บทที่ 27 ไม่เห็นแม้แต่เงา
เหอเจ๋อ ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ และหยิบก้อนหินกำหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงสูทแบรนด์ฟานซีเซ่มูลค่ากว่าสองหมื่น จากนั้นก็โยนใส่คนพวกนั้น พร้อมตะโกนว่า “เพชรมาแล้ว!”
บอดีการ์ดทั้งสี่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น หินก้อนใหญ่เหมือนดอกไม้ไฟจากท้องฟ้าตกลงมาใส่พวกเขาทีละก้อน โดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว ทำให้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวหน้าม่วงช้ำ ใบหน้าพังไปเป็นแถบ
“ให้ตายสิ มันกล้าหลอกพวกเราอย่างงั้นเหรอ รนหาที่ตายแล้ว!”
บอดีการ์ดทั้งสี่โวยวายด้วยความตกใจ พร้อมกับยกกำปั้นขึ้น พร้อมพุ่งไปหาผู้ชายคนนั้น
“ฮ่า ๆ ผมจะให้เพชรพวกคุณอีกกำ!”
เหอเจ๋อหยิบก้อนหินอีกกำหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงอีกข้าง แล้วขว้างใส่อีกครั้ง
มือของเขาที่มีพละกำลังมหาศาล แม้ว่าบอดีการ์ดทั้งสี่จะผ่านการฝึกฝนมาแล้ว แต่ความสามารถในการต้านทานการโจมตีไม่ได้ฝึกไว้ที่ผิวหน้า ร่างกายพวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ใบหน้ากลับช้ำเขียว บวมเป่งเหมือนหมู
“วันนี้ฉันต้องถลกหนังแกให้ได้!”
บอดีการ์ดทั้งสี่โมโหจนปอดแทบระเบิด พวกเขาจ้อมเขม็งเต็มไปด้วยความโกรธแค้น คล้ายกับไฟที่กำลังลุกโชน
เหอเจ๋อหัวเราะเบา ๆ แล้วตะโกนว่า “เพชรมาแล้ว”
บอดีการ์ดทั้งสี่ถูกโจมตีไม่หยุด ทันทีที่ได้ยินเสียง มือทั้งสองข้างของพวกเขาก็บังหัวเอาไว้ แล้วรีบย่อตัวลงทันที
แต่พอรออยู่สักพัก ก็ไม่รู้สึกว่ามีก้อนหินขว้างมา พวกเขาจึงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นเหอเจ๋อไม่ได้ถือก้อนหินอะไรเลย เพียงแค่ยักไหล่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้โง่ ฉันมีแค่สองกระเป๋าข้าง จะเอาหินก้อนที่สามมาจากไหน”
เมื่อบอดีการ์ดทั้งสี่รู้ตัวว่าถูกหลอกอีกครั้ง ก็ไม่รู้จะด่าว่าอะไรดี สุดท้ายก็ปิดปากเงียบ กำหมัดแน่นและเตรียมพุ่งเข้าใส่ ทำให้ไอ้หมอนี่ได้รู้ซะบ้าง ว่าทำไมดอกไม้ถึงเป็นสีแดงแบบนั้น!
แทนที่เหอเจ๋อจะกังวล เขากลับถอนหายใจอย่างโล่งอก บอดีการ์ดทั้งสี่พวกนี้ไม่เหมือนกับพวกอันธพาลก่อนหน้า พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีวินัยในการเข้าและถอย ถึงแม้ว่าเขาจะถึงขั้นทวียุทธ์แล้ว ทว่าสองมือของเขาก็ยากจะสู้ด้วยสี่มือ และไม่ต้องพูดถึงแปดหมัดเลย ถ้าถูกพวกนั้นตามรังควาน ก็คงเป็นเรื่องน่ารำคาญเช่นกัน
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว บอดีการ์ดทั้งสี่ถูกกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาทำให้โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ตอนนี้พวกเขาทุ่มสมาธิทั้งหมดไปที่การต่อยเหอเจ๋อเพียงอย่างเดียว โดยไม่คิดถึงสิ่งอื่นเลย?
