บทที่ 154 โดดเด่นเหนือใคร
บริษัทภาพยนตร์เหอทุกปีจะไปเปิดรับสมัครงานที่มหาวิทยาลัย เพียงแค่เธอนั่งอยู่ตรงนั้น แถวคนก็มักจะยาวไปถึงนอกประตูรับสมัคร ทำให้บริษัทอื่น ๆ อิจฉาตาร้อน เคยพยายามเลียนแบบด้วยการหาสาวสวยสองคนมานั่งประจำ แต่เพราะขาดบุคลิกแบบนั้น จึงดึงดูดได้แค่พวกชายหื่นกามเท่านั้น
จางเหวินฉีสวยงามน่าตะลึง คนในบริษัทเห็นบ่อยจนชินตา แม้จะชื่นชมกันในใจ แต่ก็ไม่ถึงกับสร้างความฮือฮาขนาดนี้
สิ่งที่ทำให้ทุกคนเบิกตากว้างคือชายที่อยู่ข้าง ๆ เธอ!
ชุดสูทสีดำที่ร่างสูงโปร่งสวมใส่อย่างสง่างาม ยีนส์ที่ดีของพ่อแม่ปรากฏชัดบนตัวเขา ใบหน้าหล่อเหลาจนหาที่ติไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเขายิ้ม ทุกคนรู้สึกอบอุ่นในใจ ราวกับอารมณ์มืดหม่นที่ซ่อนอยู่ในซอกหลืบได้สลายไปหมดสิ้น
หากทั้งสองปรากฏตัวแยกกัน ก็คงไม่สร้างความฮือฮาขนาดนี้ เพศเดียวกันย่อมมีแต่จะจับผิดกัน
แต่เมื่อทั้งสองปรากฏตัวพร้อมกัน ก็ตอบสนองความต้องการของทุกคนอย่างสมบูรณ์ จึงเกิดภาพที่ทุกคนไม่อาจละสายตาไปจากพวกเขาได้
จางเหวินฉีพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก เธอกระซิบบอก “ลุคที่ฉันออกแบบให้นายไม่เลวใช่ไหมล่ะ? ดูสิ ทำเอาพวกสาว ๆ หลงกันไปหมด”
“ฮ่า ๆ ก็เพราะผมมีพื้นฐานที่ดี หน้าตาหล่อเหลา ช่วยไม่ได้นี่นา!” เหอเจ๋อพูดอย่างไม่อายเลยสักนิด
“เฮอะ ไม่อยากสนใจนายแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันช่วยจัดการให้นาย วันนี้นายต้องโดนซากาตะ ทาคาโยชิเย้ยหยันแน่ ๆ” จางเหวินฉีเบ้ปากพูดอย่างหงุดหงิด
พระอาศัยทองคำประดับ คนอาศัยเสื้อผ้าอาภรณ์
แม้เหอเจ๋อจะมีพื้นฐานไม่เลว แต่ถ้าสวมชุดลำลองแบบเดิม ก็ต้องโดนซากาตะ ทาคาโยชิที่เตรียมตัวมาอย่างดีเย้ยหยันแน่นอน
แต่ตอนนี้…
เขาก้าวเท้าเข้าไปหาซากาตะ ทาคาโยชิที่หลบอยู่ในฝูงชน พูดอย่างกระตือรือร้น “คุณซากาตะ ไม่ได้เจอกันนาน ผมคิดถึงคุณจะแย่”
ด้วยการพัฒนาของอินเทอร์เน็ต ความหมายของคำว่า ‘คิดถึงจะแย่’ เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางแล้ว คนญี่ปุ่นอาจไม่เข้าใจนัยยะ แต่คนจีนในห้องโถงล้วนเป็นคอหนังเก่า ต่างอยากหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า กลั้นหัวเราะจนหน้าแดงก่ำไปหมด
ซากาตะ ทาคาโยชิเห็นว่าหลบไม่พ้นแล้ว จึงจำใจก้าวออกมา พูดภาษาจีนสำเนียงแปร่ง ๆ ว่า “ขอบคุณครับ ผมก็คิดถึงคุณเช่นกัน”
เมื่อเทียบกับเหอเจ๋อที่รูปร่างสูงโปร่ง ซากาตะ ทาคาโยชิในชุดสูทสีขาวดูเหมือนคนผอมแห้ง สาว ๆ ที่เคยชอบเขาก็กลายเป็นคนแปลกหน้าในพริบตา
“คุณคิดถึงอะไรของผมล่ะ?” เหอเจ๋อถามอย่างกะทันหัน ด้วยรอยยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา
ซากาตะ ทาคาโยชิงุนงงทันที เขาเพียงแค่พูดลอย ๆ เหมือนทักทายถามว่า ‘กินข้าวหรือยัง’ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบว่า ‘ฉันยังไม่ได้กิน ไปกินที่บ้านคุณด้วยกันไหม’
เขาไม่ค่อยเชี่ยวชาญภาษาจีนอยู่แล้ว เพิ่งเรียนแบบลวก ๆ เพื่อเข้าร่วมรายการ จะบอกว่าตั้งใจทำให้อับอายต่อหน้าคนอื่นก็ไม่ได้ จึงอึ้งไปชั่วขณะ พูดอะไรไม่ออก
เหอเจ๋อตบไหล่เขาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “คุณซากาตะครับ นี่แหละที่คุณผิด สิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นคนคือความจริงใจ ไม่อย่างนั้นถ้าพูดมั่ว ๆ แบบคุณแล้วถูกจับได้ ก็จะน่าอายมาก”
ท่าทางสอนสั่งแบบผู้อาวุโสของเขาดูตลกไม่ว่าจะมองยังไง ทำให้ทุกคนต้องกลั้นหัวเราะ
ซากาตะ ทาคาโยชิโกรธจนหน้าแดง พูดอย่างแค้นเคืองว่า “แล้วคุณคิดถึงอะไรของผมล่ะ?”
