บทที่ 16 เธอพาแขกมาด้วยเหรอ?
เมื่อได้ยินคำพูดของหวงจิงจิง เหอเจ๋อตกตะลึง
เขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อตรวจสอบว่าร้านขายยาเทียนเซิ่งจู มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของเหอหย่งฝูหรือไม่
แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอหวงจิงจิงที่นี่ และหล่อนยังขอร้องให้เขาช่วยเหลืออีกด้วย
แต่รอก่อน หวงจิงจิงก็ถือว่าเป็นพยาบาลประจำตัวที่ดูแลเหอหย่งฝู และเธอก็มาจากคลินิกที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ด้วย ถ้าโรงพยาบาลนี้มีโสมเก่าแก่อายุนับศตวรรษ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่หล่อนจะใช้มันลงมือกับเหอหย่งฝู
คิดได้แบบนี้ เหอเจ๋อก็ตัดสินใจว่าอย่างน้อยก็ต้องเข้าไปตรวจสอบ
ดังนั้น เขาจึงถามไปว่า “ปู่ของเธอเป็นหมอที่นี่ใช่ไหม?”
หวงจิงจิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ เขาเป็นหมอที่นี่ แต่ก่อนหน้านี้มีพี่ชายของฉันอีกสองคน แต่พวกเขาทะเลาะกับคุณปู่เมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วก็ออกจากบ้านไปพร้อมกัน”
หวงจิงจิงอธิบายสถานการณ์ของร้านขายยาเทียนเซิ่งจูให้เหอเจ๋อฟังคร่าว ๆ คลินิกมีพนักงานไม่มาก นอกจากคุณปู่ของหวงจิงจิงแล้ว ก็มีแค่อีกสองคน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านปู่
เมื่อไม่กี่วันก่อน ลูกศิษย์ทั้งสองไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอะไร ได้ทะเลาะกับคุณปู่ แล้วก็จากไปพร้อมกัน และเพราะเหตุนี้ คุณปู่จึงป่วยลง
หวงจิงจิง ไม่วางใจให้ตาอยู่คนเดียวที่บ้าน จึงลางานกลับมาดูแลตาสองสามวันนี้
แต่เนื่องจากคุณปู่ไม่ชอบการแพทย์แผนปัจจุบัน ยืนกรานจะรักษาตัวเอง จึงไม่ยอมไปโรงพยาบาล
เพราะคุณปู่ของหวงจิงจิงถือเป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการการแพทย์แผนจีน ทำให้ท่านไม่อยากไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมอาชีพ กลัวถูกเยาะเย้ย
เมื่อลากยาวแบบนี้ คุณปู่ก็นอนป่วยอยู่บนเตียงมาหลายวันแล้วหวงจิงจิงเป็นห่วงมาก แต่ก็ไม่มีทางเลือก
วันนี้เมื่อเห็น เหอเจ๋อก็รู้ว่าหมอหนุ่มคนนี้ไม่ใช่หมอแผนปัจจุบัน และไม่ใช่หมอจีนในเมืองกว่างหนาน การให้เขามารักษาคุณปู่ของหวงจิงจิงจึงเหมาะที่สุด
ฟังถึงตรงนี้ เหอเจ๋อก็พอเข้าใจสถานการณ์แล้ว จึงเดินตามหวงจิงจิงเข้าไปในคลินิกแพทย์แผนจีนทางประตูด้านข้าง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว หวงจิงจิงก็ตะโกนเรียกหมอ “คุณปู่ หนูกลับมาแล้ว”
ห้องด้านในนั้นอยู่ด้านหลังของคลินิก ห้องไม่ใหญ่มาก ประมาณ 50-60 ตารางเมตร
เสียงที่ตอบกลับหวงจิงจิงคือเสียงไอติดต่อกันเป็นชุด
“คุณปู่ไออีกแล้ว” หวงจิงจิงมองเหอเจ๋อด้วยความเป็นห่วง แล้วพาเขาเข้าไปในห้องของคุณปู่ วางของที่ถือมา แล้วเดินไปที่เตียง
“จิงจิง เธอพาแขกมาด้วยเหรอ?” ปู่หวงนอนอยู่บนเตียง เมื่อเห็นหวงจิงจิงเดินเข้ามา ก็ลุกขึ้นนั่ง
เมื่อคุณปู่หวงเห็นเหอเจ๋อ สายตาของเขาก็กระตุกไปวูบหนึ่ง
“คุณปู่ นี่คือคุณเหอเจ๋อ… เขาเป็นหมอค่ะ” หวงจิงจิงเดินไปที่ข้างเตียงของคุณปู่หวง แนะนำเหอเจ๋อให้คุณปู่หวงอย่างระมัดระวัง
พอได้ยินว่าเหอเจ๋อเป็นหมอ สีหน้าของปู่หวงก็แย่ลงไปอีก “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ต้องหาหมอ โรคของฉัน ฉันรักษาตัวเองไม่ได้เหรอ?”
