บทที่ 177 แผนการถูกเปิดโปง
เหงื่อผุดขึ้นที่ฝ่ามือของเสี่ยวม่าน สมองของเธอกำลังทำงานอย่างรวดเร็ว เธอตระหนักว่าตัวเองกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต
จะได้เป็นนกที่บินขึ้นไปเกาะกิ่งไม้และกลายเป็นหงส์ หรือจะยังคงเป็นหญิงขายบริการ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำตอบของคำถามนี้
“รอย…รอยแผลเป็นเหรอ?” เธอพูดอึกอักพลางมองสำรวจเหอเจ๋อตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับอยากมีตาทิพย์เพื่อมองทะลุเขาไปทั้งข้างนอกข้างใน
เหอเจ๋อยิ้มบาง ๆ แล้วเตือนว่า “รอยแผลเป็นนี้เห็นได้ชัดเจนมาก แค่ถอดเสื้อผ้าออกก็มองเห็นได้แล้ว”
ภายใต้สายตาของทุกคน เสี่ยวม่านไม่อาจถ่วงเวลาได้นานนัก เธอเม้มริมฝีปากแล้วลองตอบอย่างไม่มั่นใจว่า “อยู่ที่เอว?”
เหอเจ๋อไม่ตอบ แต่ย้อนถามว่า “คุณแน่ใจกับคำตอบนี้ไหม?”
เสี่ยวม่านรีบส่ายหน้า เธอไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไปง่าย ๆ จึงมองขอความช่วยเหลือไปทางเฝิงซือรุ่ย
เฝิงซือรุ่ยก็ตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าเหอเจ๋อจะมีไม้เด็ดแบบนี้ เขาไม่เคยทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับเหอเจ๋อ จึงตอบไม่ได้แน่นอน
ตอนนี้คนที่มีหูมีตาก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ สายตาเริ่มเต็มไปด้วยความสงสัย
เหอเจ๋อถอนหายใจแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “คุณผู้หญิง ถึงตอนนี้แล้วคุณยังจะโกหกอีกเหรอ แล้วคุณก็เอาหมอนที่ยัดไว้ใต้เสื้อออกได้แล้ว ผมจับชีพจรคุณแล้ว ทุกอย่างปกติดี คุณไม่ได้ท้อง”
ใบหน้าของเสี่ยวม่านเต็มไปด้วยความอับอาย เธอก้มหน้าลูบท้อง พูดไม่ออก
หวังเหมยสีหน้าเคร่งขรึม พูดเสียงเย็นชาว่า “เธอแอบอ้างและใส่ร้ายคนอื่นโดยเจตนา เห็นแก่ที่เธอเป็นผู้หญิง บอกมาซะว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นก็เตรียมตัวติดคุกได้เลย!”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ติดคุก’ เสี่ยวม่านก็ตกใจ เธอมองไปทางหยางเฟิงทันที
ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็เห็นได้ชัด
หวังเหมยก้าวยาว ๆ เข้าไปหา ไม่พูดพร่ำ เธอยกแขนขึ้นแล้วต่อยหน้าหยางเฟิงไปหนึ่งที
“นายกล้าดียังไง สั่งให้ผู้หญิงมาทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ นายยังมีหน้าอีกเหรอ”
จนถึงตอนนี้ หลายคนถึงได้นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนฝึกวิชาต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก เป็นคนดุร้ายชอบใช้ความรุนแรง
ใบหน้าด้านหนึ่งของหยางเฟิงบวมขึ้นมา เขาจ้องหวังเหมยอย่างเคียดแค้น “ใครบอกให้เธอมายุ่งเรื่องชาวบ้าน”
หวังเหมยเบิกตาโพลง ดวงตาคมกริบ แล้วพูดเสียงเย็นชาพร้อมรอยยิ้มเยาะ “หลายปีที่ไม่ได้เจอ ดูเหมือนจะเก่งขึ้นนะ ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเคยตีนายจนต้องคุกเข่าขอร้องยังไง”
เมื่อนึกถึงฝันร้าย หยางเฟิงก็สะดุ้งโหยง ดวงตาฉายแววหวาดกลัว
เหอเจ๋อย่อมไม่คิดว่าคนที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนจะใส่ร้ายตนเองโดยไม่มีเหตุผล เขาจ้องมองเฝิงซือรุ่ยที่มีสีหน้าเคร่งเครียด แล้วพูดด้วยรอยยิ้มกึ่งเย้ยหยัน “ซือรุ่ย นายไม่พูดอะไรบ้างเหรอ”
เฝิงซือรุ่ยรู้ดีว่าแผนการใส่ร้ายของตนพังไม่เป็นท่าแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะอับอายขายหน้า เขาจึงแค่แค่นเสียงฮึอย่างเย็นชาแล้วเดินจากไป
หยางเฟิงกับหลิวเฉินสบตากันแวบหนึ่ง แล้วตามหลังเขาไปด้วยท่าทางหดหู่
เสี่ยวม่านอดกลั้นความสงสัยในใจไม่ไหว จึงรวบรวมความกล้าถามว่า “คุณชายเหอ ช่วยบอกคำตอบฉันได้ไหม?”