เหอเจ๋อเห็นโอกาสนี้พอดี เขาค่อนข้างมั่นใจเมื่อดวลตัวต่อตัว เขาคว้ามือบอดีการ์ดที่เหวี่ยงเข้ามาได้ ฉับพลันก็ยกขาเตะไปที่หว่างขาของอีกฝ่ายอย่างแรง
ไม่ว่าชายหนุ่มจะแข็งแกร่งสักสิบเท่าก็ไม่อาจต้านทานการเตะนี้ได้ นี่คือกลยุทธ์ที่แม่ของเหอเจ๋อสอนเขาไว้ เรียบง่าย รวดเร็ว เตะเพียงหนึ่งครั้งอันตรายถึงชีวิต
บอดีการ์ดอีกสามคนยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกเขาจัดการด้วยวิธีเดียวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาล้มลงกับพื้นทั้งหมดและกลายเป็น ‘พวกจับเป้า’ ร้องโอดโอยอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด
เมื่อเหอเจ๋อมั่นใจว่าบอดีการ์ดทั้งสี่หมดฤทธิ์แล้ว เขาจึงเปิดประตูรถ และลากกวนหลิงที่นั่งอยู่เบาะหลังออกมา
อาจเป็นเพราะได้กลิ่นฮอร์โมนเพศชายที่หลั่งออกมา ส่วนผสมของยาปลุกเซ็กซ์ในยาสลบก็ออกฤทธิ์ทันที ใบหน้าของกวนหลิงแดงก่ำราวกับถูกไฟแผดเผา ใบหน้าของหล่อนคลอเคลียที่ซอกคอและกัดที่คอของชายหนุ่มราวกับลูกสุนัข
เหอเจ๋อตกใจชั่วขณะ แต่ก็ตระหนักได้ทันทีว่ากวนหลิงถูกวางยา
อายุยี่สิบกว่าปีเป็นช่วงวัยที่เลือดกำลังพลุ่งพล่าน ยิ่งไปกว่านั้น เหอเจ๋อไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์ยั่วยวนขนาดนี้มาก่อน ร่างกายจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที มือทั้งสองข้างลูบไล้ไปมาตามร่างบอบบางในอ้อมแขนอย่างควบคุมไม่ได้
ทันใดนั้น เหอเจ๋อก็กัดปลายลิ้นของตัวเองอย่างแรง ความเจ็บปวดรุนแรงฉับพลันดึงเขากลับมาจากทิวทัศน์อันงดงามไร้ขอบเขต นัยน์ตาพลันแจ่มใสอีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักบุญที่เต็มไปด้วยศีลธรรมและความชอบธรรม ทว่าเขาก็ยังจำคำพูดของแม่จอมโหดได้ชัดเจน
‘มีเพียงผู้ชายอ่อนแอเท่านั้นที่จะฉวยโอกาสจากผู้หญิง ผู้ชายที่แท้จริงจะทำให้ผู้หญิงเปลื้องผ้าและรับใช้ด้วยความเต็มใจ’
เหอเจ๋อใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นผู้ชายที่แท้จริง ดังนั้นเขาจึงอุ้มกวนหลิงขึ้นมา และออกจากลานจอดรถใต้ดินทันที
เมื่อเวลาผ่านไป ยาเริ่มออกฤทธิ์แรงขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาไม่อาจอยู่ข้างนอกได้นานนัก และต้องรีบกลับโดยเร็ว
เหอเจ๋อโบกแท็กซี่คันหนึ่ง อุ้มกวนหลิงขึ้นรถ และบอกชื่อที่พัก
ตลอดทางชายหนุ่มอ้อนวอนขอร้องให้กวนหลิงอดทนจนกว่าจะถึงบ้าน ทว่าเหมือนฟ้าไม่เป็นใจ ฤทธิ์ของยาระเบิดออกมาเต็มที่ระหว่างทาง
ลมหายใจกวนหลิงร้อนผ่าว ร่างกายร้อนรุ่มไปทั้งตัว ตัวกระสับกระส่ายไปมาไม่หยุด ซ้ำยังพยายามฉีกเสื้อผ้าของตัวเอง
ชุดราตรีรัดรูดอยู่แล้วจึงมีเนื้อผ้าอยู่ไม่มาก เหอเจ๋อกลัวว่าเธอจะดึงมันออกหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงจำใจต้องใช้ฝ่ามือของตัวเองจับข้อมือของหล่อนไว้ พลางใช้ต้นขาหนีบขาทั้งสองข้างของเธอไว้ กักขังหญิงสาวไว้แน่นหนาจนขยับไม่ได้
ชายหนุ่มคิดว่าเท่านี้คงเพียงพอแล้วทว่าเขากลับคิดผิด เหอเจ๋อมองโลกในแง่ดีเกินไป
เมื่อร่างกายถูกจำกัดการเคลื่อนไหว และทั้งตัวเริ่มขยับไม่ได้ กวนหลิงจึงเริ่ม… ส่งเสียงครางออกมา
“อา… อา…”
ในที่สุดคนขับรถก็ทนไม่ไหว เหยียบคันเร่งเต็มแรง พลางบ่นว่า “พวกเธอเป็นสามีภรรยากันแล้วอดทนหน่อยไม่ได้หรือไง ทำแบบนี้เหมือนถ่ายหนังหนังโป๊อยู่แบบนี้ จะให้ฉันขับรถต่อได้ยังไง?”