คุณปู่หวงคนนี้ชื่อหวงเทียนเหยา บรรพบุรุษของเขาเป็นหมอมาหลายชั่วอายุคน ปู่ของเขาเคยรักษาจักรพรรดิ์สมัยราชวงศ์ชิง เขาฉลาดหลักแหลมมาตั้งแต่เด็ก เป็นหมอมาหลายสิบปี ช่วยชีวิตคนมากมาย
ใช่แล้ว ตอนนี้เขาป่วย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังยืนกรานไม่ไปโรงพยาบาล หรือคลินิกแพทย์แผนจีนอื่น ๆ เพราะปู่หวงคิดว่าด้วยวิชาแพทย์ของเขา ต้องรักษาตัวเองได้แน่นอน ทำไมต้องไปหาหมออีก? ช่างน่าอับอาย!
แต่เวลาผ่านไปหลายวันแล้ว อาการของหวงเทียนเหยาก็ยังไม่ดีขึ้น ทั้งยังอาการแย่ลงเรื่อย ๆ
ถึงอย่างนั้น ปู่หวงก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมไปหาหมอคนอื่น
เมื่อหวงเทียนเหยาได้ยินหวงจิงจิงแนะนำเหอเจ๋อ สิ่งแรกที่เขาคิดคือหัวเราะเยาะ
ลักษณะของเหอเจ๋อคงจะอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ จะมีวิชาแพทย์สูงส่งได้ขนาดไหนกัน?
หวงเทียนเหยาถึงกับไม่ไปขอความช่วยเหลือจากหมอจีนอาวุโสที่มีชื่อเสียงมานาน แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเชื่อใจหนุ่มน้อยคนนี้ล่ะ?
“คุณปู่…”
หวงจิงจิงยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ถูกปู่หวงไล่ออกไปแล้ว
เมื่อยืนอยู่ที่หน้าประตู หวงจิงจิงมองเห่อเจ๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
เธอยังไม่ทันได้พูดเกลี้ยกล่อมคุณปู่เลย ก็ถูกไล่ออกมาแล้ว
“ขอโทษนะ ฉันควรจะบอกปู่ล่วงหน้า แล้วค่อยเชิญคุณมา” หวงจิงจิงก้มหน้าพูดอย่างเขินอาย
เหอเจ๋อกลับไม่ได้ใส่ใจ “ไม่เป็นไร ผมก็แค่บังเอิญผ่านมาทางนี้พอดี แต่ว่า…”
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเป็นไปได้ ผมว่าต้องรีบพาคุณปู่ของคุณไปพบแพทย์โดยด่วนนะ”
“หืม?” หวงจิงจิงงุนงงกับคำพูดของชายตรงหน้า
เหอเจ๋อขมวดคิ้ว และด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เมื่อกี้ผมดูสีหน้าของคุณปู่แล้ว อาการค่อนข้างรุนแรงนะ”
“อะไรนะ? คุณปู่ของฉัน… จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ได้ยินแบบนี้ สีหน้าของหวงจิงจิงก็เปลี่ยนไปทันที
จริง ๆ แล้วเหอเจ๋อเองก็สงสัย ตามหลักแล้วปู่หวงเป็นหมอจีนอาวุโส ไม่น่าจะไม่รู้เรื่องอาการของตัวเอง