เขาฉลาดพอที่จะใช้กลยุทธ์ย้อนกลับทั้งที่ไม่เคยดูหนัง
เหอเจ๋อยิ้มกว้างแล้วตอบอย่างหน้าด้าน ๆ ว่า “ก็คิดถึงเงินของคุณไงล่ะ ครั้งที่แล้วคุณแพ้พนันผมตั้งยี่สิบล้าน คราวนี้พกเงินมาพอหรือเปล่า?”
ทุกคนหัวเราะลั่น คำตอบตรงไปตรงมาของเหอเจ๋อไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกรำคาญ แต่กลับทำให้นึกถึงเรื่องที่เขาสร้างชื่อเสียงให้ประเทศในการไปญี่ปุ่นครั้งก่อน ยิ่งรู้สึกภูมิใจ
ซากาตะ ทาคาโยชิรู้สึกเสียหน้า จึงพูดเสียงดังว่า “คุณจางเหวินฉีนี่เป็นการต้อนรับแขกของบริษัทภาพยนต์เหอของคุณเหรอครับ? บางทีผมอาจต้องทบทวนเรื่องความร่วมมือใหม่แล้ว”
จางเหวินฉีที่แอบดูอยู่ห่าง ๆ สบถในใจ จำใจต้องออกมาพูดเบา ๆ ว่า “คุณชายเหอชอบพูดล้อเล่นแบบนี้ คุณไม่ต้องถือสาหรอก นี่ก็เป็นวิธีแสดงมิตรภาพอย่างหนึ่ง”
ซากาตะ ทาคาโยชิด่าในใจ แต่ยังต้องรักษาท่าทีภายนอก พูดอย่างกัดฟันว่า “วิธีแสดง ‘มิตรภาพ’ แบบนี้ช่างแปลกจริง ๆ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
เหอเจ๋อรับคำ ยิ้มพลางพูดว่า “วัฒนธรรมจีนลึกซึ้ง คุณอยู่ในเกาะเล็ก ๆ มานาน ไม่มีประสบการณ์ก็เป็นเรื่องปกติ ต่อไปค่อย ๆ เข้าใจเอง”
ซากาตะ ทาคาโยชิ “…”
เขาถูกกดดันจนพูดอะไรไม่ออก แทนที่จะอยู่ที่นี่ให้อับอาย เขาจึงสะบัดแขนเดินจากไป ขึ้นชั้นบนอย่างโกรธ ๆ แต่ท่าทางดูเหมือนหนีอย่างไม่เป็นท่า
ทุกคนในห้องโถงหัวเราะลั่น ซากาตะ ทาคาโยชิคิดว่าตัวเองเป็นที่นิยม แต่จริง ๆ แล้วทุกคนรู้สึกรำคาญกับท่าทางเสแสร้งแบบคุณชายและน้ำเสียงที่แสดงความเหนือกว่าของเขา ตรงกันข้ามกับคุณชายของพวกเขาที่ทั้งหล่อและจริงใจ ไม่เสแสร้งเลย ไม่นานชื่อเสียงของเหอเจ๋อก็แพร่กระจายไปทั่วบริษัท
แม้จะทำให้อีกฝ่ายเสียหน้า แต่การเจรจาก็ต้องดำเนินต่อไป
จางเหวินฉีลากเหอเจ๋อขึ้นไปห้องประชุมชั้นบน ทุกคนที่รับผิดชอบการเจรจารายการใหม่อยู่ที่นั่น
การโต้เถียงกันอย่างดุเดือดเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทั้งหมดนี้เป็นรายละเอียดในการถ่ายทำ เหอเจ๋อไม่เข้าใจเลย จึงพูดอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งเงียบ ๆ
แต่ท่าทางของเขาในสายตาพนักงานบริษัทภาพยนต์เหอ กลับเป็นการแสดงความสงบนิ่ง ทุกคนรู้สึกชื่นชมในใจ ยิ่งไม่กล้าประมาท พยายามทำงานอย่างสุดความสามารถ
รายละเอียดเหล่านี้เป็นการเจรจาบนพื้นฐานที่ตกลงร่วมมือกันแล้ว เป็นเพียงการถกเถียงว่าใครจะรับผิดชอบงานย่อยมากกว่ากันเท่านั้น ไม่นานก็ได้ข้อสรุป
เมื่อการประชุมใกล้จะสิ้นสุดลง ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาเสร็จสิ้น หลังจากที่ทุกคนทยอยกันออกไป ซากาตะ ทาคาโยชิได้กั้นทางเหอเจ๋อไว้ แล้วกล่าวท้าทายว่า “ผมมีการพนันอย่างหนึ่ง คุณกล้าเข้าร่วมไหม?”
เหอเจ๋อหรี่ตาลงพลางยิ้มพูดว่า “มีเงินแล้วจะไม่เอาได้อย่างไร”
ซากาตะ ทาคาโยชิสีหน้าหม่นลง พูดอย่างโกรธเคืองว่า “การเอาชนะด้วยคำพูดไม่มีความหมายอะไร ถ้าคุณมีฝีมือจริง เรามาประลองกันซึ่ง ๆ หน้าดีกว่า เราทั้งคู่จะเข้าร่วมรายการท้าทาย สุดท้ายคนที่แพ้จะต้องตกลงทำตามเงื่อนไขของอีกฝ่าย”
เขาใช้หางตาชำเลืองมองไปทางจางเหวินฉี ไม่ต้องพูดอะไรมาก แน่นอนว่าเขายังคงไม่ยอมล้มเลิกความคิดชั่วร้าย
MANGA DISCUSSION