บทที่ 36 ไฟไหม้
“ใครวะ? ตาบอดหรือไง ถึงไม่เห็นป้ายที่แขวนอยู่หน้าประตู?” เติ้งเฉิงชาง โมโหถูกรบกวนตอนช่วงเวลาแสนสุขจึงสุดขีด ด่าทอออกมาอย่างฉุนเฉียว
เสียงหนึ่งดังมาจากนอกประตู พูดอย่างร้อนใจว่า “คุณชายครับ ข้างนอกไฟไหม้ ผมมาแจ้งว่าให้คุณรีบออกไปจากที่นี่โดยด่วน!”
เติ้งเฉิงชางตกใจจนหน้าซีดเผือด ส่วนล่างอ่อนปวกเปียกราวหนอนตัวน้อย เขารีบคลานไปใต้เตียงเพื่อหาเสื้อผ้า
สองหญิงสาวที่อยู่ในห้องก็ตกใจจนหน้าซีด สองสาวผู้เคยชินกับโลกของกามารมณ์ไม่สนใจเรือนร่างของตัวเอง รีบฉวยผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งแล้วเปิดประตูวิ่งออกไปอย่างร้อนรน
เหอเจ๋อที่อยู่หน้าประตูชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเติบโตมาในเมืองหลินอัน ภาพที่เร้าใจที่สุดของเขาก็คือชุดกระโปรงสั้นของแม่ม่ายหัวหมู่บ้านที่เผยขาขาวทั้งสองข้าง ภาพหญิงสาวห่มผ้าเช็ดตัววิ่งฝ่าไปนั้นทำให้เขาตกตะลึง
“คนเมืองนี่เล่นใหญ่จริง ๆ”
เหอเจ๋อมองตามร่างขาวนวลของหญิงสาวสองคนที่วิ่งหนีไปจนกระทั่งลับสายตา จากนั้นก็คว้าผ้าขี้ริ้วมาปิดหน้าอย่างลวก ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง
เติ้งเฉิงชางสวมกางเกงอย่างยากลำบากและกำลังจะหนีเอาชีวิตรอด เมื่อเห็นคนเข้ามาในห้องก็ตกใจจนตัวสั่น พูดอย่างร้อนรนว่า “รีบหนีเร็วเข้า ไฟไหม้!”
เหอเจ๋อยิ้มมุมปาก พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมพาคุณไปที่ปลอดภัย”
เติ้งเฉิงชางรู้สึกว่าอะไรไม่ชอบมาพากล เขาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียง
ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะหลุดรอดสายตาของเหอเจ๋อได้อย่างไร มุมปากของเหอเจ๋อเย้ยหยัน พุ่งตัวเข้าไปในชั่วพริบตา
หญิงสาวขายบริการสองคนห่อตัวด้วยผ้าเช็ดตัววิ่งลงมาชั้นล่างอย่างร้อนรน เห็นสายตาประหลาดใจของทุกคนและล็อบบีที่เงียบสงบ จึงค่อยตั้งสติ ถามอย่างระมัดระวังว่า “ไฟ… ไฟไม่ได้ไหม้หรือคะ?”
ผู้จัดการล็อบบีกระแอมไอ พูดว่า “ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามี ‘ไฟ’ แล้ว พวกคุณช่วยดับให้ผมหน่อยได้ไหม?”
สองสาวรู้สึกอับอาย ทว่าโชคดีที่พวกเธอขายบริการ ความอับอายน้อยกว่าคนทั่วไป พวกเธอกลอกตาใส่ผู้จัดการล็อบบีที่หยาบคาย แล้วกลับไปที่ห้อง
“คุณชายเติ้ง? ไฟไม่ได้ไหม้ พวกเราโดนหลอก!”
สองสาวเรียกหลายครั้งแต่ไม่มีใครตอบ พบว่าในห้องไม่มีใคร คิดว่าเติ้งเฉิงชางตกใจจนหนีไปแล้ว ยังไงพวกเธอก็ได้เงินมาแล้ว หลังจากปรึกษากัน ก็อาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกจากโรงแรม
เวลาเดียวกัน ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดของโรงแรม รปภ.ที่เข้าเวรนอนสลบอยู่บนพื้น หลังจากที่ร่างลึกลับทำลายภาพวิดีโอทั้งหมดในคืนนั้น ก็แบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกจากประตูหลัง
เหอซู่โหรวให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมาก เงินที่ใช้ไปในด้านนี้ในแต่ละปีเป็นตัวเลขมหาศาล ไม่อย่างนั้นคงไม่ดูเหมือนอายุสามสิบกว่า ทั้ง ๆ ที่อายุเกือบห้าสิบแล้ว
ทุกคืนเวลาสามทุ่มตรง หล่อนจะมาส์กหน้าอย่างเคร่งครัด คนส่วนใหญ่รู้ว่าเธอมีนิสัยแบบนี้ จึงไม่ค่อยมารบกวนในช่วงเวลานี้
กริ๊ง! กริ๊ง!
วันนี้เพิ่งจะมาส์กหน้าเสร็จ โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
เธอขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย กดรับโทรศัพท์ พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด [มีอะไรก็ค่อยโทรมาทีหลังไม่ได้หรือไง ทำไมต้องโทรหาฉันตอนนี้]
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงยียวน “ฉันรอได้อยู่แล้ว แต่กลัวว่าคุณชายเติ้งจะรอไม่ได้น่ะสิ”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงร้องโหยหวนคล้ายหมูที่กำลังถูกเชือดก็ดังขึ้น
“แม่ ช่วยด้วย ฉันถูกลักพาตัว ช่วยฉันด้วย!”
