บทที่ 139 ผลเฟิ่งหวง
“คุณอาวางใจได้เลย ผมจะทำให้คนพวกนั้นมาขอโทษที่หน้าหลุมศพของคุณอาให้ได้! ”
เหอเจ๋อดูวิดีโอบันทึกเหตุการณ์โจมตีของตำรวจในวันนั้นแล้ว เหอซู่โหรวไม่ได้พลาดถูกกระสุนอย่างโชคร้าย แต่ถูกคนเลวที่โจมตีตำรวจใช้โอกาสนั้นยิงเธอตายต่างหาก
ความแค้นนี้เขาจะไม่มีวันลืม
ตอนปิดหลุมศพ คลื่นอารมณ์เหอหย่งฝูรุนแรงมาก พอประกอบกับการจมอยู่กับความเศร้าโศกมากเกินไป สุดท้ายจึงเป็นลมหมดสติ
โชคดีที่เหอเจ๋อเป็นหมอ จึงรีบใช้เข็มเงินระบายความอัดอั้นตันใจในอกออกไปได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นอาจเกิดโศกนาฏกรรมอีกครั้ง
ในห้องบูชาบรรพบุรุษของบ้านตระกูลเหอ มีรูปถ่ายอีกหนึ่งรูปเพิ่มขึ้นมา ประกาศการสิ้นสุดของเรื่องนี้
หลังจากเหอหย่งฝูฟื้นขึ้นมา ด้วยการปลอบโยนของลูก ๆ และการช่วยเหลือของยา อารมณ์จึงค่อย ๆ สงบลง และกลับไปทำงานตามปกติได้อีกครั้ง
เหอเจ๋อฉวยโอกาสตอนไม่มีใครหลบเข้าไปในห้อง เปิดห่อสีดำออก
หวังหมิงเป็นนักล่าที่เก่งกาจ มักจะเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อหารายได้เสริมเสมอ เหอเจ๋อคิดว่าคงเป็นของป่าล้ำค่า แต่ไม่คิดว่าหลังจากแกะห่อออกทีละชั้น ๆ ตนจะพบกับผลไม้ลูกกลมที่เปล่งแสงสีแดงและมีความอุ่นอยู่เล็กน้อย
เขาตกตะลึงไปชั่วขณะ เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ผลเฟิ่งหวง? ไม่นึกว่าตำนานนั้นจะเป็นเรื่องจริง! ”
เช่นเดียวกับมังกรที่เรียกลมเรียกฝนได้ พญาหงส์เพลิงเช่นเฟิ่งหวงก็เป็นสัญลักษณ์ของชนชาติจีนเช่นกัน ตามตำนานพวกเขามีนิสัยสูงส่ง ไม่ดื่มอะไรนอกจากน้ำค้างยามเช้า ไม่กินอะไรนอกจากหน่อไม้อ่อน ไม่เกาะอะไรนอกจากต้นโพธิ์อายุพันปี
ทางตะวันตกเฉียงเหนือไม่ไกลจากเมืองหลินอัน มีภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่ง ด้านหลังเชื่อมต่อกับเทือกเขาไท่สิงที่ทอดยาว ตำแหน่งชี้ชัดไม่มีใครรู้
ตามตำนานเล่าว่าในหมู่ภูเขาเหล่านี้ เคยมีพญาเฟิ่งหวงมาอาศัยอยู่ ซึ่งสาเหตุที่สัตว์วิเศษมาที่นี่ ก็เพื่อหาผลเฟิ่งหวงอันล้ำค่านี้
ตำนานนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลินอัน แม้แต่ลักษณะของผลเฟิ่งหวงก็ถูกบรรยายไว้อย่างชัดเจน เหอเจ๋อจึงนึกถึงมันได้ทันที
แต่ทุกคนคิดว่าตำนานนี้เป็นเพียงเรื่องเล่าขำ ๆ สำหรับเด็ก ไม่มีใครคิดว่าในโลกนี้จะมีผลเฟิ่งหวงอยู่จริง ๆ
ในห่อยังมีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ แนบมาด้วย เหอเจ๋อหยิบขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ บนนั้นมีตัวอักษรเล็ก ๆ เขียนไว้อย่างบิดเบี้ยว
“บุญคุณที่ช่วยชีวิตไม่มีวันลืม อาอยู่ในหมู่บ้านมาทั้งชีวิต ไม่มีความรู้อะไรมากแต่รู้จักตอบแทนบุญคุณ ของสิ่งนี้ลุงไม่เคยบอกใครเลย เอ็งเก็บไว้อย่างสบายใจได้”
