บทที่ 30 เจ้าหนุ่มนี่มีฝีมือนะ
แม้จะรู้ดีว่าการปิดกั้นสูตรยาแบบนี้ส่งผลร้ายต่อพัฒนาทางการแพทย์ ทว่าธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ก็ยากจะเปลี่ยนแปลงในเวลาอันสั้น
ยาฟื้นกำลัง ‘เจี้ยนหมี่ซ่าน’ ถึงแม้จะมีสรรพคุณยอดเยี่ยมในการเสริมพลังและยื้อชีวิตทั้งยังถือเป็นตำรับยาที่ดี ทว่าไม่อาจใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะต้องใช้โสมร้อยปีเป็นวัตถุดิบหลัก และยังมีผลข้างเคียงอีกด้วย
คงมีแต่พวกหัวรั้นเท่านั้นที่จะจะมาซื้ออตำรับยาที่ร้านยาแบบนี้ได้ คนทั่วไปอย่างน้อยก็ต้องซื้อแยกกัน เพื่อป้องกันไม่ให้สูตรยาลับรั่วไหลออกไป
หรือว่าตาเฒ่าหวงเทียนเหยาคนนั้นจะป่วยจนเพี้ยนไปแล้ว?
หวงเหยียนกระแอมไอเบา ๆ ไม่ได้อธิบายมากมาย พูดด้วยรอยยิ้มแฝงเยาะเย้ยว่า “ฉันแค่มาซื้อยาเท่านั้น ที่เหลือไม่รู้หรอก แค่บอกว่าที่นี่จัดหาครบหรือไม่ครบก็พอ”
จงหมิงจ้องมองลูกมือข้าง ๆ และถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ไปค้นในห้องเก็บของอีกทีสิ ไม่มีโสมร้อยปีจริง ๆ หรือ? เอาเศษโสมก็ได้”
ลูกมือยักไหล่ ทำหน้าไร้เดียงสาพูดว่า “เถ้าแก่ ผมทำงานที่ร้านมาเกือบสิบแปดปีแล้ว ไม่เคยเห็นยาที่เหมือนกับโสมร้อยปีมาก่อนเลย”
จงหมิงพลาดโอกาสที่จะทำให้คู่แข่งเก่าอับอาย รู้สึกเสียดายมาก ได้แต่ส่ายหัว พูดด้วยท่าทีขมขื่นว่า “ไม่มี ไปหาที่อื่นดูแล้วกัน”
หวงเหยียนฟังแล้วก็ไม่ได้ผิดหวัง คว้าใบสั่งยาแล้วออกจากร้าน พอไปถึงที่ไม่มีคน เขาหยิบสมุดบันทึกเล็ก ๆ ออกมา ที่บรรทัดที่มีคำว่า ‘ทงซิน’ แอบทำเครื่องหมายกากบาทลงไป
สองสามวันต่อมา เหตุการณ์คล้ายกันก็เกิดขึ้นในร้านขายยาต่าง ๆ ทั่วเมืองกว่างหนาน ทำให้เหล่าแพทย์แผนจีนอาวุโสในวงการต่างสับสน พากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าตาเฒ่าหวังกำลังทำอะไรอยู่?
เหอเจ๋อขมวดคิ้วพลิกสมุดบันทึกสองเล่มอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ ถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ไม่มีเบาะแสอะไรน่าสงสัยจริง ๆ เหรอ?”
หวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งส่ายหัว ตอบอย่างซื่อสัตย์ว่า “โดยพื้นฐานแล้ว แพทย์เกือบทุกคนเมื่อเห็นยาเจี้ยนหมี่ซ่านต่างก็ตกตะลึง ไม่เหมือนแกล้งทำ อีกอย่างพวกเราก็รู้จักกันดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะต้องปิดบังเรา”
เหอเจ๋อเกาหัวอย่างกลุ้มใจ เขาตั้งใจจะใช้วิธีกวาดตาข่าย เพื่อดูว่ามีหมอท้องถิ่นในกว่างหนานคนไหนรู้จักยาเจี้ยนหมี่ซ่านบ้างแล้วค่อยตามสืบจากหมอที่เขียนใบสั่งยา เพื่อสืบหาผู้ร้ายตัวจริงที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง
เพื่อความรอบคอบ เขาถึงได้ให้หวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งที่เป็นคนท้องถิ่นออกหน้าแทน แต่ไม่คิดว่าจะส่งสายตาหวานให้คนตาบอดดู อีกฝ่ายไม่ใช่คนท้องถิ่นเลยสักนิด
ถานเหว่ยซ่งเห็นเขาอารมณ์เสีย ก็พูดขึ้นว่า “วันนี้ตอนที่ฉันออกไปหาข่าว บังเอิญได้ยินคนพูดกันว่า สัปดาห์หน้าจะมีการประมูลสมุนไพรหายากที่นี่”
เหอเจ๋อรู้สึกตื่นเต้น รีบถามต่อว่า “ข่าวแน่นอนไหม? จัดขึ้นที่ไหน?”
ถานเหว่ยซ่งก็บอกรายละเอียดอะไรไม่ได้มาก เขาได้ยินมาจากคนอื่นอีกที พอเห็นว่าเหอเจ๋อสนใจมาก จึงโทรศัพท์ไปถามข้อมูลเพิ่มเติม
ที่จริงแล้วการประมูลครั้งนี้เป็นการประมูลส่วนตัว ผู้จัดงานคือตระกูลจาง หนึ่งในตระกูล ‘พันปีราชันย์แห่งยา’ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์ พวกเขาจัดงานประมูลเพื่อระดมทุนช่วยเหลือเด็กป่วย จึงนำสมุนไพรหายากหลายชนิดออกมาประมูล
สิ่งที่ทำให้เหอเจ๋อดีใจอย่างมากคือ ในรายการประมูลปรากฏชื่อสมุนไพร ‘โสมร้อยปี’ รวมอยู่ด้วย ราวกับง่วงนอนแล้วมีคนเอาหมอนมารองรับ
เขาตัดสินใจทันที หลังสอบถามวันเวลาและสถานที่จัดงานประมูลให้แน่ชัด เขาก็พาหวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งไปที่ร้านเทียนเซิ่งจู
หวงจิงจิงกำลังกวาดพื้นอยู่ที่หน้าประตู เห็นเหอเจ๋อกำลังมาก็ยิ้มหน้าบาน แต่พอเห็นชายสองคนที่เดินตามหลังมา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ พูดอย่างโกรธเคืองว่า “พวกคุณสองคนมาทำอะไรที่นี่? ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณ!”
เมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดของคนที่มักอ่อนโยนอย่างเธอ เหอเจ๋อก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่ขโมยโสมร้อยปีไปขาย คงทำให้เธอเสียใจมาก
เขาแอบส่งสายตาให้ทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ หวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งรู้สึกผิดอยู่แล้ว พอถูกหวงจิงจิงด่าไปสองสามประโยค กลับรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
“จิงจิง เรื่องก่อนหน้านี้พวกเราผิดไปแล้ว ครั้งนี้พวกเรากลับมาขอขมาอาจารย์”
“ต่อไปนี้พวกเราจะตั้งใจร่ำเรียนวิชาแพทย์ ตั้งใจสืบทอดวิชาของอาจารย์ ปลุกปั้นร้านขายยาเทียนเซิ่งจูให้รุ่งเรือง”
หวงจิงจิงยังโกรธเคืองอยู่ในใจ ตะโกนด่าทอว่า “คุณปู่ของฉันรักและเอ็นดูพวกคุณเหมือนลูกแท้ ๆ ตั้งใจถ่ายทอดวิชาทั้งหมดที่มีให้โดยไม่ปิดบัง ไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะกลายเป็นขโมยในบ้าน คุณปู่ไม่ได้โกรธที่เสียโสมร้อยปีไป แต่โกรธที่พวกคุณที่ทำตัวให้เสื่อมเสียศีลธรรม”