เหอซู่โหรวตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง ดึงมาส์กหน้าราคามากกว่าสามพันหยวนออก พูดด้วยความตื่นตระหนก [เฉิงเอ๋อร์? เกิดอะไรขึ้น?]
เสียงร้องโหยหวนราวกับหมูถูกฆ่าหยุดลงทันที เสียงผู้ชายเมื่อครู่ดังขึ้นอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ “ตอนนี้เตรียมเงินสิบล้านมาให้ฉัน ไม่งั้นก็รอรับศพคุณชายเติ้งไปได้เลย!”
เหอซู่โหรวตื่นตระหนก หล่อนลูกชายแค่คนเดียว ความหวังทั้งหมดอยู่ที่เขา จึงพูดอย่างร้อนใจว่า [ได้ ฉันจะเตรียมเงินให้ทันที แต่ต้องรับประกันความปลอดภัยของลูกชายฉันด้วย!]
หลังจากวางสาย เหอเจ๋อถอนหายใจ พูดกับตัวเองอย่างขบขัน“ดูเหมือนฉันจะเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้แต่แสดงเป็นคนเลวยังลำบากขนาดนี้”
บนโซฟา เติ้งเฉิงชางนั่งตัวตรงราวตุ๊กตาไม้ ดวงตาถูกปิดด้วยผ้าเช็ดรองเท้า และมีเข็มเงินวาววับหกเล่มปักอยู่บนตัว
“ฝัง ‘หกเข็มเทพเจ้า’ มีประโยชน์จริง ๆ ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หรือฉันเป็นใคร ยอดเยี่ยมมาก”
ก่อนหน้านี้ในเมืองหลินอัน มีคนน้อยเกินไป เขาเรียนรู้หลายอย่างแต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ตอนนี้ถือว่าได้ฝึกฝนเองแล้ว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“มาแล้ว มาแล้ว เคาะประตูแรงขนาดนั้นทำไม ผมเช่าบ้านหลังนี้จากแม่เสือฝั่งตรงข้าม ถ้าคุณทุบประตูพัง ระวังจะโดนเธอกินนะ!”
ปัง!
เหอเจ๋อเปิดประตู เขาเห็นกวนหลิง ที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาที่พร้อมจะฟันผู้ชายตรงหน้าเป็นพันชิ้น เขายิ้มแหยแล้วพูดว่า “สาวสวย ทำไมยังไม่นอน?”
“แม่เสือจะกินคน แน่นอนว่านอนดึก” กวนหลิงพูดอย่างหงุดหงิด
“ผู้หญิงใจแคบ” เหอเจ๋อบ่นงึมงำ ไม่คิดว่ากวนหลิงจะได้ยิน เธอกรีดร้องราวกับแมวที่เหยียบหาง “นายพูดอะไรนะ?”
เหอเจ๋อเกาหัวอย่างเก้อเขิน พูดอย่างเขินอาย “เปล่า… ไม่มีอะไร ดึกขนาดนี้ทำไมคุณยังไม่นอน?”
กวนหลิงไม่อยากเถียงกับเขา หน้าหมองคล้ำ พูดอย่างไม่พอใจ “นอนบ้าอะไร นายทำอะไรอยู่ข้างใน ตะโกนเสียงดัง เหมือนจะไปสู้รบ ใครจะไปนอนหลับ?”
เหอเจ๋อเหงื่อตก รีบอธิบายว่า “เมื่อกี้ผมดูหนัง อาจจะเปิดเสียงดังไปหน่อย เดี๋ยวผมจะลดเสียงให้เบาลง”
ใบหน้ากวนหลิงชดูดีขึ้น พูดอย่างจริงจังว่า “มลพิษทางเสียงรบกวนเพื่อนบ้านเป็นเรื่องไร้ศีลธรรมมาก สังคมในปัจจุบัน ทุกคนอยู่ภายใต้แรงกดดันในการทำงานอย่างมาก ตอนกลางคืนต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบในการพักผ่อน”
เหอเจ๋อ “…”
“นายทำหน้าแบบนั้นทำไม?”
“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณมีพรสวรรค์ในการเป็นแม่บ้าน”
“ฉันก็เพิ่งรู้ว่านายมีพรสวรรค์ในการเป็นคนตาย!”
เหอเจ๋อพบว่าผู้หญิงมีคุณสมบัติในการพูดจาเสียดสีติดตัวมาแต่กำเนิด ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ผู้ชายที่ดีไม่ทะเลาะกับผู้หญิง ยอมแพ้และปิดประตูไป
หลังจากกวนหลิงกลับเข้าห้อง เขาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ปิดเข็มที่ปักบนตัวเติ้งเฉิงชางอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง ก่อนจะล็อกประตู และออกจากบ้านอย่างเงียบ ๆ ภายใต้ความมืดยามราตรี
ยามค่ำคืน คฤหาสน์หรูหราของตระกูลเหอสว่างไสว หลังจากเหอซู่โหรวได้รับโทรศัพท์ว่าเติ้งเฉิงชางถูกลักพาตัว จิตใจของหล่อนก็ยุ่งเหยิงในทันที ทำตามคำแนะนำของคนใช้ พร้อมเตรียมเงินค่าไถ่และแจ้งตำรวจไปพร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้น? ดึกดื่นขนาดนี้วุ่นวายอะไรกัน?”
MANGA DISCUSSION