บทที่ 147 ลุงเหยา
เหอเจ๋อไม่อยากเถียงกับคนแก่ให้เสียน้ำลายเปล่า เขาจึงเปิดบันทึกเส่าไจไปที่หน้าสูตรยาผลผลเฟิ่งหวงแล้วพูดว่า “ลองศึกษาดูสิ?”
พอเห็นสูตรยา หวงเทียนเหยาก็กลืนคำด่าทั้งหมดลงไป รีบคว้าบันทึกขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้น แล้วพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย “แกโชคดีจริง ๆ ไม่นึกว่าแกจะหามันเจอ”
“นี่พูดเรื่องไร้สาระอะไร? ดูสิว่าผมเป็นใคร เมื่อคุณชายอย่างผมออกโรงแล้ว จะกลับมามือเปล่าได้ยังไง?”
หวงเทียนเหยาเป็นผู้เชี่ยวชาญ หลังจากอ่านจบ เขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเครียดว่า “ของพวกนี้แพงไปหน่อยนะ!”
เหอเจ๋อพูดอย่างหงุดหงิด “แพงแค่หน่อยเดียวที่ไหนกัน? ถ้าดูจากราคาในการประมูลครั้งที่แล้ว ต้องใช้เงินเกือบร้อยล้านถึงจะซื้อได้”
สีหน้าของหวงเทียนเหยาก็ไม่สู้ดีเช่นกัน เขาพาเหอเจ๋อเข้าไปในห้องด้านใน หลังจากนั่งลงแล้วก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เงินยังเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญคือสูตรนี้ก็แค่คาดเดาจากสรรพคุณยาเท่านั้น ยังไม่เคยทดลองทำ ถ้าเกิดข้อผิดพลาดก็จะขาดทุนใหญ่หลวง”
เขาเงยหน้ามองเหอเจ๋อแล้วพูดอย่างจริงจัง “การฝึกวรยุทธ์ก็เหมือนการสร้างบ้าน ต้องค่อย ๆ สร้างทีละก้อนอิฐก้อนกระเบื้องจึงจะมั่นคง แม้ว่าผลโลหิตจะเป็นยาวิเศษในตำนาน แต่ก็เป็นแค่ของนอกกาย อีกอย่างเราทั้งคู่ก็เป็นหมอ รู้ดีว่ายาทุกอย่างมีพิษ แกยังมีเวลาอีกมาก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนี้ ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามนะ”
เหอเจ๋อฟังแล้วถอนหายใจ เขาเข้าใจเหตุผลนี้ดี แต่แม่ของเขา เฟิ่งเฟยเฟย ที่เลี้ยงดูเขามายี่สิบกว่าปีตอนนี้ตกอยู่ในมือคนอื่น
ความรู้สึกอึดอัดที่ต้องมองดูคนที่รักตกอยู่ในอันตรายโดยที่ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้ ทำให้เขารู้สึกเศร้าอย่างยิ่ง เขาไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
สายตาของเหอเจ๋อมุ่งมั่นขึ้นมา เขาพูดอย่างสงบแต่หนักแน่นว่า “บางเรื่องรอได้ แต่บางเรื่องรอไม่ได้ ผมตัดสินใจจะเสี่ยงดู”
หวงเทียนเหยาเป็นคนช่างสังเกต เขารู้ว่าอีกฝ่ายตัดสินใจแล้ว จึงไม่พูดอะไรอีก ก้มหน้าดูสูตรยาอย่างตั้งใจ
ทั้งสองใช้เวลาทั้งบ่ายปรับสูตรยาเล็กน้อย โดยเปลี่ยนสมุนไพรบางส่วนเป็นตัวที่มีสรรพคุณเหมือนกันแต่ราคาถูกกว่า แต่ก็เหมือนเอาน้ำแก้วเดียวดับไฟป่า ราคารวมของสูตรยายังคงสูงลิบลิ่ว
เหอเจ๋อกลับถึงบ้านพร้อมกับแสงตะวันยามเย็น เขาขนกล่องหนังสือใหญ่จากท้ายรถเข้าบ้านก่อน จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาจางจื่อหัว ผู้รับผิดชอบการประมูลการกุศลสมุนไพรของปรมาจารย์แห่งการแพทย์ตระกูลจางครั้งที่แล้ว
จางจื่อหัวที่รับสายดูประหลาดใจมาก แต่ด้วยความเป็นนักธุรกิจมือฉมัง เขาก็กลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว พูดอย่างเปิดเผยว่า
[น้องเหอ… เอ๊ะ ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าคุณชายเหอแล้วสินะ]
“พี่จาง อย่าล้อผมเลยครับ” เหอเจ๋อพูดพลางหัวเราะ “การประมูลครั้งที่แล้วต้องขอบคุณพี่มากที่ช่วยเหลือ ผมถึงได้ประมูลหวงจิงอายุร้อยปีมาสำเร็จ”
[แค่ช่วยเล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอก เราพี่น้องกัน มีอะไรก็พูดตรง ๆ เลย]
จางจื่อหัวทำท่าไม่ใส่ใจ แต่ในใจกลับดีใจมาก เพราะไม่มีใครอยากคบคนอกตัญญู
เหอเจ๋อรู้สึกเร่งรีบ จึงไม่อ้อมค้อม พูดตรงประเด็นว่า “ครั้งนี้ผมอยากซื้อของบางอย่าง…”
แล้วเขาก็อ่านสูตรยาที่เพิ่งปรับปรุงเสร็จให้ฟัง
