บทที่ 18 สำนักหมอเทวดา
ในที่สุด หลังจากพยายามอยู่นาน เหอเจ๋อก็พบว่าสาเหตุที่แท้จริงคือผู้เฒ่าหวงไม่ยอมไปพบแพทย์
เพราะชายชราวัยหกสิบกว่าคนนี้รู้ชะตากรรมของตัวเองมานานแล้ว
ถ้าให้พูดตามตรง สำหรับอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากอาการภายในที่รุนแรง ยิ่งอายุมากขึ้น ร่างกายก็ยิ่งทรุดโทรมลงตามอายุ กระทั่งกลายเป็นแบบนี้ในที่สุด
ทว่าเหอเจ๋อไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านนี้เลย
แต่ถึงเหอเจ๋อจะไม่มีประสบการณ์ แต่อาจมีคนหนึ่งที่มีประสบการณ์
เหอเจ๋อคิดสักพัก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วเดินออกจากห้อง เพื่อกดโทรหาแม่
เหอเจ๋อ “แม่”
แม่ [เป็นยังไงบ้าง ตรวจเจออะไรหรือยัง?]
เหอเจ๋อ “ยังไม่มี”
แม่ [ถ้าอย่างนั้นฉันจะวางสายนะ]
“เดี๋ยวก่อนแม่ คราวนี้ผมมีเรื่องอยากปรึกษา”
แม่ไม่ได้วางสาย เหอเจ๋อรีบเล่าอาการของหวงเทียนเหยาให้ฟังคร่าว ๆ ทันที
ปลายสายนิ่งเงียบ ไม่มีเสียงตอบรับอะไร
เหอเจ๋อ “แม่? เสียงแม่ไม่ค่อยดีเหรอ ทำไมไม่พูดเลย”
แม่ [ฮ่าฮ่า…]
เหอเจ๋อ “…”
เหอเจ๋อทนไม่ไหวถามต่อ “เป็นยังไง มีทางรักษาไหม?”
แม่ [มีก็มี แต่ว่ายุ่งยากเกินไป ขี้เกียจพูด]
“แม่อย่าเป็นแบบนี้สิ ยังไงก็เป็นชีวิตคนนะ” เหอเจ๋ออึ้งไปเล็กน้อย
แม่ [แกจะช่วยจริง ๆ เหรอ?]
เหอเจ๋อ “ผมจะลองดู”
“อย่างแรก ต้องฝึกฝนวิทยายุทธ์ให้บรรลุถึงขั้น ‘เจินชี่เจียงเจี่ย’ จนสามารถปล่อยพลังออกมาภายนอกได้ และต้องฝึกฝน ‘เข็มวิเศษเก้าจักร’ ให้ถึงระดับชั้นที่สาม โดยทำการฝังเข็มทุก ๆ สามวัน ควบคู่ไปกับการใช้ ‘โสมร้อยปี’ หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ผสมกับตังกุ่ย หงเจ่า โกวฉี ซึ่งเป็นยา ทานต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งเดือน ด้วยวิธีนี้ อาการบาดแผลภายในจากอาการบาดเจ็บจะค่อย ๆ ฟื้นฟู ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิม แต่การมีชีวิตอยู่ต่ออีกสิบกว่าปีก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายนี้ เหอเจ๋อก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงบอกว่ายากเกินไป
ประการแรก คือพลังยุทธ์ของเขา ตอนนี้พลังของเขาเพิ่งจะถึงขั้น ‘ขั้นทวียุทธ์’ เท่านั้น ขั้นของพลังยุทธ์โบราณแบ่งเป็นสี่ขั้น ได้แก่ ‘ขั้นเบิกยุทธ์’ หรือขั้นเริ่มต้น ‘ขั้นทวียุทธ์’ สามารถใช้พลังชี่เสริมพลังตัวเองได้ ‘ขั้นชาญยุทธ์’ หมายถึงสามารถใช้พลังปราณได้อย่างคล่องแคล่ว และสุดท้ายคือ ‘ขั้นหลอมกลืน’ ผสานเข้ากันกับธรรมชาติ
ขณะนี้เหอเจ๋ออยู่ในขั้น ‘ขั้นทวียุทธ์’ ดังนั้นทักษะการต่อสู้ของเขาจึงเหนือกว่าคนทั่วไป คนเดียวสู้สิบกว่าคนไม่ใช่ปัญหา
แต่เขายังห่างไกลจากขั้นทวียุทธ์อยู่มาก
ประการที่สอง คือการฝึกฝน ‘เข็มวิเศษเก้าจักร’ ให้ถึงระดับชั้นที่สาม ในเรื่องนี้ เหอเจ๋อความมั่นใจอยู่บ้าง ‘เข็มวิเศษเก้าจักร’ เป็นศาสตร์การแพทย์ที่สืบทอดมาในตระกูลของเหอเจ๋อ เขาฝึกฝนมาเป็นเวลากว่าสิบปี จึงมีความเชี่ยวชาญในการใช้เข็มเงินเป็นอย่างมาก
ทว่าเมื่อเทียบกับประการที่สาม ความยากของประการแรกนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
ให้ตายสิ เหอเจ๋อจะไปหาโสมร้อยปีที่ใช้ทำยามาจากที่ไหน?
