บทที่ 35 หวงจิงจิงถูกลักพาตัว
เหอเจ๋อรับช่วงต่อบทสนทนา โยกหัวไปมาพลางกล่าวว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ผมเห็นคุณซุนไห่ผิวเหลือง ตาพร่ามัว คงเพราะร่างกายซูบผอมเกินไป เรื่องบนเตียงไม่ค่อยดี ต้องระวังให้มากในชีวิตประจำวัน”
ทั้งสองผลัดกันพูด ทำให้ผู้คนมองไปที่ซุนไห่ด้วยสายตาแปลกประหลาด นอกจากดูถูกแล้ว ยังแฝงด้วยความรังเกียจและหัวเราะเยาะอีกด้วย
“เจ้าเด็กโง่เขลา พูดจาเหลวไหล”
แม้ว่าซุนไห่ถึงจะหน้าหนาแค่ไหน เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ทิ้งคำพูดที่รุนแรงไว้ประโยคหนึ่ง แล้ววิ่งหนีไปอย่างอับอาย
“เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเพิ่งรีบไปสิ คุณลืมเอาเข็มเงินไปด้วย แล้วถ้ามีปัญหาเรื่องไตอีก ก็กลับมาได้นะ ผมรู้สูตรยาชาววังอยู่หลายขนาน รับรองได้ผลกว่าหมอเถื่อนฉันถนนพวกนั้นแน่นอน”
เหอเจ๋อตะโกนล้อเลียนตามหลังเขา ทำเอาผู้คนที่มุงดูหัวเราะกันครืน
หลังจากหยอกล้อเล่นกันแล้ว เขาก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้คนรอบฉันและพูดเสียงดังว่า “ทุกท่านวางใจได้ ร้านยาเทียนเซิ่งจูเป็นร้านเก่าแก่ ชำนาญวิชาแพทย์อย่างแน่นอน ราคาเป็นธรรม และไม่เก็บค่าใช้จ่ายเกินควร”
ได้ยินกับหู ย่อมไม่เท่าเห็นกับตา เมื่อครู่ทุกคนเห็นเหตุการณ์ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ ใครจงใจหาเรื่องก็เห็นชัดเจน ไม่ต้องพูดอะไรมาก ในใจทุกคนย่อมมีคำตอบอยู่แล้ว
ภายในเทียนเซิ่งจูกลับมาคึกคักอีกครั้ง คนไข้ต่างพากันตั้งแถวรอตรวจอย่างเป็นระเบียบ ส่วนคนที่มามุงดูเหตุการณ์ พอเห็นว่าราคาสมุนไพรไม่แพง ก็ถือโอกาสเลือกซื้อสมุนไพรที่ใช้บ่อยติดไม้ติดมือกลับบ้าน
ชั่วขณะหนึ่ง หวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งยุ่งจนหัวหมุน ไม่มีเวลาทักทายเหอเจ๋อ ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้เขาเชิงขอโทษ
เหอเจ๋อมาที่ร้านหลายครั้ง ถือว่าสนิทกันดี เขาจึงเดินไปยังหลังร้านทันที ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบกับหวงเทียนเหยาใช้ไม้ค้ำ ‘เคลื่อนที่’ อย่างยากลำบาก
“ไม่ยอมพักผ่อนให้ดี ๆ? ร่างกายแบบนี้ยังจะเดินไปเดินมาอีก เบื่อชีวิตแล้วหรือไง?” เหอเจ๋อตกใจมาก รีบวิ่งไปประคองเขาไว้พลางต่อว่า
หวงเทียนเหยาแม้จะเดินมาแค่ไม่กี่สิบเมตร เหงื่อก็ผุดเต็มใบหน้า เขาพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “ปล่อยฉัน ฉันยังเดินไหว! ซุนไห่ ไอ้เวรนั่นมันมาหาเรื่อง ฉันจะหยุดได้ยังไง?”