เหอเจ๋ออ่านจบแล้วดวงตาฉายแววซับซ้อน คนใจกว้างมักเป็นคนต่ำต้อย ผิดกับคนอกตัญญูที่มักเป็นคนมีการศึกษา
ผลเฟิ่งหวงเป็นของในตำนาน แม้แต่คนที่โง่ที่สุดก็ยังรู้ว่ามันมีค่ามหาศาล การสามารถสละละทิ้งความมั่งคั่งที่อยู่ตรงหน้าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตได้… จิตใจเช่นนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนจะมีได้
เหอเจ๋อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาจางเหวินฉี
“พี่สาวครับ ที่โรงเรียนประถมในเมืองหลินอันมีนักเรียนชื่อหวังหู่อยู่คนหนึ่ง เขาเรียนเก่งมาก พ่อของเขามีบุญคุณกับผม ฝากพี่ดูแลเขาหน่อยนะครับ แต่อย่าให้มันดูเด่นชัดเกินไปล่ะ”
จางเหวินฉีไม่ได้ซักถามอะไรมาก เพียงพยักหน้ารับปาก หลังจากวางสายโทรศัพท์ เธอก็เริ่มจัดการเรื่องนี้ทันที
ด้วยอิทธิพลของบริษัทภาพยนตร์เหอ บวกกับเงินทองที่ปูทางไว้ การทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ในไม่ช้าก็มีครูดี ๆ ย้ายมาประจำชั้นเรียนของหวังหู่ ทั้งชีวิตการเรียนและการใช้ชีวิตจึงได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ช่วงมัธยมต้นและมัธยมปลายเองก็ได้รับการปฏิบัติที่คล้ายคลึงกัน
ด้วยครูที่ยอดเยี่ยมบวกกับความขยันหมั่นเพียรของหวังหู่ เมื่อรวมกันแล้วก็ประสบความสำเร็จ สร้างอัจฉริยะคนแรกของเมืองหลินอันที่ได้รับทุนการศึกษาเต็มจำนวนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อันโด่งดังได้
หวังหมิงมอบผลเฟิ่งหวงให้ เหอเจ๋อตอบแทนด้วยอนาคตที่สดใสของทั้งครอบครัว สุดท้ายแล้วใครได้ใครเสีย มีเพียงคนในเหตุการณ์เท่านั้นที่รู้ดี
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของอนาคต เมื่อมองดูผลเฟิ่งหวงที่เปล่งประกายอบอุ่นอยู่ในกล่อง เหอเจ๋อก็รู้สึกหนักใจ แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ในผลไม้ได้ แต่จะใช้มันอย่างไรกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ คงไม่กลืนลงไปทั้งอย่างนั้นหรอกมั้ง? เพราะถ้าเป็นแบบนั้น อวัยวะภายในของเขาคงระเบิดเละเทะแน่
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็คิดอะไรบางอย่างออก จึงค่อย ๆ ห่อมันอย่างระมัดระวัง ขับรถเฟอร์รารี่สปอร์ตที่จางเหวินฉีมอบให้ มุ่งหน้าไปยังเทียนเซิ่งจู
หวงเหยียนและถานเหว่ยซ่งกำลังตรวจคนไข้กันอยู่ หลังจากผ่านเรื่องราววุ่นวายมาหลายวัน ทั้งสองคนก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากทักทายกันแล้ว เหอเจ๋อก็ไม่เกรงใจ เดินตรงไปที่ห้องด้านหลัง เห็นหวงเทียนเหยากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวน
“ตาแก่ ช่วงนี้อยู่สบายดีไหม? ”
