บทที่ 137 กลับไปบ้านแม่
ภายในตึกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ
ใบหน้าของเซี่ยชิงซีดเขียว มือขาตบโต๊ะอย่างแรง พร้อมตะโกนด้วยความโกรธ
“วุ่นวายมาตั้งนาน สุดท้ายกลับบอกฉันว่าจับได้แค่ตัวตายตัวแทน 3 ตัว พวกแกจะให้ฉันไปอธิบายกับผู้บังคับบัญชายังไง?! ”
ทุกคนเงียบกริบ แม้แต่ลมหายใจก็จำต้องกลั้นเอาไว้ กลัวว่าจะดึงดูดความสนใจ และกลายเป็นฝ่ายถูกด่าอย่างรุนแรงรายถัดไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง จางเสี่ยวเถาก็จัดการทำลายความเงียบ เอ่ยปากพูดว่า “การปฏิบัติการครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงปัญหามากมาย คุณภาพของบุคลากรหลายคนนับว่าแย่มาก ที่ผ่านมาพวกเราหยิ่งผยอง หลงระเริงในความสามารถของตัวเองมากเกินไป”
เซี่ยชิงกำหมัดแน่น พูดเสียงเย็น
“พูดกันตรง ๆ เลยนะ ฉันก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกที่อาศัยเส้นสายครอบครัวมานั่งกินตำแหน่งเปล่า ๆ น่ะรีบไสหัวไปซะ อย่าให้ฉันต้องลงมือเอง! ”
เขาไม่สนใจสีหน้าแปลก ๆ ของทุกคน รีบพูดต่อว่า “ส่วนตำแหน่งที่ว่างลง จางเสี่ยวเถา เธอไปสรรหาคนมาเติมเพิ่มเอง จากทั่วทั้งประเทศจีน ใครที่เธอเห็นว่าเหมาะสม เลือกได้ตามใจชอบ”
จางเสี่ยวเถารับปาก ใบหน้าแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือเหอเจ๋อ มุมปากยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้นำระดับสูงของจีนตื่นตัว สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ส่วนต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ได้หลบหนีไปแล้ว
บนชายฝั่งยามดึก เรือประมงลำเก่า ๆ แล่นช้า ๆ สู่ทะเลกว้าง เสียงเครื่องยนต์เชื้อเพลิงดีเซลดังก้องไปทั่วผืนน้ำที่เงียบสงบ
ในห้องโดยสาร หม่ารุ่ยกลับมามีท่าทางองอาจเหมือนเดิม มือถือขวดเหล้าขาว รินลงแก้วเกือบครึ่ง ปากยิ้มขณะกล่าว “น้องเติ้ง ต่อไปนี้พวกเราก็นับเป็นพวกเดียวกันแล้ว แม้สภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันออกจะเรียบง่ายไปนิด แต่ฉันก็จะขอดื่มอวยพรต้อนรับนาย”
ภายในเวลาไม่กี่วัน เติ้งหมิงเจี๋ยผอมลงไปมาก แต่ดวงตากลับส่องประกายมากขึ้น เขารับแก้วเหล้ามา ดื่มรวดเดียวจนหมด เหล้าขาวคุณภาพต่ำทำให้หน้าแดงก่ำ แต่เขาเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไร
“เก่งมาก! ” หม่ารุ่ยหัวเราะ ดวงตาเผยความพอใจ
เติ้งหมิงเจี๋ยวางแก้วลงบนโต๊ะ ดวงตาฉายแววลังเล รวบรวมความกล้าถาม “วันนั้นสถานการณ์วุ่นวายมาก ผมไม่เห็นซู่โหรวกับชางเอ๋อร์ ไม่ทราบว่าพวกเขา… ”
หม่ารุ่ยขมวดคิ้ว ปรบมือ ชายร่างเตี้ยอ้วนที่นำทางพวกเขาก่อนหน้านี้เดินเข้ามาในห้อง
“ภรรยาของคุณถูกตำรวจยิงเสียชีวิตระหว่างการยิงปะทะ เติ้งเฉิงชางถูกยิงที่ขา ตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ในบ้านของสายลับคนหนึ่ง กำลังรักษาตัว รอให้เหตุการณ์สงบจะส่งมาอยู่กับคุณ”
เมื่อได้ยินว่าภรรยาที่อยู่เคียงข้างมาหลายสิบปีเสียชีวิต แม้เติ้งหมิงเจี๋ยจะเลือดเย็น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าโศก ดวงตาฉายแววแค้น
“ไอ้ลูกหมาตัวแสบ ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะแก เลือดต้องล้างด้วยเลือด! ”
มุมปากของหม่ารุ่ยยกขึ้นด้วยความพอใจ ตบไหล่เขา แกล้งทำเป็นปลอบใจ “อดทนและยอมรับเถอะ แต่จะแก้แค้นโดยไม่มีพลังคงเป็นไปไม่ได้”
“พี่หม่ารุ่ยชี้แนะทางสว่างให้ผมด้วย”
หม่ารุ่ยลอบยิ้มมุมปาก ส่งสายตาให้ชายร่างท้วม อีกฝ่ายจึงยอมล่าถอยออกไปเงียบ ๆ
ภายในห้องโดยสารอันกว้างขวางกลับเข้าสู่ความตึงเครียด สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “ตอนนี้ภายในองค์กรมีแผนฝึกฝนคนใหม่ คนทั้งหมดหนึ่งพันคนจะถูกส่งไปยังเกาะร้าง จะมีครูฝึกคอยสอนสิ่งที่นายต้องการ แต่ 3 เดือนหลังจากนี้ จะมีเพียง 10 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตออกมา นายกล้าไปหรือเปล่า? ”
เติ้งหมิงเจี๋ยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย รีบตกลงทันที เขาหัวเราะอย่างน่าเวทนาพลางเอ่ย “นอกจากชีวิต ผมก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ยังจะมีอะไรที่ไม่กล้าทำอีก”
