บทที่ 29 เพื่อนร่วมงานก็คือศัตรู
“มึงบอกว่าจะปล้นก็ทำเลยสิวะ ทำไมต้องตีคนด้วย พวกเราใช่ว่าจะขัดขืนอะไร เข้ามาตีกันตั้งแต่แรกแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?”
เหอเจ๋อไม่สนใจความคิดของพวกเขา ลากเก้าอี้มานั่งอย่างหยิ่งผยอง มองทั้งสองคนด้วยสายตาขุ่นเคือง ถามว่า “พวกแกขโมยโสมร้อยปีมาจากคุณปู่หวงเทียนเหยาใช่ไหม?”
ทั้งสองคนถูกตีจนกลัว ไม่กล้าโกหก พยักหน้ารัวเหมือนไก่จิกข้าว พูดว่า “โสมร้อยปีพวกเราเอามาเอง”
เหอเจ๋อได้ยินแล้วโกรธขึ้นมาอีก ตาเบิกกว้างตวาดว่า “ดี! พวกแกไม่เพียงแต่ทรยศอาจารย์ ยังกล้าทำร้ายคนอื่น วันนี้จะต้องสั่งสอนพวกแกให้เข็ดหลาบและจำเข้าสมองให้ได้”
เขาพูดพลางเอื้อมมือเพื่อปลดเข็มขัด เตรียมหาอาวุธที่เหมาะมือ
ทว่าหวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งกลับคิดว่าเขาจะถอดกางเกง ในสมองผุดคำว่า ‘เกย์ ลามกอนาจาร’ ขึ้นมา ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ร้องไห้คร่ำครวญว่า “พวกเราขโมยโสมร้อยปีก็แค่จะเอาเงินไปใช้หนี้พนันเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใครเลย”
เหอเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง พูดอย่างตกตะลึงว่า “พวกแกเอาโสมร้อยปีไปขายแล้ว?”
หวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งมองหน้ากัน หลังได้รับความทรมานทั้งร่างกายและ ‘จิตใจ’ พวกเขาก็สารภาพความจริงออกมาทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง
เดิมทีทั้งสองคนทนความเหงาจากการเรียนแพทย์ไม่ไหว จึงติดการพนัน ตอนแรกเล่นแค่พอหอมปากหอมคอ ต่อมาเล่นหนักขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นก็จมลงไปในหล่มโคลนและถอนตัวไม่ขึ้น
การพนันเล่นนานเข้าแม้แต่เทพเซียนก็ยังแพ้ ในช่วงแรกชนะมาได้เยอะ หลังจากชนะก้อนใหญ่ในตอนแรก ทั้งสองคนก็แพ้ติดต่อกันร่วมครึ่งเดือน ทุกวันคิดแต่ว่าจะได้ทุนคืน ผลสุดท้ายไม่เพียงแต่เงินเก็บทั้งชีวิตหมดเกลี้ยง ยังติดหนี้เป็นจำนวนมหาศาลอีกด้วย
ทั้งสองเป็นแค่หมอธรรมดา ถึงแม้ว่าหวงเทียนเหยาจะดีกับพวกเขามาก แต่เงินเดือนก็ไม่มีทางใช้หนี้หนีพนันก้อนใหญ่ได้
ยิ่งเห็นวันชำระหนี้ใกล้เข้ามาทุกที เหล่าเจ้าหนี้โหดก็ขู่ว่าจะตัดแขนตัดขาทิ้ง ทั้งสองจึงคิดไม่ซื่อกับโสมร้อยปี ฉวยโอกาสตอนที่หวงเทียนเหยาไม่ทันระวัง ขโมยออกมาขายได้สามล้านหยวน นำไปอุดหนี้ที่ติดค้างไว้
เหอเจ๋อฟังจบแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง เพื่อพิสูจน์ว่าทั้งสองคนโกหกหรือไม่ เขาจึงถามย้ำรายละเอียดอีกครั้ง คำตอบของทั้งสองตรงกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน ดูเหมือนว่าที่พวกเขาพูดมาจะเป็นความจริง
เมื่อผลออกมาแบบนี้ เหอเจ๋อก็ปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง หรือว่ายาเจี้ยนหมี่ซ่านจะไม่ได้เป็นฝีมือของพวกเขา?