จางจื่อหัว แต่เดิมคิดว่าเป็นเพียงยาสมุนไพรหนึ่งหรือสองชนิด จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ด้วยความสามารถในการเก็บสต็อกของตระกูลจาง มันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดเลยก็คือ ปากของเหอเจ๋อเหมือนปืนกล พล่ามออกมาถึงห้าสิบกว่าชนิดในคราวเดียว และในนั้นยังมีบางอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย
“พี่จาง ก็ประมาณนี้แหละ พี่ช่วยประเมินราคาให้หน่อยสิ”
จางจื่อหัวรู้สึกปวดหัว ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงปฏิเสธไปแล้ว แต่ฝีมือการแพทย์และคุณธรรมของเหอเจ๋อทิ้งความประทับใจอย่างยิ่งให้กับเขา เขาจึงไม่อยากขัดใจคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์คนนี้ เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนพูดว่า
[ยาสมุนไพรพวกนี้มีหลายชนิดมาก คุณเขียนรายการมาแล้วถ่ายรูปส่งมาทางวีแชทให้ผม ผมจะช่วยตรวจสอบให้แล้วค่อยบอกคุณ]
แม้จะไม่ได้คำตอบในทันที แต่นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเหอเจ๋อแล้ว หลังจากวางสาย เขาไม่ได้ถ่ายรูปตำรายาโดยตรง แต่หยิบกระดาษขาวแผ่นหนึ่งมาคัดลอกรายการยาที่ต้องการ โดยแทรกยาบางชนิดที่ไม่จำเป็นต้องใช้เข้าไปด้วยเพื่อสร้างความสับสน แล้วจึงส่งไป
ไม่ควรคิดร้ายต่อผู้อื่น แต่ก็ไม่ควรไว้ใจคนมากเกินไป หลังจากผ่านความยากลำบากมามากมาย เหอเจ๋อยิ่งเข้าใจคุณค่าของประโยคนี้มากขึ้น
เมื่อได้รับตำรายา จางจื่อหัวไม่กล้าชักช้า รีบตรงไปยังคลังของตระกูลจางทันที
สถานที่ที่ทำให้ผู้คนมากมายอิจฉาตาร้อนนี้ จริง ๆ แล้วไม่ได้มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอย่างที่คนนอกจินตนาการ
เป็นตึกธรรมดาสูงหกชั้น หน้าประตูมีห้องเล็ก ๆ ในนั้นมีคนแก่คนหนึ่ง เพียงแค่บอกยาที่ต้องการให้เขา เขาก็จะขึ้นไปหยิบมาให้ ทีละคนห้ามแซงคิว ไม่เคยมีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย
ส่วนคำถามว่าคนแก่คนนี้เป็นใคร รู้ได้อย่างไรว่ายาอยู่ที่ไหน และในคลังยังมียาเหลืออีกเท่าไหร่
ไม่เคยมีใครถามคำถามเหล่านี้ ยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งมีชีวิตยืนยาว
จางจื่อหัวมาถึงหน้าห้องอย่างคุ้นเคย เขาตะโกนเสียงดัง “ลุงเหยา!”
ทั้งในและนอกตระกูลจาง ไม่ว่าจะผู้อาวุโสสูงต่ำหรืออายุมากน้อยแค่ไหน ทุกคนเรียกด้วยคำเดียวกันนี้
เอี๊ยด!
บานพับประตูเก่าส่งเสียงน่ารำคาญ ชายชราร่างผอมแห้งหลังค่อมผมและหนวดเคราขาวโพลนเดินออกมา ใบหน้าไร้อารมณ์ยื่นมือออกมา
จางจื่อหัวรีบส่งรายการที่คัดลอกไว้ล่วงหน้าให้ พูดว่า “ยาพวกนี้คนนอกอยากซื้อ ลุงช่วยดูหน่อยว่ามีครบไหม แล้วก็ช่วยประเมินราคาด้วย”
ชายชราหลังค่อมรับรายการมา เหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นดวงตาก็เปล่งประกายวาบขึ้นมา ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “มีครบทุกอย่าง ราคาก็สามสิบล้านแล้วกัน”
จางจื่อหัวได้ยินแล้วถึงกับอึ้งไป พูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อว่า “ลุงเหยา ราคานี้ต่ำเกินไปหรือเปล่า”
แม้เขาจะไม่แน่ใจตัวเลขที่แน่นอน แต่ก็พอจะรู้ตัวเลขคร่าว ๆ ตามการคำนวณของเขา ยาในรายการนี้ควรมีมูลค่าอย่างน้อยเจ็ดสิบถึงแปดสิบล้าน
ลุงเหยาถือรายการไว้ พูดเรียบ ๆ ว่า “เธอกำลังตั้งคำถามกับฉันเหรอ?”
จางจื่อหัว “…”
เหงื่อบนหน้าผากของเขาหยดลงมาทันที ราวกับมีก้อนหินใหญ่ทับอก เขารีบโบกมือพลางกล่าวว่า “ไม่กล้าหรอก ไม่กล้า ผมแค่ถามไปอย่างนั้นเองครับ”
ลุงเหยาพยักหน้าอย่างพอใจ เขาลูบรายการสมุนไพรในมือ ใบหน้าเหี่ยวย่นเผยรอยยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“รอคอยมาสิบกว่าปี ในที่สุดสวรรค์ก็ไม่ทอดทิ้ง!”
MANGA DISCUSSION