เหอเจ๋อยิ้มน้อย ๆ เขายังไม่ทันพูด หานสาวก็รีบพูดแทรกขึ้นมา “เธอโดนหลอกแล้ว เขาไม่มีแผลเป็นบนตัวสักนิดเดียว”
เสี่ยวม่านตกตะลึง แล้วยิ้มให้ทั้งสองคนอย่างมีนัยยะ ก่อนจะหมุนตัวจากไป
หานสาวรู้สึกถึงสายตาประหลาดของทุกคนที่มองมา จึงพึมพำอย่างงุนงง “เป็นอะไรกัน? ฉันไม่ได้พูดผิดนี่ เขาตัวขาวสะอาด ไม่มีแผลเป็นจริง ๆ นะ”
หวังเหมยถอนหายใจเบา ๆ อย่างอิจฉา “ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแล้วเธอก็เร็วกว่าฉันก้าวหนึ่ง”
หานสาวเพิ่งรู้ตัว ใบหน้าแดงก่ำ รีบอธิบายอย่างลนลาน “ไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิดนะ พวกเราเคยว่ายน้ำด้วยกันมาก่อน ฉันถึงได้รู้น่ะ”
แต่พูดแบบนี้กลับยิ่งดูเหมือนแก้ตัว ทุกคนต่างมีสีหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจดี
ดังนั้น งานเลี้ยงรุ่นที่แต่เดิมไม่เกี่ยวข้องกับเหอเจ๋อเลย เขากลับกลายเป็นตัวเอกที่ได้รับความสนใจไปโดยปริยาย
……
เช้าวันรุ่งขึ้น เหอเจ๋อสวมเสื้อคลุมนอน เดินมาที่ห้องอาหารด้วยสีหน้าง่วงงุน
“ทำไมดูไม่มีแรงขนาดนั้น เมื่อคืนไปทำอะไรมา?” จางเหวินฉีวางเอกสารในมือลง เงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัย
เหอเจ๋อทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ พูดอย่างไม่มีชีวิตชีวา “ก็เพราะงานเลี้ยงรุ่นของหานสาวนั่นแหละ คนเยอะแยะมารุมกรอกเหล้าผม”
ร่างกายเขาแข็งแกร่ง จึงไม่ถึงกับเมา แต่หวังเหมยกับหานสาวสองคนนี่สิ นอกจากดื่มไม่เก่งแล้ว ยังเป็นคนเมาที่น่ารำคาญ พอดื่มมากเข้าก็พูดจาไร้สาระ สองคนนั้นพอกอดกันร้องไห้สักพัก แล้วก็หัวเราะร่าอีกพัก ทำเอาเขาไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี วุ่นวายอยู่จนดึกดื่น กว่าจะส่งพวกเธอกลับบ้านและจัดการให้เรียบร้อยได้
“ทำไมนายถึงไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นของหานสาวล่ะ?” จางเหวินฉีตาเป็นประกาย “หรือว่าความสัมพันธ์ของพวกนายก้าวหน้าถึงขั้นนั้นแล้ว?”
เหอเจ๋อขมวดคิ้วมุ่น แล้วเล่าเหตุผลที่ไปร่วมงานเลี้ยงเมื่อคืนให้ฟังอย่างคร่าว ๆ
จางเหวินฉีฟังจบแล้วลูบคางพลางครุ่นคิดก่อนพูดว่า “ปัญหานี้สำคัญมาก ถ้านายโดนนอกใจแล้วเรื่องแพร่ออกไป ทั้งบริษัทภาพยนต์เหอจะต้องอับอายไปด้วย”
เหอเจ๋อพยักหน้าเห็นด้วยแล้วบ่นอย่างน้อยใจ “ใช่ไง เพราะแบบนี้ผมถึงได้จำใจไปร่วมงาน”
จางเหวินฉีตบเข่า พูดอย่างจริงจังว่า “นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาว เพื่อความปลอดภัย ให้ฉันแนะนำคนใหม่ให้นายอีกคนไหม จะได้เหยียบเรือสองแคม แบบนี้ถ้าเกิดนายโดนนอกใจขึ้นมา ก็ถือว่านายเป็นฝ่ายเตะเธอทิ้งแทน”
เหอเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงเบาว่า “พี่นี่มันพี่สาวแท้ ๆ ของผมจริง ๆ เลยนะ”
“แน่นอนสิ” จางเหวินฉียิ้มอย่างภาคภูมิใจ พูดด้วยสีหน้าคาดหวัง “ในเมื่อนายตกลงแล้ว ฉันจะช่วยหาให้สองคนเลยนะ”
“ตกลงบ้าอะไรล่ะ!” เหอเจ๋อกลอกตาพลางพูดอย่างหงุดหงิด “ผมกับหานสาวแค่แกล้งทำเป็นคู่รักกันเท่านั้น อีกไม่นานก็จะชี้แจงแล้ว พี่ไม่ต้องมาจับคู่ให้ผมหรอก”
จางเหวินฉีรับปากอย่างเต็มปาก แต่ดูจากสายตาที่กวาดไปมาของเธอแล้ว ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
“อ้อ ยังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกนายด้วย เกี่ยวกับรายการน่ะ เนื่องจากจำนวนคนไม่พอ การแข่งขันรอบสุดท้ายจะใช้รูปแบบใหม่ทั้งหมด”
“ตามหาสมบัติในเมืองโบราณกลางทะเลทราย?” เหอเจ๋อตาไว เหลือบเห็นเอกสารบนโต๊ะแล้วอ่านออกมา
“ใช่แล้ว” จางเหวินฉีดีดนิ้วดังเปาะ ยิ้มพลางพูดว่า “จริง ๆ แล้วนี่ก็เป็นการโฆษณาแฝงด้วย นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่ ว่ากันว่าสร้างขึ้นโดยอาศัยซากเมืองโบราณ ลงทุนในขนาดใหญ่มาก ตอนนี้กำลังประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ พวกเขาสนใจชื่อเสียงของรายการเรา และให้ค่าโฆษณาเราเป็นจำนวนมาก เลยเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา”
MANGA DISCUSSION