เขาขมวดคิ้ว ถามเสียงเฉียบขาดว่า “ขายแล้ว? ขายโสมร้อยปีให้ใคร?”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้?”
หวงเหยียนเห็นสีหน้าของเหอเจ๋อไม่ดี และตั้งใจปลดเข็มขัดอีกครั้ง จึงอธิบายด้วยน้ำเสียงสิ้นหวังว่า “เราหาคนขายทางออนไลน์ อีกฝ่ายใจกว้างมาก หลังจากเห็นรูปก็โอนเงินมาให้พวกเราสามล้านทันที บอกให้เราแพ็กของส่งไปที่โรงภาพยนตร์ออนิส ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเลย”
เหอเจ๋ออดแสดงความผิดหวังออกมาทางสายตาไม่ได้ เบาะแสนี้ขาดสะบั้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาช่วงเวลาที่ทั้งสองขโมยโสมร้อยปี พบว่าเหอหย่งฝูล้มป่วยภายในหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ดังนั้นจึงมั่นใจได้แล้วว่าส่วนผสมของยาเจี้ยนหมี่ซ่านที่เขากินเข้าไป มาจากโสมร้อยปีจริง ๆ
“ฮึ พวกจิ้งจอกซ่อนหางไว้ได้แนบเนียนจริง ๆ แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก ต้องลากพวกคุณออกมาให้ได้!”
แววตาของเหอเจ๋อเต็มไปด้วยความที่มุ่งมั่น เขาไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่าย ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่อย่างนั้นคงผูกคอตายไปตั้งแต่ถูกทุบตีช่วงสิบแปดปีผ่านมาแล้ว
เขาเหลือบมองสองคนที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่มุมห้อง พูดอย่างผิดหวังว่า “พวกแกจะทำยังไงต่อ จะหดอยู่ที่นี่เป็นหนูไปตลอดชีวิตเหรอ?”
ช่างน่าที่เหอเจ๋อชายหนุ่มวัยยี่สิบต้น ๆ กลับพูดสั่งสอนหวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งสองหนุ่มใหญ่วัยสามสิบกว่า ทว่าทั้งสองกลับไม่กล้าผายลมแม้แต่น้อย เพราะคนที่หมัดใหญ่กว่าก็ต้องเป็นใหญ่
“อันที่จริง แล้วพวกเราถูกบังคับให้ขโมยโสม หลังจากใช้หนี้พนันหมดแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะไม่พนันอีกแล้ว ใครจะไม่อยากกลับไปบ้าง? แต่เรารู้ดีว่าอาจารย์เป็นคนขี้โมโห เขาคงไม่มีทางให้ยกโทษพวกเราแน่…” ถานเหว่ยซ่งถอนหายใจ พูดพร้อมรอยยิ้มขมขื่นเต็มใบหน้า
หวงเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ ก็พยักหน้าตามไปด้วย ท่าทางเห็นด้วยไม่แพ้กัน
หลังจากใช้หนี้พนันหมด พวกเขาก็ใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนมานานพอสมควร จึงคิดทบทวนหลายอย่าง จิตใจที่เคยฟุ้งซ่านเริ่มสงบลง ใครกันจะไม่อยากมีชีวิตที่มั่นคง ใครอยากจะอยากเป็นคนไร้บ้านบ้าง?
เหอเจ๋อเห็นได้ว่าโดยพื้นฐานแล้วทั้งสองไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแค่ติดนิสัยแย่ ๆ และถูกบังคับให้เดินบนเส้นทางของขโมยเท่าน้ัน
เขาคิดบางอย่างออกทันที จึงกระแอมไอแล้วพูดว่า “ฉันมีโอกาสให้พวกนายไถบาปจากความผิด ไม่รู้ว่าพวกนายอยากคว้ามันไว้หรือเปล่า?”
หวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าว ตอบรับเสียงดังพร้อมกันว่า “อยากสิ นายสั่งพวกเรามาได้เลย”
เหอเจ๋อหัวเราะคิกคัก ก้มหน้าซุบซิบอะไรบางอย่างข้างหูของทั้งสองคน
ร้านขายยาถงซินนับว่าเป็นร้านยาเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในเมืองกว่างหนาน ตระกูลจงดูแลร้านยานั้นและสืบทอดวิชาแพทย์แผนจีนมาหลายรุ่น เป็นตระกูลแพทย์แผนจีนเก่าแก่ที่สืบทอดกันมานานกว่าสามร้อยปี
บ่ายวันนี้ จงหมิงตรวจคนไข้ติดต่อกันหกคน รู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขามองอย่างตั้งใจแล้วก็สนใจขึ้นมาทันที เขายิ้มและพูดติดตลกว่า “ตาเฒ่าหวงคงจะไม่ไหวแล้วใช่ไหม ถึงได้ส่งพวกคุณให้มาซื้อยากับฉัน?”
คำกล่าวที่ว่า ‘เพื่อนร่วมงานก็คือศัตรู’ นั้นเป็นเรื่องจริง หวงเหยียนรู้ดีว่าจงหมิงกับอาจารย์หวงเทียนเหยาไม่ถูกกัน จึงไม่อยากพูดให้มากความ ยื่นใบสั่งยาให้พร้อมกับพูดว่า “ยาในนี้ จะขายหรือไม่ขาย?”
แน่นอนว่า จงหมิงไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะแกล้งคู่แข่งตลอดกาลไปได้ เขารีบพูดอย่างใจกว้างว่า “ขายสิ! วันนี้ต่อให้ต้องขุดเอาสมบัติของบรรพบุรุษมาขาย ก็จะขายให้ครบทุกอย่าง ต้องทำให้ตาเฒ่าหวงหายใจต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นถ้าต่อไปไม่ได้เห็นหน้าอัปลักษณ์ของมันอีก คงเสียดายแย่!”
พูดจบ เขาก็เรียกลูกมือในร้านมารับใบสั่งยาไป
ร้านขายยาถงซินเปิดกิจการมานานกว่าสามร้อยปี ยาสมุนไพรต่าง ๆ จึงมีพร้อมเสร็จสรรพ ไม่ถึงสามนาทีลูกมือก็กลับมาแล้ว ทว่าสีหน้ากลับเต็มไปด้วยความลำบากใจ
“เถ้าแก่ คือ… คือว่าโสมร้อยปีในใบสั่งยา พวกเราไม่มีนะครับ”
จงหมิงที่กำลังเพลิดเพลินกับชา ทันใดนั้นเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ พูดด้วยความสับสนว่า “ตาเฒ่าหวงนี่สมองมีน้ำขังหรือไง? กระดูกเฒ่าขนาดนั้นยังกล้ากินโสมร้อยปีอีก ไม่กลัวตัวเองขาดใจตายหรือไง?”
ยาที่มีฤทธิ์รุนแรงย่อมทำลายพื้นฐานร่างกายมากที่สุด โดยทั่วไป ก็มีแค่ชายวัยกลางคนที่แข็งแรงเต็มที่ก็ยังใช้เพียงน้อยนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนแก่อย่างตาเฒ่าหวงเลย สมุนไพรอย่างโสมร้อยปี แม้จะเป็นยาบำรุง แต่ก็ร้ายแรงกว่ายาพิษเป็นร้อยเท่า
เขาไม่เต็มใจเล็กน้อย จึงหยิบใบสั่งยามาดู สีหน้าเคลือบแคลงใจ ถามว่า “นี่คือเจี้ยนหมี่ซ่านหรือ?”
ไม่แปลกใจที่เขาจะประหลาดใจขนาดนั้น เพราะรู้กันดีว่าในจีนโบราณมีคำกล่าวที่ว่า ‘ศิษย์ที่เก่งกล้าจะทำให้อาจารย์อดตาย’*[1] ดังนั้น ตำรับยาลับต่าง ๆ ทุกคนจึงเก็บงำไว้อย่างเข้มงวด กระทั่งตั้งกฎเกณฑ์ที่คับแคบว่า ‘สืบทอดให้ลูกชายไม่ใช่ลูกสาว สืบทอดภายในตระกูลไม่ใช่คนนอก’
[1] ศิษย์ที่เก่งกล้าจะทำให้อาจารย์อดตาย หมายถึง เมื่อลูกศิษย์เรียนรู้ทักษะของอาจารย์เสร็จแล้ว ก็จะแย่งสิ่งนั้นของอาจารย์ไป
MANGA DISCUSSION