บทที่ 173 งานเลี้ยงรุ่น
เฝิงซือรุ่ยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “พวกนายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเรื่องแบบนี้”
หลิวเฉินที่ตัวเตี้ยกว่าร้องเสียงดังอย่างตกใจว่า “ซือรุ่ย ไม่จริงใช่ไหม? นี่นายไม่เคยมีแฟนมาตลอดหลายปีนี้ ยังคิดถึงเธอคนนั้นอยู่เหรอ?”
เฝิงซือรุ่ยถอนหายใจแล้วพูดอย่างเนิบนาบว่า “หญิงงามหายาก จะให้ฉันสนใจพวกผู้หญิงธรรมดา ๆ ได้อย่างไร”
“ซือรุ่ยช่างเป็นราชาแห่งความรักจริง ๆ ให้ฉันรอผู้หญิงคนหนึ่งมานานขนาดนี้ ฉันคงทำไม่ได้แน่” หยางเฟิงชูนิ้วโป้งพูดอย่างทึ่ง
หลิวเฉินลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “ซือรุ่ย ช่วงนี้ได้ยินข่าวลืออะไรบ้างไหม”
“ข่าวลือ? หมายความว่ายังไง”
“พวกนายก็รู้ว่าน้องสาวฉันชอบดูรายการวาไรตี้ เมื่อวานตอนกินข้าว ฉันได้ยินเธอพูดว่า หานสาวดูเหมือนจะคบกับผู้ชายคนหนึ่งในรายการวาไรตี้รายการหนึ่ง”
“อะไรนะ? หานสาวเป็นคนวางตัวดีมาตลอด ไม่เคยมีข่าวฉาวเลย นายแน่ใจนะว่าไม่ได้เข้าใจผิด?”
เฝิงซือรุ่ยตกใจมาก คว้าไหล่หยางเฟิงไว้ด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
สองสามวันนี้เขายุ่งอยู่กับการเตรียมงานเลี้ยงรุ่น แทบไม่ได้สนใจเรื่องภายนอกเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรายการวาไรตี้
หยางเฟิงเจ็บจนหน้าเบ้ รีบอธิบายว่า “เรื่องนี้เป็นความจริงแน่นอน ว่ากันว่าเป็นลูกชายของบริษัทภาพยนตร์เหอ ในรายการตอนล่าสุด พวกเขากอดจูบกันต่อหน้าคนมากมาย มีคนเห็นเยอะแยะ ไม่มีทางผิดแน่”
ดวงตาของเฝิงซือรุ่ยวาบไปด้วยแววดุร้าย แต่เขารู้ตัวว่าเสียกิริยาไปจึงสูดหายใจลึก แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่เป็นไร ฉันเชื่อใจหานสาว นี่คงเป็นแค่การปั่นกระแสของรายการ เธอคงจำใจต้องทำ”
หยางเฟิงกับหลิวเฉินไม่กล้าพูดอะไรอีก รู้จักกันมาหลายปี พวกเขารู้นิสัยของเฝิงซือรุ่ยดี คนคนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเสือที่ยิ้มแย้ม ยิ่งหน้ายิ้มแจ่มใสเท่าไหร่ ในใจก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น
คงสังเกตเห็นสีหน้าแปลก ๆ ของทั้งสอง เฝิงซือรุ่ยจึงพูดเสียงอ่อนลง มองออกไปนอกหน้าต่างพลางหัวเราะ แล้วพึมพำ “เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว ตอนนั้นฉันจะถามเธอให้รู้เรื่อง ฉันเชื่อว่าจะได้คำตอบที่น่าพอใจ”
เมื่อความมืดปกคลุม แสงไฟสีสันสดใสได้แทนที่แสงอาทิตย์ ทำให้เมืองสว่างไสวอีกครั้ง
พนักงานออฟฟิศที่ทำงานมาทั้งวันในที่สุดก็ได้พักผ่อน วางมือจากงาน มุ่งหน้ากลับบ้านราวกับนกบินกลับรัง
แต่สำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ความมืดคือยากระตุ้นที่ดีที่สุด หลังจากพักผ่อนมาทั้งวัน พวกเขาก็พร้อมออกไปล่าเหยื่อ
ภายใต้แสงไฟหลากสี รถเฟอร์รารี่รุ่นลิมิเต็ดดูราวกับเสือที่กำลังลงจากเขา แม้แต่ในโรงแรมไห่เฟิงที่เต็มไปด้วยรถหรู มันก็ยังโดดเด่นสะดุดตา
“โรงเรียนจื้อหนาน? ชื่อแปลกจังเลย”
เหอเจ๋อเหลือบมองป้ายขนาดใหญ่ที่ทางเข้า แล้วอดบ่นไม่ได้
หานสาวเหลือกตาใส่เขาแล้วอธิบายว่า “นายจะไปรู้อะไร นี่เป็นโรงเรียนเอกชนที่ไม่รับนักเรียนจากภายนอก ข้างในเต็มไปด้วยลูกคนรวย ฉันเลยเกลียดที่สุดทุกครั้งที่ต้องมางานรวมรุ่น พวกเขาชอบแข่งขันกันไม่หยุด น่ารำคาญมาก”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะช่วยเธอสร้างหน้าตา รับรองว่าจะเอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมด!”
