บทที่ 150 กับดักทีละขั้น
เหอเจ๋อสีหน้าแสดงความหวาดกลัว แม้จะไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ยังคงพาเขาไปที่ห้องของตนอย่างว่าง่าย
ทันทีที่ลุงเหยาก้าวเข้าประตู เขาก็ถูกดึงดูดด้วยกล่องสีดำบนโต๊ะ เขาวิ่งเข้าไปสามก้าวรวดและคว้ากล่องขึ้นมาเปิดดู ใบหน้าของเขาเผยความปีติยินดีอย่างล้นหลาม
“สวรรค์เมตตา สิบห้าปีแล้ว ในที่สุดฉันก็พบมันแล้ว!”
เขาหยิบผลโลหิตที่เปล่งประกายสีแดงอย่างระมัดระวัง ราวกับกำลังอุ้มสมบัติล้ำค่าหายาก ทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่ฝ่ามือ โดยไม่ได้สังเกตรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้าของเหอเจ๋อที่อยู่ด้านหลัง
หลังจากชื่นชมอย่างละเอียดแล้ว เขาก็เก็บผลโลหิตกลับเข้ากล่องและเก็บไว้ติดตัว แล้วหันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “ฉันจะรักษาสัญญาของฉัน ปล่อยให้นายมีศพที่สมบูรณ์”
เผชิญหน้ากับการข่มขู่ของเขา เหอเจ๋อไม่ได้แสร้งทำท่าหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับนั่งลงบนโซฟาอย่างผ่อนคลาย หยิบแอปเปิลที่ล้างแล้วบนโต๊ะขึ้นมากัดกิน
“กล้าดีนี่!” ลุงเหยาชูนิ้วโป้งขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “หวังว่าตอนที่ฉันลงมือ จะไม่ได้ยินเสียงร้องโหยหวน”
เหอเจ๋อฟันดี กัดแอปเปิลหมดอย่างรวดเร็ว เขาถือแกนแอปเปิลไว้ในมือ พูดด้วยรอยยิ้มกวน ๆ “แอปเปิลยังเรียกว่าผลแห่งปัญญา ว่ากันว่ากินแล้วจะเพิ่มสติปัญญา ฉันแนะนำให้คุณกินบ้าง หลายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกำลังอย่างเดียว”
ลุงเหยารู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย กลัวว่าถ้าปล่อยให้เนิ่นนานไปจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เขาดึงพลังชี่ห้าสายออกมาจากตันเถียน โบกแขนและตะโกน “ไปตายซะ!”
พลังชี่ไม่มีรูปร่างและไม่มีสสาร โดยแก่นแท้แล้วก็คือลมหายใจที่นักยุทธ์สูดเข้าและปล่อยออก เพียงแต่ผ่านการฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน จนกลายเป็นพลังมหาศาล สามารถทำลายทองและหินได้ ฆ่าคนยิ่งง่ายดาย
ลุงเหยามั่นใจในฝีมือของตัวเอง ไม่มีใครสามารถหลบหลีกการโจมตีของพลังชี่ห้าสายได้ อีกไม่นานชายหนุ่มที่ไม่รู้จักความตายคนนี้ก็จะเลือดสาดกระเซ็น ในใจเขาเริ่มคำนวณขั้นตอนการปรุงยาด้วยผลโลหิตแล้ว…
แต่ในวินาถัดมา ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันที เหอเจ๋อที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่เพียงแต่ไม่มีเลือดสาดกระเซ็น แต่ยังคงมีรอยยิ้มกวนประสาทบนใบหน้า
“นี่มัน…”
เขาไม่เชื่อและเตรียมจะใช้พลังชี่โจมตีอีกครั้ง เขาตะโกนด้วยท่าทางองอาจ แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!
หลังจากใช้พลังชี่ล้มเหลวสองครั้งติดต่อกัน เขาก็รู้แล้วว่าปัญหาอยู่ตรงไหน หลับตาตรวจสอบภายใน และพบว่าตันเถียนว่างเปล่า ไม่มีพลังชี่เหลืออยู่เลยสักสาย
“ตาเฒ่า อย่าเต้นไปเต้นมาอยู่ตรงนั้นเลย ถ้าคนข้างนอกเห็นเข้า จะคิดว่าฉันเลี้ยงลิงไว้นะ” เหอเจ๋อนั่งอย่างสบาย ๆ บนโซฟา พูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ลุงเหยาโกรธจัด แต่เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วยุให้เขาโกรธ เมื่อเลือดไหลเวียนเร็วขึ้น พิษก็จะแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น เขาบังคับตัวเองให้สงบลง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “เป็นนายพรานมาทั้งชีวิต ไม่คิดว่าสุดท้ายจะถูกนกอินทรีจิกตาบอด นายวางยาฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เหอเจ๋อยักไหล่พลางพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ยาพิษเหรอ? ฉันไม่ได้ใส่ยาพิษนะ”
หมอยาที่คลุกคลีกับสมุนไพรมาครึ่งชีวิต แน่นอนว่าไม่ใช่คนซื่อ ๆ เขาคิดครู่หนึ่งแล้วก็เข้าใจทันที จึงพูดว่า “หรือว่าเป็นผงมึนเมาเทวดา? มีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้พลังชี่หายไปโดยไม่รู้ตัว”
เขาส่ายหัวปฏิเสธทันที “เป็นไปไม่ได้ ส่วนผสมทั้งสามของผงมึนเมาเทวดา คือ มึนสวรรค์ มึนดิน และมึนมนุษย์ ต้องสัมผัสกับฉันทั้งหมดถึงจะออกฤทธิ์ได้…”
พูดไปครึ่งทาง เขาก็หุบปากกะทันหัน หันไปจ้องเหอเจ๋ออย่างเขม็ง พูดทีละคำว่า “ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เป็นกับดักที่นายวางไว้นานแล้ว”
“ก็ไม่โง่เกินไป คิดออกเร็วดีนี่” เหอเจ๋อไม่ยิ้มเล่นอีกต่อไป พูดอย่างจริงจัง
หมอยาวิเคราะห์อย่างเย็นชาว่า “มึนสวรรค์นายทาไว้บนตัว ตอนที่ฉันบีบบังคับนาย คงติดมาแล้ว ส่วนมึนดินต้องอยู่บนกล่องนี้แน่ ๆ แล้วมึนมนุษย์ล่ะ?”