“ด้วยระดับของแกในตอนนี้ ก็แค่เพียงพอที่จะช่วยบรรเทาอาการของเขาได้เท่านั้น ส่วนเรื่องช่วยชีวิตคน ลืมไปได้เลย ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันนัดเล่น LOL กับคนอื่นไว้แล้ว” แม่พูดจบก็วางสายไป
เหอเจ๋อไม่มีคำจะพูด โอโห้ อายุขนาดนี้แล้ว ยังติดเกมอยู่อีก!
เหอเจ๋อถอนหายใจ แล้วกลับเข้าห้องไป
เมื่อเห็นว่าเหอเจ๋อมีท่าทีซึมเซา หวงเทียนเหยาจึงยิ้มเยาะ “ฉันบอกแล้วไงว่ามันไม่มีทางรักษาได้ คุณก็ไม่ยอมเชื่อ”
“ใครบอกว่ารักษาไม่ได้? แค่ยุ่งยากหน่อยเท่านั้น”
เหอเจ๋อพลางเล่าสิ่งที่แม่บอกเขาซ้ำอีกครั้ง
ตอนแรก ปู่หวงก็ยังไม่ค่อยเชื่อ แต่พอได้ยินคำว่า ‘เข็มวิเศษเก้าจักร’ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“คุณรู้วิชาเข็มวิเศษเก้าจักร?”
เหอเจ๋อพยักหน้า “มีอะไร?”
“สิ่งนั้นคือวิชาลับของสำนักหมอเทวดา คุณรู้จักมันได้ยังไง?” หวงเทียนเหยามองเหอเจ๋อด้วยสีหน้าที่แปลกไป
เหอเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกน้อยใจ เขาจำเป็นต้องโกหกคนแก่ด้วยเหรอ? แล้วสำนักหมอเทวดาคืออะไร?
“สำนักหมอเทวดาคืออะไร? วิชาแพทย์นี้ผมเรียนมาจากแม่”
หวงเทียนเหยาได้ยินดังนั้นก็งงไปด้วย จึงถามว่า ‘เขาไม่รู้จักสำนักหมอเทวดาเหรอ?’
เหอเจ๋อส่ายหน้า “ผมไม่รู้จัก”
หวงเทียนเหยาเงียบไป ในฐานะที่เป็นหมอมานาน ประกอบกับเป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณ เขาย่อมรู้จักสำนักลับที่ซ่อนตัวอยู่ใต้สังคมสมัยใหม่นี้ดี
หลายปีก่อน เขามีโอกาสได้เห็นเข็มวิเศษเก้าจักร ครั้งนั้น คนใช้เข็มสามารถช่วยคนป่วยที่กำลังจะตายให้ฟื้นคืนชีพได้
ทว่าเข็มวิเศษเก้าจักรเป็นวิชาลับที่ไม่ถ่ายทอดของสำนักหมอเทวดา แล้วจะไปอยู่ในมือคนนอกได้ยังไงกัน?
หวงเทียนเหยามองเหอเจ๋ออย่างสงสัย ในใจคิดว่า หรือว่าเข็มวิเศษเก้าจักรที่หนุ่มน้อยคนนี้พูดถึง ไม่ใช่เข็มวิเศษเก้าจักรของสำนักหมอเทวดา?