“เฮอะ เลิกคุยโวได้แล้ว ตรงกันข้าม ฉันต้องเตือนนายต่างหาก สมัยก่อนฉันเป็นดอกไม้ประจำห้อง อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของผู้ชายในห้องเคยเขียนจดหมายรักให้ฉัน นายควรระวังตัวหน่อย อย่าให้กลายเป็นที่ระบายอารมณ์ล่ะ”
ทั้งสองคนเดินทางมาด้วยกันพลางหยอกล้อกันไปมา แต่พอถึงงานจริง ๆ ก็ไม่ต้องเตือนอะไร ทั้งคู่ก็เรียบร้อยขึ้นมาทันที
หานสาวควงแขนเหอเจ๋อ แล้วทั้งสองก็เดินเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยงด้วยกัน
“หานสาวมาแล้ว!”
ไม่รู้ว่าใครตาไวร้องขึ้นมา ห้องโถงที่คึกคักก็เงียบลงทันที ทุกคนหันมามองพร้อมกัน
แม้ว่าโรงเรียนจื้อหนานจะเป็นโรงเรียนเอกชน แต่ภายในก็แบ่งชั้นวรรณะกันอยู่ดี หานสาวมีฐานะที่ดี อีกทั้งช่วงหลายปีมานี้เธอยังปรากฏตัวบนจอใหญ่บ่อย ๆ ในงานรวมรุ่นเธอจึงเป็นบุคคลที่โดดเด่น
แต่สิ่งที่ทำให้คนอื้ออึงกันมากกว่าคือ หานสาวที่ตั้งแต่สมัยเรียนมักจะอยู่คนเดียวเสมอ วันนี้กลับมีผู้ชายอยู่ข้างกาย ทำให้ผู้ชายหลายคนที่เคยเขียนจดหมายรักให้เธอต้องถอนหายใจอย่างเสียดาย
“หานสาว หนุ่มหล่อคนนี้เป็นใครเหรอ? แนะนำหน่อยสิ” สาว ๆ กลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวฉูดฉาดทันสมัยเบียดเข้ามาถามพร้อมกัน
หานสาวไม่มีท่าทางซุกซนเหมือนตอนแรกเลย แต่กลับแสดงออกราวกับเป็นคุณหนูผู้ดีจริง ๆ เธอยิ้มน้อย ๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า “เขาคือเหอเจ๋อ พวกเธอน่าจะรู้จักเขาอยู่แล้ว”
“อ๋อ ที่แท้ก็คุณชายแห่งบริษัทภาพยนตร์เหอนี่เอง ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว สมแล้วที่หล่อมากจริง ๆ”
สาว ๆ กลุ่มนั้นแกล้งทำท่าเหมือนเพิ่งนึกออก มองเขาด้วยสายตาของหมาป่าที่เห็นเนื้อ ดวงตาเป็นประกายราวกับอยากจะกลืนกินเขาทั้งตัว
เหอเจ๋อรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้าตามมารยาทเพื่อทักทาย
แต่สาว ๆ กลุ่มนั้นล้วนเป็นคนฉลาด พวกเธอสังเกตเห็นท่าทางเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาทันที จึงเอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก แล้วแซวว่า “ไม่นึกเลยว่าคุณชายเหอจะขี้อายด้วย หานสาว เธอนี่ได้ของดีไปเลยนะ”
เหอเจ๋อหันไปมองตาหานสาว สีหน้าจริงจังและตั้งใจ ดวงตาสดใสเปล่งประกายวาววับ
หานสาวถูกเขามองจนใจเต้นแรง จึงถามออกไป “นาย…นายมองอะไร?”
“การได้พบเธอ คือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉัน” เหอเจ๋อเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย อ่อนโยนราวกับสายน้ำ
“ว้าว คำพูดโรแมนติกจังเลย”
“ฟังแล้วทำให้คนรู้สึกใจละลายไปเลย อยากให้มีคนมาสารภาพรักกับฉันแบบนี้บ้างจัง”
พวกผู้หญิงกรีดร้องขึ้นมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉาที่ไม่ปิดบังเลย
เหอเจ๋อฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกต ก้มลงกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ พลางหัวเราะคิกคัก “ฮิ ๆ การแสดงของฉันเป็นยังไงบ้าง สามารถเอาชนะพวกเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เธอได้หน้าเต็ม ๆ เลยใช่ไหม?”
หานสาวตื่นจากภวังค์ ถามอย่างงุนงงว่า “ที่นายพูดเมื่อกี้นี้เป็นแค่การแสดงเหรอ?”
เหอเจ๋อตอบอย่างเป็นเรื่องธรรมดา “แน่นอนสิ ดูสายตาของพวกเธอสิ รู้สึกภูมิใจมากเลยใช่ไหมล่ะ”
ดวงตาของหานสาววาบไหวด้วยความผิดหวัง เธอฝืนยิ้มแล้วบ่นว่า “พวกนั้นก็แค่พวกผู้หญิงเห็นแก่เงิน เห็นผู้ชายรวยเป็นไม่ได้ หาความภูมิใจอะไรได้”
“เทคนิคการพูดคำหยาบพร้อมรอยยิ้มของเธอนี่เก่งมากเลยนะ สอนฉันบ้างสิ”
“ได้ นายคุกเข่าคำนับฉันสามครั้งแล้วรับฉันเป็นอาจารย์ก่อน”
“เงื่อนไขของเธอโหดเกินไป ขอเป็นเลี้ยงข้าวสามมื้อแทนได้ไหม…”
MANGA DISCUSSION