เหอเจ๋อไม่ปิดบังอีกต่อไป พูดตรง ๆ ว่า “พ่อฉันจับมือกับคุณไง”
สมองของหมอยาแล่นปราดเหมือนสายฟ้าแลบ นึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่พบกัน ความหนาวเย็นแล่นผ่านใจ เขาคิดว่าตัวเองกำลังวางแผน แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นฝ่ายก้าวเข้าไปในกับดักที่อีกฝ่ายวางไว้อย่างแยบยล
เขารู้สึกไม่ยอมแพ้อย่างยิ่ง จึงกัดฟันถามว่า “จางจื่อหัวเป็นคนของนายเหรอ?”
เหอเจ๋อส่ายหน้า
“แล้วนายรู้ได้อย่างไรว่าฉันมาเพื่อผลโลหิต?”
“ใช้สมองหน่อยสิ ความล้ำค่าของผลโลหิตไม่ใช่มีแค่คุณที่รู้ อีกอย่าง จางจื่อหัวแต่ก่อนเป็นคนตรงไปตรงมา จู่ ๆ กลับพูดจาอ้ำอึ้ง จะไม่มีพิรุธได้อย่างไร”
เผชิญกับคำเยาะเย้ยของเหอเจ๋อ หมอยาไม่ได้ท้อแท้หรือโกรธ แต่หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง กลับหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
คราวนี้กลับเป็นเหอเจ๋อที่สงสัย
“คุณหัวเราะอะไร?”
“ฉันหัวเราะที่นายยังเด็กเกินไป คิดว่าแค่ผงมึนเมาเทวดาจะกักขังฉันได้เหรอ?”
“คุณอ้าปากใหญ่โตเกินตัว ผงมึนเมาเทวดาต้องใช้ยาสามชนิดออกฤทธิ์ทางอ้อม เงื่อนไขยากขนาดนี้ ผลลัพธ์ย่อมน่าตกใจมาก ต่อให้คุณฝึกฝนถึงขั้นสูงแค่ไหน พลังชี่ก็จะหายไปหมด”
หมอยาปรบมือเบา ๆ อย่างไม่จริงใจ เยาะเย้ยว่า “พูดดีมาก ในวัยของนายที่มีความรู้ขนาดนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่ว่า…”
น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาดึงเสื้อออกอย่างแรง ร่างกายที่ดูหลังค่อมตามปกติ กลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง เขาพูดอย่างภูมิใจว่า “เพื่อล่อให้ฉันติดกับ นายก็ต้องสัมผัสมึนสวรรค์ไม่น้อย พลังชี่เล็กน้อยในร่างกายนายคงหายไปหมดแล้วสินะ สมัยก่อนฉันฝึกกำลังภายนอกมา ถึงไม่มีพลังชี่ ฉันก็ยังฟาดหินแตกได้ด้วยมือเดียว น่าสงสารที่นายวางแผนมากมาย สุดท้ายก็ต้องตายด้วยกำลังอันป่าเถื่อนของฉัน”
พูดจบเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชกหมัดใส่หน้าผากของเหอเจ๋อ แม้ไม่มีพลังชี่ แต่ก็ยังน่าเกรงขามอยู่ดี
เมื่อหมัดที่ทรงพลังราวกับสายฟ้าฟาดกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าผากของเหอเจ๋อ จู่ ๆ มันก็หยุดชะงักกะทันหัน
บรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมาทันที ไม่ใช่เพราะหมอยาเกิดใจบุญอยากวางมีดเชือดและบรรลุธรรมในทันที ปล่อยเหอเจ๋อไป แต่เป็นเพราะปากกระบอกปืนกำลังจ่ออยู่ที่หน้าผากของเขา
“เฮ้อ ฉันบอกให้คุณกินแอปเปิลเยอะ ๆ เพื่อบำรุงสมอง ฉันเตรียมการมานานขนาดนี้ จะไม่ป้องกันไว้ก่อนได้ยังไง คุณนี่โง่จริง ๆ เลย”
ไพ่ใบสุดท้ายถูกเปิดออกแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหลบหนีการคำนวณอันแยบยลของอีกฝ่ายได้ หมอยาจำต้องยอมรับว่าตนเองพลาดไปหนึ่งก้าว ประเมินชายหนุ่มคนนี้ต่ำเกินไป เขาจึงก้มหน้าลงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
MANGA DISCUSSION