เหอเจ๋อเห็นหวงเทียนเหยายังคงสงสัย จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ผู้เฒ่าหวง ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมสามารถฝังเข็มให้ได้ตอนนี้เลย อย่างน้อยก็สามารถระงับอาการไอลงได้”
แม้ว่าฝีมือของเหอเจ๋อจะอยู่ในระดับจินอู ยังไม่ถึงขั้นที่จะปล่อยพลังจินออกมาได้ แต่เขาก็พอจะฝืนส่งพลัง ‘จิน’ เข้าไปในเข็มเงินได้ วิธีนี้ช่วยบรรเทาอาการป่วยของหวงเทียนเหยาได้บ้าง
หวงเทียนเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้าตกลง “ถ้าเป็นเข็มวิเศษเก้าจักรจริง ฉันก็ลองได้”
ที่จริงแล้ว หวงเทียนเหยาคิดอยากลองดูว่า ‘เข็มวิเศษเก้าจักร’ ที่เหอเจ๋อพูดถึงนั้น เป็นวิชาลับของสำนักหมอเทวดาจริงหรือไม่ ส่วนเรื่องการรักษา… ค่อยว่ากันทีหลังก็ได้
ถ้าเหอเจ๋อรู้ความคิดของหวงเทียนเหยาคงจะโกรธจนตายกันพอดี
โชคดีที่เหอเจ๋อไม่รู้
เดิมทีเหอเจ๋อตั้งใจจะเริ่มรักษาในทันที เขาให้หวงเทียนเหยาถอดเสื้อเตรียมการฝังเข็ม แต่แล้วหวงจิงจิงก็เดินเข้ามา
“ทำอาหารเสร็จแล้ว กินข้าวกันก่อนเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหอเจ๋อก็รีบพยักหน้า “ผมหิวมาครึ่งค่อนวันแล้ว ขอไม่เกรงใจนะ”
สีหน้าของหวงเทียนเหยาซับซ้อนมาก แต่ต่อหน้าหลานสาวเขาต้องข่มใจเอาไว้
ทั้งสามคนมานั่งที่ห้องรับแขก เหอเจ๋อพบว่าหวงจิงจิงจัดอาหารไว้พร้อมแล้ว
มีสามอย่างกับหนึ่งซุป บวบผัดไข่ ปลาตะเพียนนึ่ง ไข่นึ่ง และซุปปอดหมูผักบุ้งฝรั่ง
ล้วนเป็นอาหารรสชาติรสชาติอ่อน เหมาะกับหวงเทียนเหยา แค่เห็นหน้าตาอาหารก็ทำให้เหอเจ๋อถึงกับต้องกลืนน้ำลาย
“อย่ามองหลานสาวฉันจนน้ำลายไหล!” หวงเทียนเหยาจ้องเหอเจ๋ออย่างขุ่นเคือง
เหอเจ๋อไม่ยอมถอย “คุณมองหลานสาวคุณเป็นจานอาหารหรือไง?”
หวงเทียนเหยา “…”
ฝีมือการทำอาหารของหวงจิงจิงถือว่าไม่เลว แม้รสชาติจะอ่อนไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น เหอเจ๋อก็ยังกินข้าวหมดไปสองถ้วยใหญ่
ระหว่างทานอาหาร หวงจิงจิงถามเหอเจ๋อว่ามีวิธีรักษาคุณปู่ของเธอหรือไม่
เหอเจ๋อจึงอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันคร่าว ๆ
หวงเทียนเหยาจ้องเหอเจ๋อหลายครั้ง เหอเจ๋อจึงต้องปิดบังความร้ายแรงของอาการป่วยของหวงเทียนเหยาเอาไว้
“อาการป่วยของคุณปู่ไม่ร้ายแรง แต่ถ้าปล่อยไว้โดยไม่รักษาก็คงจะยุ่งยาก ถ้ามีโสมร้อยปี ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร” สุดท้ายเหอเจ๋อถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
“โสมร้อยปีเหรอ? ถ้า… ต้นโสมของพวกเรายังอยู่ น่าจะเอาไปแลกที่ร้านฮุ่ยเหรินได้นะ?” หวงจิงจิงพูดขึ้นมาทันที
“จิงจิง เรื่องนี้ไม่ต้องพูดแล้ว” หวงเทียนเหยาหยุดคำพูดของหลานสาว
ส่วนเหอเจ๋อที่ได้ยินประโยคนี้ ดวงตาเป็นประกายวาววับ สิ่งเดียวที่สามารถแลกกับโสมร้อยปีได้ก็คือโสมร้อยปีเท่านั้น
นั่นหมายความว่าพวกเขามีโสมร้อยปีจริง ๆ เหรอ?
MANGA DISCUSSION