บทที่ 26 ไม่เห็นแม้แต่เงาเพชร
เหอโฮ่วฮวาขมวดคิ้ว เปิดปากพูดว่า “ฉันจะไปหาหนังสือพิมพ์นั้น ให้เขาไล่นักข่าวหญิงคนนี้ออกดีไหม?”
“แบบนั้นมันดีเกินไป” จูเทียนหลินหัวเราะเยาะ หยิบขวดพลาสติกขนาดเล็กออกมาวางบนโต๊ะ พูดว่า “นี่คือยาที่ฉันได้มาจากผู้วิเศษ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น กินเข้าไปตอนแรกจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สักพักจะรู้สึกพลุ่งพล่าน และสติพร่ามัว…”
เขาหัวเราะลามก พลางกระตุกกางเกงของตัวเองอย่างหยาบคาย และพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะทำให้เธอรู้ว่า ฉันเก่งแค่ไหน!”
เหอโฮ่วฮวาและเสี่ยวไฉ่อี้หัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมกัน พวกเขาทั้งสามคนเคยเป็น ‘พี่น้อง’ ที่ชอบทำเรื่องเสื่อมเสียด้วยกัน
เหอเจ๋อและกวนหลิงเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ สร้างเสียงฮือฮาเล็กน้อย
หนุ่มหล่อคู่สาวสวยมักจะดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่แล้ว ยิ่งทั้งคู่ปรากฏตัวพร้อมกัน ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่ หนึ่งบวกหนึ่ง แต่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
นี่เป็นครั้งแรกที่กวนหลิงถูกผู้คนจ้องมองในใจอดรู้สึกตื่นตระหนกไม่ได้ ใบหน้าแสดงร้อนผ่าวและเก้อเขิน
ในทางกลับกัน เหอเจ๋อกลับมีท่าทางสงบ วางตัวเหมาะสม ไม่รู้สึกประหม่า กวนหลิง มองเขาด้วยความชื่นชมไม่ได้
แต่เธอไม่รู้เลยว่า เหอเจ๋อถูกแม่ของเขาตีอย่างโหดเหี้ยมนับครั้งไม่ถ้วน ความหนาของใบหน้าของเขานั้นอยู่ในระดับที่น่าอัศจรรย์
เสือกระดาษก็คือเสือกระดาษ เหอเจ๋อที่เติบโตมาในสถานที่คับแคบอย่างเมืองหลิน พอได้ยินว่าอาหารบนชั้นวางมากมายสามารถรับประทานได้ฟรี ทันใดนั้นหางจิ้งจอกก็ปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน และเหอเจ๋อก็เริ่มถือจานกินอย่างบ้าคลั่ง
กวนหลิงมองอย่างพูดไม่ออก กำลังจะเตือนให้เขาระงับตัวเองลงบ้าง พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามากระซิบอย่างสุภาพว่า “นักข่าวกวน คุณชายเหอรอคุณอยู่ค่ะ”
กวนหลิงไม่มีทางเลือก นอกจากแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ และออกไปทำงานก่อน
“นักข่าวกวนเชิญนั่ง ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานาน วันนี้ได้เจอตัวจริง สวยสมคำร่ำลือจริง ๆ” เหอโฮ่ววฮวาเห็นกวนหลิงในห้องวีไอพี ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง ต่อมาก็รู้ตัวว่าเสียมารยาท รีบยื่นมือไปแก้ตัว
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ” กวนหลิงแตะมือเขาเบา ๆ แล้วรีบชักมือกลับ หยิบเครื่องอัดเสียงออกมาจากกระเป๋า พูดด้วยท่าทางจริงจังว่า “คุณชายเหอ เริ่มสัมภาษณ์ได้หรือยังคะ?”
นัยน์ตาเหอโฮ่วฮวามองหล่อนอย่างร้อนแรง ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ผมเป็นคนขี้เกรงใจ เราค่อยคุยกันไปก็ได้”
กวนหลิงสังเกตเห็นความผิดปกติในแววตาของเขา ทว่าในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาของอาชีพนักข่าว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอสถานการณ์แบบนี้ หญิงสาวเปิดเครื่องบันทึกเสียงอย่างไม่สะทกสะท้าน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตามข้อกำหนดของบริษัทของคุณ บทสัมภาษณ์นี้ต้องตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้เช้า ดังนั้นควรจะรีบหน่อยนะคะ”
“งั้นก็ได้” เหอโฮ่วฮวากระแอมไอและพูดด้วยความไม่พอใจว่า “ดูเหมือนว่านักข่าวกวนไม่อยากคุยกับผมสักเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นดื่มน้ำสักแก้วคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
กวนหลิงหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่ได้ จึงหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาจิบ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหอโฮ่วฮวาเปล่งประกาย ให้ความร่วมมือในการสัมภาษณ์อย่างกระตือรือร้น
อันที่จริง นี่ก็คือการโฆษณาทางอ้อม กลุ่มบริษัทต้าเหิงจ่ายเงินให้กับหนังสือพิมพ์เพื่อประชาสัมพันธ์ และกวนหลิงก็คุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี เธอถามคำถามที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ราวกับลูกปัดร้อยเส้น
ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็เสร็จงาน กวนหลิงเก็บข้าวของเสร็จ เธอลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมจะออกไป แต่กลับรู้สึกหน้ามืดตาลายขึ้นมาอย่างกะทันหัน พร้อมกับแรงกระตุ้นที่พุ่งขึ้นมาในร่างกาย
“นักข่าวกวน คุณเป็นอะไร?” เหอโฮ่วฮวารีบเข้ามาประคองเธอไว้ และแสร้งทำเป็นถาม
อาการหน้ามืดตาลายรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กวนหลิงกัดฟันแน่น ใช้สติที่เหลืออยู่สุดท้ายผลักเขาออกไป พูดว่า “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ปล่อยฉัน”
“โอ้โห นักข่าวกวนหน้าคุณแดงขนาดนี้ จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงครับ? พักอยู่ที่นี่ก่อนแล้วค่อยออกไปเถอะ” เหอโฮ่วฮวาทำท่าเป็นห่วงใยจอมปลอม ไม่สนใจว่ากวนหลิงจะยินยอมหรือไม่ เขาฉุดเธอไปที่โซฟา
กวนหลิงคลับคล้ายคลับคลาว่าตัวเองตกหลุมพรางเข้าแล้ว ทว่าร่างกายอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถขัดขื่น ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการ
เหอโฮ่วฮวาลากเธอไปที่โซฟา รออีกสักพัก เมื่อมั่นใจว่ายาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ก็ปรากฏรอยยิ้มหื่นกระหาย เมื่อตบมือ ก็มีบอดีการ์ดชุดดำสี่คนเดินเข้ามาจากด้านนอก
“เอาเธอไปส่งไว้ที่เดิม รอฉันด้วย”
เห็นได้ชัดว่าบอดีการ์ดทั้งสี่คนคุ้นเคยกับภาพนี้ดี แววตาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พยุงกวนหลิงและพาเธอออกไป
ในห้องโถงที่พลุกพล่าน เหอเจ๋อทนต่อสายตาดูถูกของพนักงานเสิร์ฟ กินจุกจิกไปทั่ว ไม่นานก็อิ่มจนจุก
หลังจากกินอิ่มดื่มพอ อิ่มท้องนอนคิดเรื่องราคะ นัยน์ตาอันธพาลของเขาก็กวาดสายตาไปทั่ว
“เฮอะ ๆ พวกออกแบบชุดราตรีพวกนี้ช่างเข้าใจผู้ชายจริง ๆ ส่วนที่ควรเปิดเผยก็ไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย”
“ว้าว กางเกงในสตริงในตำนานนี่นา เมื่อก่อนได้ยินแต่ชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ช่างเป็นการประดิษฐ์ของอัจฉริยะจริง ๆ”
เหอเจ๋อเหมือนกับหลิวเหลาเหลาเข้าไปในสวนต้ากวนหยวน มองอะไรก็แปลกตาไปหมด ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ลูบท้องแล้วพึมพำอย่างเกียจคร้านว่า “พวกเขาบอกว่าคนกินเป็นสายตาสั้น ดังนั้นครั้งนี้จะไม่คิดค่าบริการจากคุณ”
บอดีการ์ดสี่คนมักจะทำเรื่องช่วยคนชั่วแบบนี้อยู่เป็นประจำ ถือว่าเป็นเรื่องคุ้นเคยสำหรับพวกเขา สองคนประคองกวนหลิง อีกสองคนคอยคุ้มกันด้านนอก แล้วแอบเดินไปตามกำแพง คนทั่วไปคงไม่สังเกตเห็นพวกเขาแน่
หลังจากเดินออกจากประตูใหญ่ได้อย่างราบรื่น พวกเขาก็มาถึงลานจอดรถใต้ดิน ขึ้นรถเบนซ์ธุรกิจและวางกวนหลิงไว้ที่เบาะหลัง สตาร์ตรถเตรียมจะออกไป ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่มาขวางหน้ารถ
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ ออกไปให้พ้น ระวังจะถูกชนตาย!” บอดีการ์ดที่ขับรถอารมณ์ร้อน อดตะโกนด่าไม่ได้
ชายหนุ่มถูกด่าแต่ก็ไม่โกรธ พูดด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “ผมเป็นพนักงานขายเพชร แต่ดันทำกล่องหล่นโดยไม่ได้ตั้งใจ เพชรกระจายเต็มพื้นไปหมด กำลังคิดว่าจะเก็บยังไงดี”
บอดีการ์ดทั้งสี่คนสบตากัน เห็นความโลภในดวงตาของกันและกัน เพชรเป็นของดี ตกเต็มพื้นใครจะเห็น ถ้าหยิบเอาไปได้สักสองสามเม็ด ก็รวยแล้ว
คิดแบบนี้แล้ว ทั้งสี่คนก็แสร้งทำเป็นพูดว่า “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพวกเราจะลงไปช่วยเก็บให้เอง”
“ขอบคุณมาก มันอยู่ใกล้ล้อรถพอดี ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงดี” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณด้วยสายตาที่ไม่รู้ถึงอันตราย พูดขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
แสงไฟในลานจอดรถใต้ดินค่อนข้างสลัว ชายทั้งสี่คนลงจากรถคุกเข่าอยู่ข้างล้อรถ เพ่งสายตาอยู่ครู่ใหญ่ ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาเพชร
“หนุ่มน้อย นายแน่ใจนะว่าตกอยู่แถวนี้?”
“ไม่ผิดแน่ครับ ตกเยอะมาก เป็นกองเลย”
“ไม่น่าใช่นะ ทำไมพวกเราไม่เห็นสักเม็ดเลย?”
“งั้นผมก็ ‘ทำตก’ ให้พวกคุณอีกหน่อยแล้วกัน”
MANGA DISCUSSION