บทที่ 144 คนในครอบครัวทำร้ายกันเอง
ฝ่ามือนี้ไม่เพียงแต่ทำให้จ้าวหัวจูมึนงง แต่ยังทำให้ผู้คนที่ยืนมุงดูอยู่โดยรอบต่างก็มีสีหน้างุนงง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมครอบครัวเดียวกันถึงได้ทะเลาะและลงไม้ลงมือกันเองแบบนี้
จ้าวหัวจูจ้องมองหลิวกวงด้วยความตกตะลึง เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “นายตบฉันทำไม?”
หลิวกวงโมโหจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดโปนขึ้นมา เขาตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เธอกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นแบบนี้ ฉันไม่ควรจะตบเธอหรือไง?”
จ้าวหัวจูไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครรังแกฝ่ายเดียว ปกติมีแต่เธอไปรังแกคนอื่น ไม่เคยถูกตบหน้ามาก่อน
ผู้หญิงที่คลุ้มคลั่งย่อมไม่สนใจเหตุผล เธอพุ่งเข้าใส่หลิวกวงพร้อมกับตะโกนด่า “ไอ้สารเลว พูดจาโอ้อวดไปวัน ๆ พอเกิดเรื่องก็เอาตัวรอดคนเดียว แกมันเลว ฉันจะฆ่าแก”
หลิวกวงไม่ทันตั้งตัว ถูกข่วนเข้าที่ใบหน้าจนเป็นแผลยาว
การทะเลาะวิวาทต่อหน้าชาวบ้านที่มามุงดู รวมถึงหัวหน้าที่อยู่ตรงนั้น ยิ่งทำให้หลิวกวงขายหน้ามากขึ้นไปอีก ยิ่งถูกข่วนเข้าไปอีก แผลเก่าก็ยิ่งเจ็บปวด เขาผลักจ้าวหัวจูออกไปอย่างแรง พร้อมกับตะโกนด่า “นังบ้า! เป็นบ้าไปแล้วรึไง มาข่วนหน้าฉันทำไม ป่วยก็รีบไปหาหมอซะ!”
จ้าวหัวจูถูกผลักจนล้มลงไปกองกับพื้นได้แต่นิ่งอึ้ง เธอรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมากที่แผนการของตัวเองถูกเปิดโปง เธอจึงยึดหลิวกวงไว้เป็นฟางเส้นสุดท้าย
แต่ใครจะไปคิดว่าฟางเส้นสุดท้ายนี้ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยชีวิตเธอ กลับรัดคอเธอจนเกือบตาย
ความรู้สึกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงนี้ทำให้สติของเธอถูกความโกรธครอบงำ เธอคิดแต่เพียงเรื่องแก้แค้น!
ดวงตาของเธอเบิกกว้างราวกับคนเสียสติ ตะโกนสุดเสียง เธอเริ่มเปิดโปงเรื่องราวการทุจริตของหลิวกวงที่เขาปกปิดไว้
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เรื่องสกปรกโสมมที่นายทำไว้ ตอนนั้นที่นายแอบขายประกันให้แม่ม่ายหวัง นายได้เงินใต้โต๊ะไปตั้งห้าพัน แล้วก็ตอนที่ย้ายบ้านครั้งที่แล้ว…”
ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าหลิวกวงที่ดูซื่อสัตย์สุจริตจะแอบทำเรื่องเลวร้ายไว้เบื้องหลังมากมายขนาดนี้
“นังบ้า หุบปากเดี๋ยวนี้นะ! ยังจะมาใส่ร้ายฉันอีก” หลิวกวงตะคอกขัดจังหวะเธอ แต่ดูยังไงก็เหมือนคนร้อนตัว
จางเหวินฉีมองเรื่องราวตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะ “ละครฉากนี้ช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้จะมีเรื่องสนุกแบบนี้ด้วย”
หวังฝูโซ่วโมโหจนหน้าดำหน้าแดง หลิวกวงเป็นคนของเขา ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้ดีว่าทั้งคู่สนิทกันมาก ที่สำคัญกว่านั้นคือ เรื่องสกปรกทั้งหมดนี้ล้วนผ่านมือของเขา ถ้าเรื่องแดงขึ้นมา เขาก็ไม่รอดเช่นกัน
“หลิวกวง เท้าติดกาวหรือไง? ยังยืนงงอยู่ได้ รีบไปห้ามยัยบ้านั่นสิ!”
หลิวกวงเพิ่งรู้สึกตัว เขาเดินเข้าไปใกล้จ้าวหัวจูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “จ้าวหัวจู ชายคนนั้นเป็นคุณชายของบริษัทภาพยนตร์เหอ ฉันจะกล้าล่วงเกินได้ยังไง เมื่อกี้แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าเธอยังกล้าพูดจาไร้สาระอีก ฉันฆ่าเธอแน่!”
จ้าวหัวจูที่ตอนแรกถูกความโกรธครอบงำ พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็รู้สึกตัว เธอยิ้มแหย ๆ แล้วพูดว่า “แล้วตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ?”
“จะทำยังไงได้อีก รีบไปขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!”