เหอเจ๋อขวางตาใส่เขา พูดอย่างหงุดหงิด “กลแบบนั้นผมจับได้หมดแล้ว อีกอย่างเขาก็วิ่งหนีจนฝุ่นตลบไปแล้ว กลับไปนอนพักผ่อนเถอะ”
หวงเทียนเหยาเหลือบมองเขาอย่างแปลกใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เด็กหนุ่มตรงหน้าแม้จะอายุไม่มาก แต่เมื่อพูดถึงฝีมือการแพทย์แล้ว นอกจากจะไม่ด้อยไปกว่าเขาแล้ว อาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ ซุนไห่เตะไปโดนแผ่นเหล็กแล้ว*[1]
“ฮ่า ๆ สมน้ำหน้าไอ้ผีชั่วร้ายนี่ คราวนี้คงอับอายแล้ว”
หวงเทียนเหยาหัวเราะสะใจ ก่อนจะกลับไปนอนบนเตียงด้วยความช่วยเหลือของเหอเจ๋อ
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายช่วงกลางวัน ตอนนี้ก็บ่ายแก่ ๆ เข้าไปแล้ว ยังไม่มีวี่แววของหวงจิงจิง หวงเทียนเหยาเริ่มกังวล “ปกติเด็กคนนี้ตรงเวลาดีนะ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เขาพึมพำกับตัวเอง
คนพูดไม่ได้ตั้งใจ แต่คนฟังกลับใส่ใจ เหอเจ๋อรู้สึกใจคอไม่ดี จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหวงจิงจิง
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด! เสียงเรียกเข้าดังขึ้นหลายครั้ง ในที่สุดปลายสายก็รับ
“จิงจิง ทำไมเธอยังไม่กลับ?”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ทว่าเสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงหวานใสที่คุ้นเคย แต่เป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย
[ให้เวลาแกสามวัน รีบเก็บของแล้วไสหัวออกไปจากเมืองกว่างหนานซะ ไม่งั้นแกจะไม่มีวันได้เจอเธออีก!]
สีหน้าของเหอเจ๋อเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขากลัวว่าหวงเทียนเหยาจะได้ยินแล้วเป็นห่วง จึงรีบเดินออกไปแล้วกดเสียงต่ำถามอย่างดุดัน “มีอะไรก็มาหาฉันสิ ทำไมต้องไปรังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ด้วย?”
ชายเสียงทุ้มต่ำหัวเราะอย่างเยาะเย้ยและพูดว่า [ไม่ต้องพูดมาก ถ้าสามวันหลังจากนี้ฉันยังเห็นแกอยู่ในกว่างหนาน เตรียมรับศพของเธอได้เลย]
เหอเจ๋อบีบต้นขาตัวเองอย่างแรง สมองเริ่มทำงานอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างยอมจำนน “อย่าทำอะไรเธอนะ ฉันจะออกจากเมืองนี้ทันที แต่พวกแกต้องรับรองความปลอดภัยของเธอ ไม่งั้นฉันจะไม่ยอม!”
ชายเสียงทุ้มต่ำหัวเราะคิกคักและพูดว่า [ตราบใดที่แกให้ความร่วมมือ พวกเราจะรับประกันความปลอดภัยของเธอ]
เหอเจ๋ออยากจะถามต่ออีก แต่ปลายสายตัดสายไปโดยไม่ให้โอกาสเขา เขาถือโทรศัพท์มือถือยืนอยู่หน้าประตู ลังเลว่าจะบอกหวงเทียนเหยายังไงดี จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเหนื่อยล้าแหบแห้งดังขึ้นมาจากในห้อง
“เกิดอะไรขึ้นกับจิงจิง?”
เหอเจ๋อฝืนยิ้มแล้วโกหกว่า “ไม่มีอะไร เรื่องเอกสารลาออกของเธอค่อนข้างยุ่งยาก หัวหน้าของเธอไปต่างจังหวัดแล้ว…”
“พอแล้ว ไม่ต้องหาข้ออ้างมาพูดอีก!” หวงเทียนเหยาพูดแทรกอย่างหงุดหงิด เยาะเย้ยเขาว่า “นายเด็กเกินไป หลอกฉันไม่ได้หรอก พูดมาตรง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
เมื่อรู้ว่าปิดบังไม่ได้อีกต่อไป เหอเจ๋อจึงจำใจเล่าความจริงทั้งหมด
หวงเทียนเหยาฟังจบ ชายชราขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและถามว่า “ไอ้เด็กนี่ ไปมีเรื่องกับใครมา ทำไมพวกมันถึงจับตัวหลานฉันไปด้วย?”