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเป็นหวัดจากความเย็น ประกอบกับเมื่อไม่กี่วันก่อนทะเลาะกับลูกศิษย์ ทำให้ตับร้อนและหัวใจเต้นแรง ถึงได้ป่วยหนักขนาดนี้ จริง ๆ แล้ว เมื่อคนเราอายุมากขึ้นถึงจุดหนึ่ง ภูมิต้านทานก็จะลดลง ย่อมเจอปัญหาแบบนี้แน่นอน
คนหนุ่มสาว ถ้าออกกำลังกายเป็นประจำ โรคแบบนี้นอนพักสักก็คงหายได้แล้ว แต่สำหรับคนแก่ ไม่ใช่เรื่องง่าย
หรือว่า…
เหอเจ๋อ นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
“คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะใช้ความรุนแรง” เหอเจ๋อถามหวงจิงจิงอย่างกะทันหัน
“คะ?” หวงจิงจิงงงไปหน่อย เธอไม่เข้าใจความหมายของเหอเจ๋อ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป เธอตามไม่ทัน
“ถ้าผมเดาไม่ผิด อาการของคุณปู่คุณน่าจะรุนแรงมาก ถ้าคุณไม่ว่าอะไรที่ผมจะใช้กำลังเพื่อพังประตูเข้าไปช่วย” เหอเจ๋อพูดออกมาตามตรง
“คุณปู่ของฉัน… อาการรุนแรงมาก?” หวงจิงจิงแทบไม่กล้าเชื่อ
ต้องรู้ว่าหวงเทียนเหยาเป็นหมอจีนที่มีชื่อเสียงในเมืองกว่างหนาน และสืบทอดวิชาแพทย์มาสามรุ่น ฝีมือการแพทย์เก่งกาจ แล้วจะไม่รู้เรื่องอาการของตัวเองได้อย่างไร?
จริง ๆ แล้วการคาดเดาของเหอเจ๋อก็เป็นแบบนี้ คุณปู่ฝีมือการแพทย์เก่งกาจ ควรจะเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองมากที่สุด แต่ทำไมท่านถึงรู้แล้วแต่ไม่พูดล่ะ?
เหตุผลง่ายมาก เพราะเขาคิดว่าตัวเองไม่รอดแล้ว…
อาการป่วยแบบไหน ถึงทำให้หมอจีนอาวุโสที่ฝีมือเก่งกาจเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้
เหอเจ๋อคิดไม่ออกชั่วคราว เขาจึงอยากไปถามให้ชัดเจน
เหอเจ๋อเห็นหวงจิงจิงเสียการควบคุม เขาจึงเดินไปที่หน้าประตูห้องของหวงเทียนเหยา เคาะประตูอย่างสุภาพ
“ผู้อาวุโสหวง วันนี้ผมตั้งใจมาเยี่ยมคุณโดยเฉพาะ พวกเราออกมาคุยกันสักหน่อยไหมครับ” ในฐานะคนหนุ่มที่ได้รับการศึกษาสมัยใหม่มานานกว่าสิบห้าปี เขารู้ดีถึงความสำคัญของการใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง
“ฉันไม่มีอารมณ์คุยกับเธอ ออกไปซะ!”
เหอเจ๋อไม่สนใจคำพูดของหวงเทียนเหยา “ผู้อาวุโสหวง ในเมื่อคุณเชิญผมอย่างร้อนแรงแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอรบกวนด้วย”
เหอเจ๋อพูดพลางออกแรงบิดลูกบิดประตู
MANGA DISCUSSION