“ให้ฉันไปขอโทษงั้นเหรอ? ไม่มีทาง! แบบนั้นต่อไปฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
หลิวกวงเกือบจะกระอักเลือดออกมา ใช้เสียงที่แค่สองคนได้ยิน พูดด้วยความโกรธว่า “ถ้าตำแหน่งของฉันไม่เหลือ ครอบครัวเราจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย ต่อไปเธอก็ไปขอทานแถว ๆ นี้ก็แล้วกัน”
จ้าวหัวจูตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เดิมทีเธอเป็นแค่ผู้หญิงโลภมากไร้ความคิด พอได้ยินว่าช่องทางทำเงินถูกตัดขาด ก็ตกใจกลัวขึ้นมาทันที เธอเดินเข้าไปหาเหอเจ๋ออย่างรู้สึกผิด แล้วพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดว่า “ขอโทษค่ะ เมื่อกี้ฉันพูดจาเหลวไหลไป บ้านหลังนี้ขายให้คุณปู่คนนั้นจริง ๆ ค่ะ”
“ไม่ได้ให้เช่าเหรอ?” เหอเจ๋อมองท่าทางที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงของเธอ เขายิ้มเยาะเย้ย
ใบหน้าของจ้าวหัวจูปรากฏรอยแดงและซีดสลับกัน เธอพูดไม่ออก
หลิวกวงรีบวิ่งเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ว่า “คุณชายใจกว้าง อย่าถือสาผู้หญิงบ้านนอกอย่างเธอเลยครับ จริง ๆ แล้วเธอไม่มีเจตนาร้ายอะไรหรอก แค่เห็นว่าเป็นคนในหมู่บ้าน เลยโลภมาก อยากรีดไถเงินเท่านั้น”
“รีดไถเงินเท่านั้น?” สีหน้าของเหอเจ๋อเย็นชาลงทันที “ถ้าพี่สาวผมไม่มา ผมคงโดนยัดข้อหาลักทรัพย์และทำร้ายร่างกายจนติดคุกไปแล้วสินะ?”
หลิวกวงเหงื่อแตกพลั่ก รีบแก้ตัวอย่างร้อนรน “ไม่หรอกครับ เธอไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก…”“
“แต่ผมกลับเห็นว่าวิธีรีดไถเงินของเธอช่ำชองทีเดียว ไม่เหมือนกับคนไม่กล้านะ”
หลิวกวงพูดไม่ออก ได้แต่มองไปที่หวังฝูโซ่วอย่างขอความช่วยเหลือ
หวังฝูโซ่วไม่อยากยุ่งเรื่องของเขาหรอก แต่ทั้งคู่สนิทกันมานาน ต่างฝ่ายต่างก็มีจุดอ่อนของกันและกัน เขาจึงต้องจำใจยื่นมือเข้าไปช่วย
เขาเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านย่อมต้องมีไหวพริบ รู้ว่าตอนนี้เหอเจ๋อกำลังโกรธ ตัวเองเข้าไปก็มีแต่จะโดนด่า จึงใช้วิธีอ้อม ๆ โดยหันไปมองจางเหวินฉี พูดด้วยความเคารพ “คุณหนูจาง เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเราก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เอาอย่างนี้ดีไหมครับ เที่ยงนี้ผมเลี้ยงเอง ถือเป็นการขอโทษคุณชายครับ”
จางเหวินฉีเม้มปาก พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผู้ใหญ่บ้านหวัง ชาวบ้านที่นี่ดุร้ายขนาดนี้ เรื่องการลงทุนฉันขอพับโครงการไว้ก่อน ส่วนสถานที่ถ่ายทำรายการวาไรตี้ พวกเราจะเลือกที่อื่น”
หวังฝูโซ่วร้อนรนขึ้นมาทันที บริษัทภาพยนต์เหอ เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ รายการวาไรตี้ที่ทุ่มทุนสร้างย่อมต้องออกอากาศทั่วประเทศ แบบนี้หมู่บ้านของเขาก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย เท่ากับเป็นการโฆษณาฟรี ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของทีมงานระหว่างการถ่ายทำ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของท้องถิ่น
นี่ล้วนเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงทั้งนั้น แค่บริหารจัดการอีกนิดหน่อย รับรองว่าได้เลื่อนขั้นแบบสบาย ๆ
เขาคิดเรื่องนี้ในใจมาหลายวันแล้ว ตอนนี้เห็นว่าเหยื่อที่ใกล้จะได้กินอยู่แล้วกำลังจะบินหนี จะยอมได้อย่างไร
เขาโบกมือเรียกหลิวกวงเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน “ไม่ว่านายจะเคยทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าอะไรไว้ แต่เรื่องนี้นายต้องจัดการให้เรียบร้อย บริษัทภาพยนต์เหอจะถอนทุน ฉันมีอย่างเดียวที่จะพูด ถ้ารั้งเขาไว้ไม่ได้ นายก็ไสหัวไปให้พ้นซะ!”
หลิวกวงตกใจสุดขีด เขาตัดสินใจวิ่งไปกระซิบกับซ่งเจิ้งหัว
เหอเจ๋อมองการกระทำของพวกเขาอย่างเย็นชา เขาไม่ได้จะเอาเรื่องจ้าวหัวจูจริง ๆ หรอก แค่ต้องการสั่งสอนเธอ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่น ๆ ว่าอย่าได้คิดหาเงินแบบผิด ๆ อีก
MANGA DISCUSSION