เหอเจ๋อเองก็งุนงงไม่แพ้กัน เมื่อเห็นสายตาไม่เป็นมิตรของหวงเทียนเหยา เขาก็ยักไหล่ อธิบายอย่างจนใจว่า “พวกเราไม่ได้มีเรื่องอะไรกันจริง ๆ เช้านี้แค่ไปพบกันที่โรงพยาบาลแล้วคุยกันนิดหน่อย…”
“ใช่ โรงพยาบาล! ผมรู้ว่าใครทำแล้ว” จู่ ๆ ความคิดก็สว่างวาบขึ้นในหัวของเหอเจ๋อ เขารีบวิ่งออกไปราวกับไฟไหม้ก้น
“ไอ้หนุ่ม กลับมานี่ พูดให้ชัดหน่อย ใครเป็นคนทำ!”
หวงเทียนเหยานอนอยู่บนเตียง ตะโกนอย่างร้อนใจ แต่น่าเสียดายที่เหอเจ๋อวิ่งหายไปไม่รู้ที่ไหนแล้ว ทำเอาเขาโมโหจนตาลายเกือบตายคาที่
มาเซราติสีแดงคันหนึ่งจอดเทียบหน้าประตูโรงแรมไห่เยว่อย่างโอ่อ่า เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นป้ายทะเบียนรถ เขาก็รีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วและพูดด้วยน้ำเสียงประจบสอพลอว่า “คุณชายเติ้ง ยินดีต้อนรับครับ นาน ๆ มาสักที ยังหล่อเหลาไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”
เติ้งเฉิงชางโอบเอวหญิงสาวสองคนแต่งหน้าจัดจ้านอย่างละคนซ้ายขวา ปาธนบัตรสีแดงใบหนึ่งออกไป พูดด้วยรอยยิ้ม “คำประจบของนายยังห่วยไปหน่อย แต่ฉันชอบแบบนี้แหละ เอาไปสิ”
ตอนที่พนักงานกำลังดีใจกระโดดโลดเต้นเก็บเงินอยู่ เติ้งเฉิงชางก็เดินผ่านหน้าเขาไปพร้อมกับโอบหญิงสาวทั้งสองอย่างหยิ่งผยอง ดูจากที่ไกล ๆ คล้ายกับคุกเข่าอยู่ที่พื้นเพื่อต้อนรับ
“คุณชายเติ้งไปเจออะไรมาคะ? ทำไมวันนี้อารมณ์ดีจัง” สาวร่างอวบทางด้านซ้ายทนความสงสัยไม่ไหว จึงเอ่ยถามขึ้น
เติ้งเฉิงชางบีบส่วนที่อวบอิ่มของเธออย่างแรง ท่ามกลางเสียงครางอย่างเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย เขาก็หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “มีไอ้งั่งคนหนึ่งที่น่ารำคาญสุด ๆ กำลังจะไสหัวออกไปจากสายตาฉัน ถ้าไม่มีไอ้ตัวขวางโลกนั่นแล้ว ฉันก็จะได้สืบทอดตำแหน่งในไม่ช้า…”
เหมือนเขาจะรู้ตัวว่าพูดมากไป จึงหัวเราะแล้วพูดอย่างหื่นกระหาย “พวกเธอรู้แค่ว่าฉันอารมณ์ดีก็พอ ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง”
หญิงสาวทั้งสองคนนั้นถามขึ้นมาลอย ๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นก็ต่างเริ่มใช้เล่ห์กลทุกอย่างที่มี เพื่อเอาใจเขา
ภายในห้องบรรยากาศเริ่มร้อนแรงขึ้น เติ้งเฉิงชางกำลังจะถึงจุดสุดยอด ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูที่ทำลายบรรยากาศดังขึ้น
[1] เตะโดนแผ่นเหล็ก หมายถึง คิดว่าคนอื่นข่มเหงได้ง่าย แต่ปรากฏว่าคนนั้นเก่งกว่ามาก และโดนโต้กลับแทน
MANGA DISCUSSION