เหอเจ๋ออับอายจนอยากมุดดินหนี เขาอยากจะหากล้องมาบันทึกภาพลักษณ์ของนักข่าวกวนหลิงเอาไว้ แล้วค่อยเปิดให้เธอดูตอนที่ฟื้นขึ้นมาซักสิบหมื่นแปดพันรอบ!
แต่ความคิดแบบนี้เขาทำได้แค่คิดเท่านั้น ในขณะที่กำลังกักขังกวนหลิงอยู่ เขาก็ขยับตัวไม่ได้เช่นกัน
หลังจากผ่านช่วงเวลาอันแสนอึดอัดใจไปได้สักพัก เมื่อเผชิญกับสายตาที่แปลกประหลาดของคนขับแท็กซี่ เหอเจ๋อก็จ่ายเงินด้วยความอับอาย เขาอุ้มกวนหลิงวิ่งหนีลงจากรถด้วยท่าทีเหมือนกำลังวิ่งมาราธอน รีบขึ้นไปชั้นเก้า หยิบเข็มเงินออกมา รูดซิปด้านหลังพร้อมเปิดใช้งาน ‘เข็มเก้าวิถี’ ขั้นสอง เล็งไปที่จุดฝังเข็ม จากนั้นก็แทงเข็มลงไป
กวนหลิงที่ดิ้นไปมาไม่นานก็หยุดนิ่งและสงบลง ใบหน้าสวยของหล่อนคลายความกังวลใจ
เหอเจ๋อถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ในที่สุดก้อนหินที่กดทับใจของเขาก็ตกลงสู่พื้น ทว่าเขากลับพบปัญหาใหม่
ชุดราตรีของกวนหลิงเป็นแบบชุดเดรสเกาะอกแบบชิ้นเดียว ไม่มีกระดุมทั้งตัว มีเพียงซิปด้านหลังที่คอยพยุงไว้ เมื่อครู่นี้ด้วยความรีบร้อนเหอเจ๋อจึงรูดซิปลง ตอนนี้ชุดที่ไม่มีอะไรรองรับก็หลุดร่วงลงมา…
เอ่อ…
เหอเจ๋อได้รับความรู้ใหม่ ที่แท้บนโลกนี้ก็มีสิ่งที่เรียกว่า ‘เทปปิดจุก’ อยู่ด้วย
โรงแรมหรู จูเทียนหลินและเสี่ยวไฉ่อี้รออย่างร้อนรนเป็นเวลากว่าสองชั่วโมง เล่นถุงยางอนามัยจนพังไปสามอัน… และเบื่อจนต้องเอามือฉีกเล่น ไม่ใช่พวกเขาสองคนเล่นจนพัง ทว่าก็ไม่เห็นแม้แต่เงา สุดท้ายจึงจำใจต้องโทรหาเหอโฮ่วฮวา
เหอโฮ่วฮวาก็ตกใจเช่นกัน เขาส่งคนไปที่ลานจอดรถใต้ดินและพบบอดีการ์ดทั้งสี่กำลังร้องโอดครวญ เมื่อทราบสาเหตุแล้ว เขาก็อดด่าพวกเขาทั้งสี่ว่าเป็นพวกไร้ความสามารถไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาเป็นฝ่ายวางยาก่อน หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป มันจะส่งผลเสียต่อตัวเขาเองอย่างแน่นอน เขาจึงต้องกลืนความขมขื่นนี้ไว้
MANGA DISCUSSION