เมื่อหวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งได้ฟังก็รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง พลางนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ทั้งคู่คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกัน โขกศีรษะไม่หยุดพร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ท่านอาจารย์ พวกเราผิดไปแล้ว ท่านอาจารย์ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย ต่อไปเราจะไม่ทำอีกแล้ว”
เมื่อเห้นชัดว่าพวกเราไม่ได้แสร้งทำ อีกทั้งหน้าผากที่กระแทกกับพื้นปูนอย่างแรงก็ขึ้นรอยแดงช้ำ
เหอเจ๋อทนมองไม่ได้แล้ว จึงต้องออกหน้าไกล่เกลี่ยตะโกนเสียงดังว่า “ผู้เฒ่าหวง ถ้ายังไม่ตายก็ส่งเสียงหน่อย อย่าแกล้งทำเป็นหูหนวกตาบอด อันที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้เลวร้ายมาก แค่หลงผิดชั่ววูบ ยกโทษให้พวกเขาเถอะ”
ในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงแหบแห้งของหวงเทียนเหยาเล็ดลอดออกมา
“ตอนที่ฉันสอนวิชาแพทย์ให้พวกเธอ บทเรียนแรกก็บอกไว้แล้วว่า ถ้าร่างกายมีปัญหา ก็ยังรักษาได้ แต่ถ้าจิตใจมีปัญหาก็ไร้ทางรักษาแล้ว”
เสียงโขกศีรษะของหวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งดังขึ้นกว่าเดิม บนพื้นปูนเริ่มมีรอยเลือดซึมออกมาจาง ๆ
เหอเจ๋อเห็นแล้วก็ร้อนใจ เขาอุตส่าห์ตบหน้าอกรับปากกับทั้งสองคนว่าจะพากลับสำนักได้ ไม่นึกเลยว่าตาแก่หวงเทียนเหยาจะเล่นงานเขาแบบนี้
เขาโกรธมากจึงพุ่งเข้าไปในห้องทันที จ้องหวงเทียนเหยาที่นอนอยู่บนเตียงอย่างโกรธเคือง พูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ผู้เฒ่าหวงบอกผมหน่อยสิ ว่าทำไมถึงไม่มีเหตุผลแบบนี้? คนเราไม่ใช่เซียน ไหนเลยจะไม่เคยทำผิดพลาด ตามคำพูดของคุณ คุณก็เคยทำผิดพลาดมาก่อน งั้นผมไม่ต้องรักษาแล้วใช่ไหม?”
หวงเหยียนและถานเหวยซ่งที่อยู่นอกประตูถึงกับตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มที่ดูรุนแรงคนนี้จะมีวิชาแพทย์ที่เก่งกาจ ถึงขนาดรักษาอาการป่วยของหวงเทียนเหยาได้
หวงเทียนเหยากลอกตา พอดื้อรั้นขึ้นมา ก็พูดโต้ตอบอย่างไม่ยอมแพ้ “ไม่รักษาก็ไม่ต้องรักษา ฉันใครขอร้องเธอมารักษาสักหน่อย”
“คุณ…”
เหอเจ๋อจนหน้าดำหน้าแดง เขาไม่เคยเจอคนไข้ที่นิสัยแย่ขนาดนี้มาก่อน ด้วยความโมโห เขาจึงพูดโดยไม่ทันคิด “งั้นรอให้คุณตายไปแล้ว ผมฉันไม่รับประกันนะว่าจิงจิงจะถูกใครจีบไปก่อน…”
นี่เป็นการข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งแล้ว!
ทันทีที่พูดจบ เขาก็รู้สึกเสียใจ ทว่าใบหน้าสวยของหวงจิงจิงกลับเปลี่ยนจากขาวเป็นแดงก่ำ จากนั้นก็เป็นสีเขียว สุดท้ายก็กลายเป็นสีดำ และหญิงสาวก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ ทิ้งไม้กวาดลงพื้น แล้ววิ่งกลับเข้าห้องไป
หวงเทียนเหยาเองก็ตกตะลึงกับคำพูดของเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดออกมาอย่างกำกวมว่า
“เจ้าหนุ่มนี่มีฝีมือนะ”
MANGA DISCUSSION