หม่ารุ่ยหัวเราะลั่น ยื่นขวดเหล้าในมือให้ เติ้งหมิงเจี๋ยรับมาแล้วกระดกเหล้าขาวเข้าปากจนหมดขวดในอึกเดียว
เดิมทีเขาก็ไม่ได้คอแข็ง การดื่มเหล้าขาวเป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้นทำให้รู้สึกโลกหมุน ภาพพร่ามัวปรากฏขึ้น เขาเหมือนเห็นเหอซู่โหรว ในชุดเจ้าสาวอันงดงาม กำลังจ้องมองมาเขาพร้อมรอยยิ้ม…
…
เรื่องราวทางโลกราวกับฝันหนึ่งพันปี
เหอเจ๋อนั่งขัดสมาธิ จิตใจแน่วแน่ เขาขับเคลื่อนพลังชี่ภายในร่างกายให้ไหลเวียนครบ 1 รอบ ในที่สุดก็สามารถกำจัดอาการบาดเจ็บภายในที่ซ่อนอยู่ได้ทั้งหมด สิ่งที่เหลืออยู่เป็นเพียงบาดแผลภายนอกที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร พักฟื้นไม่กี่วันก็หายเป็นปกติ
จนถึงตอนนี้เขาถึงได้ผ่อนคลาย ลืมตาขึ้น ปรากฏว่าโดยไม่รู้ตัว ข้างนอกหน้าต่างมีพระจันทร์ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าแล้ว
เหอเจ๋อมองไปที่ข้าวของเครื่องใช้หน้าตาคุ้นเคยภายในห้อง แววตาฉายแววความโศกเศร้า
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น ทุกวันนี้นอกจากประกันและมิจฉาชีพแล้ว ใครจะส่งข้อความมาหาเขากัน
ปกติเขาจะขี้เกียจดู แต่คราวนี้ไม่รู้เป็นอะไร จู่ ๆ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดปุ่มปลดล็อคแล้วมองดู ดวงตาจึงเบิกกว้างขึ้นมาในทันที
[ฉันแค่กลับบ้านแม่ ไม่มีอะไร กลับไปบอกไอ้แก่แซ่เหอซะ ว่าให้อยู่รอดปลอดภัย เก็บชีวิตตัวเองไปอีกสักสองสามวัน]
เมื่อเห็นสำนวนที่คุ้นเคย เหอเจ๋อก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก มีแม่นิสัยเอาแต่ใจเช่นนี้ ชาติที่แล้วเขาคงไม่ได้ทำบุญมาแน่ ๆ
แต่อย่างน้อยเขาก็โล่งใจ ความวิตกกังวลในใจผ่อนคลายลงชั่วคราว แต่คำว่า ‘บ้านแม่’ ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่านอกจากพ่อแม่แล้ว เหอเจ๋อจะยังมีญาติคนอื่น ๆ อยู่อีก?
เขาได้ยินบทสนทนาสุดท้ายระหว่างหมาก่านเอ๋อร์กับแม่อย่างชัดเจน แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงบอกว่าเขาเป็นแค่ลูกศิษย์ แต่การที่สามารถเรียกชื่อของหมาก่านเอ๋อร์ออกมาได้โดยตรง แสดงว่าทั้งสองคนเป็นคนรู้จักกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อตอนนี้แม่ยังมีชีวิตอยู่และสามารถส่งข้อความหาเขาได้ แสดงว่าคงจะไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายในเร็ว ๆ นี้ มิฉะนั้นคนพวกนั้นคงไม่ลงทุนลงแรงจับตัวเธอไปหรอก ป่านนี้คงฆ่าปิดปากไปแล้ว
เหอเจ๋อกำโทรศัพท์มือถือในมือ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โทรออกไป
เขาครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ต่อให้โทรไปแล้วรู้ว่าแม่ของเขาอยู่ที่ไหน สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ตอนนี้จะให้เขาบุกน้ำลุยไฟไปงั้นเหรอ?
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่ไอ้หม่าหลิวคนผอมแห้งนั่นคนเดียว ฝีมือมันก็น่ากลัวถึงขีดสุดแล้ว ถ้าจะให้เขาไปตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยแม่ไม่ได้ สุดท้ายมีหวังตายเปล่า
ในเมื่อแม่บอกแล้วว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต เขาก็น่าจะแอบไปฝึกฝนฝีมือเงียบ ๆ ได้ ถ้าในอนาคตเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ๆ จะได้ไม่ต้องจนปัญญาเหมือนวันนี้
พอคิดจนเข้าใจถี่ถ้วน เหอเจ๋อก็ส่งข้อความสั้น ๆ กลับไป มีแค่ประโยคง่าย ๆ ว่า ‘รักษาตัวด้วย’ เขาเชื่อว่าด้วยความเข้าใจต่อกันมานานกว่า 20 ปี แม่น่าจะเข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อ
ณ ปลายทาง เฟิ่งเฟยเฟยลบข้อความทั้ง 2 ออกอย่างลวก ๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยขณะแย้มรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมาว่า
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี ไหนขอดูซิว่าพวกมันมีฝีมือมากขึ้นแค่ไหนแล้ว”
MANGA DISCUSSION