บทที่ 148 ราคาถูกเกิดคาด
“สามสิบล้าน?”
เหอเจ๋อที่ถือโทรศัพท์แข็งค้างไปชั่วขณะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หากไม่ใช่เพราะความร่วมมือในการประมูลครั้งที่แล้ว เขาอาจเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหลอกเขา เพราะราคานี้ถูกเกินไปจริง ๆ
จางจื่อหัวเช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผาก พยายามทำท่าทางสงบ ยิ้มพลางกล่าวว่า
[นี่เป็นราคาภายในที่ผมต่อรองให้น่ะ ย่อมถูกกว่าหน่อย]
เหอเจ๋อชะงักในใจ จากประสบการณ์ครั้งที่แล้ว อีกฝ่ายไม่ใช่คนใจดีที่ยอมเสียผลประโยชน์ตัวเองเพื่อคนอื่นแน่นอน ไม่งั้นคงไม่แค่ช่วยปรับลำดับการออกประมูลให้เขา แต่จะสำรองหรือขายให้เขาในราคาถูกเลย
นิสัยคนเราเปลี่ยนกันยาก
เหอเจ๋อระแวดระวังขึ้นมาทันที ถามเสียงเรียบ ๆ ว่า “พี่จางไม่มีเงื่อนไขอื่นใช่ไหมครับ?”
[คุยกับน้องเหอนี่สบายใจจริง ๆ] จางจื่อหัวหัวเราะ พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า [จริง ๆ ก็ง่ายมาก มีผู้อาวุโสในบ้านผมคนหนึ่งอยากพบคุณ]
เหอเจ๋อคิดอย่างรวดเร็ว นึกถึงความตั้งใจที่อีกฝ่ายแสดงออกมาครั้งที่แล้ว เข้าใจทันทีจึงพูดว่า “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่พี่ก็รู้สถานะของผมตอนนี้ ถ้าจะให้เข้าร่วมตระกูลจาง…”
[น้องเหอคิดมากไปแล้ว คุณอายุยังน้อยแต่มีฝีมือทางการแพทย์สูงขนาดนี้ แค่เป็นพันธมิตรกัน ตระกูลจางก็พอใจแล้ว]
“ไม่หรอกครับ พี่จางชมผมเกินไปแล้ว”
[งั้นก็ตกลงตามนี้นะ สมุนไพรครั้งนี้มีค่อนข้างเยอะ คุณจะมาที่ตระกูลจางเองไหม?]
“คงไม่ได้ครับ ช่วงนี้ผมต้องเข้าร่วมรายการวาไรตี้รายการหนึ่ง ไม่มีเวลา รบกวนพี่จางมาส่งให้ผมหน่อยนะครับ จะได้ตอบแทนบุญคุณครั้งที่แล้วด้วย”
จางจื่อหัวไม่กล้าตอบเอง หันไปมองลุงเหยาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อีกฝ่ายคิดสักครู่ แล้วพยักหน้าตกลง
[ได้ ผมจะออกเดินทางพร้อมสมุนไพรเดี๋ยวนี้ อย่างช้าพรุ่งนี้เที่ยงก็ถึง]
“งั้นผมรอต้อนรับพี่จางนะครับ”
หลังวางสาย เหอเจ๋อนอนเล่นโทรศัพท์บนเตียง ใบหน้ามีรอยยิ้มประหลาด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เหอเจ๋อกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
[น้องเหอ ผมนำสมุนไพรที่คุณต้องการมาแล้ว]
“ขอบคุณพี่จางมากนะครับ พี่อยู่ที่ไหน ให้ผมส่งรถไปรับไหม?”
[ไม่ต้องหรอก ผู้อาวุโสที่มาด้วยชอบความสงบ คุณมาเองดีกว่า พวกเราพักอยู่แถว ๆ ส่วนสาธารณะกว่างหนาน เรามาเจอกันที่นั่นเถอะ]
“ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากเหอเจ๋อวางสาย เหอหย่งฝูที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ก็เงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัย “จะไปหาเพื่อนเหรอ? ให้พ่อจัดการให้ไหม?”
“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ แค่เพื่อนเก่าคนหนึ่ง แวะมาเจอกันเฉย ๆ”
เหอหย่งฝูพยักหน้า แล้วพูดว่า “เรื่องที่ลูกตกลงไปออกรายการวาไรตี้นั่น พ่อได้ยินจากเหวินฉีแล้ว คุณชายจากประเทศญี่ปุ่นคนนั้นเจาะจงให้ลูกไปร่วม คงไม่ได้มาดีแน่ พ่อหมายความว่า ความปลอดภัยต้องมาก่อน เงินทองหาได้ แต่ชีวิตเรามีแค่ครั้งเดียว”
เหอเจ๋อเห็นสีหน้ากังวลของพ่อ ก็รู้สึกอบอุ่นใจ จึงยิ้มพลางพูดว่า “คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกครับ มีช่างภาพถ่ายทำตลอดเวลา เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก อีกอย่าง ลูกชายพ่อก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ ถ้าเขากล้าทำอะไรจริง ๆ ใครจะรังแกใครก็ยังไม่รู้เลย!”
