไปนอนโรงแรมห้าดาวหนึ่งสัปดาห์”
“ฮ่า ๆ หัวหน้าใจป้ำจริง ๆ!”
“ฉันไม่สนใจที่พัก ขอแค่หาสาวให้ฉันสักสองคนก็พอ”
“ฉันอยากได้สาวฝรั่งสองคน อยากลองลิ้มรสที่แตกต่างมานานแล้ว”
“แกจะไหวเหรอ ด้วยเจ้าดินสออันเล็กนั่นน่ะนะ?”
“ลองดูไหมล่ะ?”
…
พวกโจรอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น เริ่มตะโกนกันเสียงดังขึ้น เสียงหัวเราะหื่นกระหายดังก้องในห้องเล็ก ๆ ที่ทั้งแคบและมืด เสียงกระจายไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน
เดิมเหล่าตำรวจวนเวียนอยู่รอบโรงงานปูนซีเมนต์เหมือนแมลงวันไร้หัว ทว่าตอนนี้กลับเดินตามเสียงหัวเราะ ราวกับเรือหลงทางเห็นที่เห็นประภาคาร
หวังเอ้อร์กุ้ยกับลูกน้องคุยกันอยู่พักใหญ่ ความง่วงเริ่มครอบงำ สุ่มหาที่นอนบนพื้นแล้วหลับตาลง ปิดเปลือกตาได้ไม่ถึงสองนาที ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันวุ่นวาย
เขาลุกพรวดขึ้นมาเหมือนก้นถูกไฟไหม้ ตะโกนด้วยความกังวลว่า “มีคนมา ไปดูสิว่าเป็นใคร!”
“ตำรวจมา หนีเร็ว!” โจรผอมแห้งเหมือนลิงตัวหนึ่งตะโกนอย่างตื่นตระหนก
พวกตำรวจเห็นว่าโดนจับได้แล้ว จึงไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป เร่งฝีเท้าวิ่งเข้ามา ตะโกนเสียงดังว่า “พวกคุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว อย่าขัดขืน! วางอาวุธลงและยอมจำนน! นี่คือทางออกเดียวของพวกคุณเท่านั้น!”
หวังเอ้อร์กุ้ยไม่เข้าใจว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในถิ่นทุรกันดารร้างแห่งนี้ ทำไมตำรวจถึงตามมาได้? เมื่อหันไปมองรอบ ๆ ก็พบว่าตำรวจล้อมไว้ทุกด้าน ไม่มีทางหนีไปได้อีกแล้ว
โจรคนอื่น ๆ ต่างตื่นตระหนก ต่างพากันหันมามองเขา
“ลุยเลย!”
ความชั่วร้ายพุ่งขึ้นมาในใจของหวังเอ้อร์กุ้ย เขาจ้องมองหวงจิงจิงที่ตัวสั่นเทา ชักมีดสั้นที่วาววับออกมาแล้วตะโกนเสียงดังว่า “อย่าเข้ามาใกล้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอ!”
เห็นฝ่ายตรงข้ามมีตัวประกัน ตำรวจจึงไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่ปิดล้อมบ้านร้างไว้อยู่ห่าง ๆ
ขณะเดียวกัน โอวเทียนเหิงที่อยู่ในคฤหาสน์หรูก็ได้รับข่าว
อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านขึ้นมาทันทีคดีลักพาตัวสองคดีติดต่อกันสร้างแรงกดดันอย่างมาก แถมตอนนี้ยังใช้ตัวประกันมาข่มขู่อีกก็ยิ่งเพิ่มภาระให้กับเขามากขึ้น
“พบตัวคนร้ายแล้วครับ!”
สองคนบนโซฟามีปฏิกิริยาตรงกันข้าม เหอเจ๋อดีใจ ส่วนเหอซู่โหรวหน้าหมองคล้ำแทบร้องไห้
โอวเทียนเหิงไม่สนใจปฏิกิริยาของทั้งสองคน พูดต่อว่า “แต่สถานการณ์ไม่ค่อยดี คนร้ายใช้ความปลอดภัยของหวงจิงจิงมาข่มขู่ ทั้งสองฝ่ายกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน”
“อะไรนะ?” สีหน้าเหอเจ๋อเปลี่ยนไป นั่งไม่ติดที่ ลุกพรวดขึ้นจากโซฟา
[1] คนตกน้ำคว้าฟาง หมายถึง คนที่กำลังจะจมน้ำ แม้แต่ฟางที่ลอยน้ำอยู่ก็พยายามคว้าเอาไว้เพื่อเอาตัวรอด
MANGA DISCUSSION