หวงเทียนเหียมองเขาด้วยหางตา รู้สึกยินดีในตอนแรก จากนั้นก็จมลงไปในห้วงความครุ่นคิด ฮึดฮัดกลับมาอย่างเย็นชา
“นี่ไม่ใช่คุณชายเหอหรอกหรือ? ถึงกับมาเยี่ยมกระท่อมของพวกเราด้วยตัวเอง ทำให้พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ ”
เหอเจ๋อรู้ว่าตาแก่นี่ต้องมีแผนอะไรแฝงอยู่แน่นอน จึงเหลือบมองไปรอบ ๆ แกล้งทำเป็นกระแอมไอ พูดด้วยน้ำเสียงเสแสร้ง
“ในเมื่อรู้สึกเป็นเกียรติขนาดนี้ ทำไมไม่เห็นหลานสาวแสนสวยของคุณออกมาต้อนรับหนุ่มหล่ออย่างผมล่ะ รีบเรียกเธอออกมาสิ”
หวงเทียนเหยาขว้างบัวรดน้ำในมือใส่ สบถด้วยความโมโห
“แค่เอาสีไปแต้มให้หน่อยก็ได้ใจใหญ่เลยนะ คิดว่าที่นี่เป็นซ่องหรือไง?! ”
เหอเจ๋อตาไว คว้าบัวรดน้ำกลางอากาศแล้ววางลงบนพื้น หัวเราะร่วน “ตาแก่ คุณนี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ ถ้าคุณไม่แซะผมก่อน ผมจะสวนกลับทำไมล่ะ? ”
หวงเทียนเหยาเบ้ปาก คิดหาคำพูดมาโต้แย้งไม่ออก จึงเดินไปนั่งที่ศาลาในสวน รินชาหนึ่งถ้วยแล้วจิบอย่างสบายอารมณ์
เหอเจ๋อขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับคนแก่ จึงลุกไปรินชาให้ตัวเองด้วยความคิดที่ว่าสู้ลงมือทำเองช่วยเหลือตัวเองดีกว่า เขายกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ทำให้หวงเทียนเหยาส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ พูดด้วยความเสียดาย
“ดื่มแบบวัวแบบกระทิง… ช่างทำลายบรรยากาศจริง ๆ นี่มันชาต้าหงเผาชั้นเลิศนะ ใครเขาดื่มแบบนี้กัน เสียดายชาจริง ๆ ”
“พอเถอะตาแก่ ไม่ต้องมาหลอกกันหรอก ใครเขาจะไม่รู้กันว่านี่มันชาข้างทางขายขีดละ 10 หยวน”
เมื่อถูกเปิดโปงความคิด หวงเทียนเหยาไม่ได้รู้สึกอับอายแม้แต่น้อย กลับทำเป็นไม่ได้ยิน พูดด้วยท่าทางจริงจังว่า “ไอ้หนู ถ้าแกไม่มีธุระกงการอะไรคงไม่มาเยี่ยมพวกเราหรอก มีอะไรก็รีบพูดมา”
เหอเจ๋อไม่พิธีรีตอง ดึงห่อสีดำออกจากอกเสื้อ วางลงบนโต๊ะ
แม้ว่าทั้งสองคนจะตีกันทุกครั้งที่เจอหน้า แต่ลึก ๆ แล้วเหอเจ๋อก็ค่อนข้างเชื่อใจในตัวหวงเทียนเหยา เขาจึงไม่คิดจะปิดบังเรื่องผลเฟิ่งหวงนี้
เมื่อพูดถึงเรื่องจริงจังหวงเทียนเหยาก็หยุดยิ้ม เขาเปิดผ้าสีดำที่ห่อหุ้มเอาไว้ออก เมื่อเห็นผลไม้สีแดงเพลิง จึงร้องเสียงหลงออกมาทันที
“ผลโลหิต! ”
เหอเจ๋อเห็นท่าทางของเขา จึงรู้ทันทีว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรมากกว่านั้น
“คุณรู้จักสิ่งนี้เหรอ? ”
หวงเทียนเหยาพิจารณาผลไม้สีแดงเพลิงอย่างละเอียด จากนั้นจึงพูดอย่างลังเล “ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เพียงแต่ตอนยังเด็ก เคยติดตามอาจารย์ไปเรียนวิชาแพทย์ ท่านเคยกล่าวถึงมันแบบผ่าน ๆ ให้ฟัง”
MANGA DISCUSSION