เหอหย่งฝูนึกถึงวีรกรรมอันเลื่องชื่อของลูกชาย ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ดูพูดเข้าสิ จำไว้นะว่าความปลอดภัยต้องมาก่อน”
“ครับ ผมรู้แล้ว”
เหอเจ๋อรับคำ แล้วลุกออกจากห้องอาหาร กลับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขับรถสปอร์ตสุดเท่มุ่งหน้าไปยังเมืองกว่างหนาน
ธุรกิจก็เหมือนสนามรบ ผู้คนมักเห็นแต่ผู้ชนะที่ดูสง่างาม อยากเดินตามรอยเท้าของพวกเขาเพื่อไปสู่ชีวิตที่ต้องการ แต่กลับเลือกที่จะมองข้ามผู้แพ้ที่มีจำนวนมากกว่า
เศรษฐกิจอสังหาริมทรัพย์สร้างมหาเศรษฐีที่ใคร ๆ ก็อิจฉามากมาย แต่น้อยคนจะรู้ว่าเบื้องหลังนั้นแฝงไปด้วยเลือดและน้ำตามากมายเช่นกัน
ส่วนสาธารณะกว่างหนานก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เดิมเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สี่คนที่มีความทะเยอทะยานสูงได้ร่วมลงทุนเพื่อสร้างศูนย์การค้าขนาดใหญ่ แต่พอสร้างโครงสร้างพื้นฐานไปได้ครึ่งทาง เมืองกว่างหนานก็ส่งผู้นำคนใหม่มา ล้มล้างแผนผังเมืองเดิมทั้งหมด ทำให้พื้นที่ที่เคยคาดว่าจะเป็นย่านที่อยู่อาศัยคึกคักกลายเป็นชานเมืองที่ไม่มีใครสนใจ ศูนย์การค้าจึงไม่มีความหมายอีกต่อไป เจ้าของทั้งสี่คนร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่า ขาดทุนจนหมดตัว ทิ้งไว้แต่ฐานรากที่สร้างค้างไว้ ไม่มีใครกล้ารับช่วงต่อ
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีก่อน รัฐบาลถึงได้เข้ามาดูแล ปรับปรุงซ่อมแซมให้เป็นส่วนสาธารณะเพื่อเป็นหน้าตา แต่เพราะอยู่ห่างไกล คนที่มาที่นี่ในวันปกติจึงมีน้อยมาก
เมื่อเหอเจ๋อมาถึง ลานกว้างใหญ่ว่างเปล่า มีเพียงคนแก่สองสามคนกำลังออกกำลังกายยามเช้า
จางจื่อหัวมารออยู่ที่ลานตั้งแต่เช้าแล้ว พอเห็นเหอเจ๋อ แววตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พูดด้วยรอยยิ้ม “น้องเหอ ไม่ได้เจอกันนาน คุณดูดีขึ้นนะ”
“พี่จางก็ดูดีไม่แพ้กันนะครับ”
สองคนทักทายกันอย่างสุภาพสองสามประโยค
จางจื่อหัวสังเกตเห็นว่าเหอเจ๋อมีท่าทางรีบร้อน เขาจึงไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป พูดตรง ๆ ว่า “ผู้อาวุโสที่ต้องการพบคุณอยู่ตรงนั้น คุณไปหาได้เลย”
เหอเจ๋อมองไปตามทิศทางที่เขาชี้ เป็นป่าไม้พุ่มเตี้ย ๆ เห็นร่างที่หลังค่อมอยู่ตรงนั้น
ในเมื่อเขามาแล้ว ก็ต้องไปพบ
เหอเจ๋อเดินอย่างรวดเร็วเข้าไป
“คุณลุงต้องการพบผมเหรอครับ?”
ดวงตาเล็ก ๆ ของลุงเหยาจ้องมองเขาไปทั่วร่างอย่างเสียมารยาท จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่ตอไม้ตรงหน้า แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “นั่งลง”
เหอเจ๋อนั่งลงอย่างไม่แสดงอาการใด ๆ สายตาของเขาถูกดึงดูดไปที่ถุงสีดำที่วางอยู่ข้างเท้าของชายชรา
ด้วยความที่คลุกคลีกับสมุนไพรมาหลายปี จมูกของเขาไวมาก แม้ว่าถุงจะผูกแน่น แต่เขาก็ยังได้กลิ่นหอมแปลก ๆ อย่างชัดเจน
ลุงเหยาเห็นท่าทางของเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดว่า “จมูกไวดีนี่ สมุนไพรที่ต้องการทั้งหมดอยู่ในนี้ แต่ถ้าจะเอาไป ต้องตอบคำถามฉันก่อน”
“คำถามอะไรครับ?”
“ใครเป็นอาจารย์ของเธอ?”
“วิชาแพทย์ของตระกูลผมครับ”
“เท่าที่ฉันรู้ ตระกูลแพทย์ไม่มีตระกูลแซ่เหอ”
“ผมเรียนมาจากแม่ครับ”
สีหน้าของลุงเหยาผ่อนคลายลงเล็กน้อย รอยยิ้มน่าเกลียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขา “ที่แท้ก็ถ่ายทอดกันเอง งั้นฉันก็วางใจได้แล้ว”
“วางใจ? หมายความว่ายังไงครับ?” เหอเจ๋อพูดด้วยสีหน้างุนงง
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลุงเหยา ทันใดนั้นเขาก็ชกเข้าที่ท้องของเหอเจ๋อทันที
“ก็หมายความว่า ฉันสามารถฆ่าแกได้อย่างสบายใจไงล่ะ!”
MANGA DISCUSSION